มองมุมกลับ : 6 ข้อดีจากโควิด-19 ในวงการลูกหนัง

 

ไวรัสโคโรน่า หรือชื่ออย่างเป็นทางการ โควิด-19 ได้สร้างความเสียหายในวงการกีฬาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกนี้ และ ฟุตบอล ก็เป็นอีกกีฬาได้รับผลกระทบไปเต็มๆไม่แพ้กีฬาชนิดอื่น

 

5 ลีกใหญ่ในยุโรป อย่าง พรีเมียร์ลีก, บุนเดสลีก้า, ลีกเอิง, เซเรียอา, ลาลีก้า ต้องปิดการแข่งขันชั่วคราวและเลื่อนออกไปอย่างน้อยจนถึงเดือนหน้า รวมไปถึงการแข่งขันน้อยใหญ่ที่ต้องเลื่อนแข่งไปตามๆกัน และหลายแห่งก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถกลับมาเล่นต่อได้ในเร็วๆนี้ เนื่องจากไวรัสสายพันธ์นี้ยังคงระบาดอย่างหนักในหลายๆประเทศ

 

อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมกลับก็ยังมีเรื่องบวกอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะสถานการณ์เหล่านี้สามารถกลายเป็นบทเรียนสุดล้ำค่าให้แต่ละประเทศได้รับรู้และตระหนักถึง พร้อมกับเตรียมตัวรับมือได้อย่างทันที หากมีเรื่องลักษณะใกล้เคียงกันเกิดขึ้นอีกในอนาคต

 

และนี่คือ 6 ข้อดีที่วงการลูกหนังทั่วโลกได้จากไวรัสตัวร้ายในตอนนี้

 

 

ทีมเล็กใหญ่มีเวลาแก้ไขจุดอ่อน

 

 

การประกาศเลื่อนแข่งขันของลีกแต่ละประเทศเนื่องจากโควิด-19 ระบาด ย่อมทำเกมที่เดินทางมาเกินครึ่งทางหยุดฉะงักลงอย่างช่วยไม่ได้ แต่ช่วงเวลาที่เว้นว่างในตอนนี้ก็ทำให้แต่ละทีมสามารถย้อนมองไปถึงฟอร์มการเล่นของพวกเขาในฤดูกาลเช่นกัน

 

เวลาราวๆ 2 สัปดาห์ที่พักการแข่งไปเป็นอย่างน้อย จริงอยู่ที่มันยังไม่มากพอที่จะทำให้ผลงานของแต่ละทีมดีขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ก็มีเวลาที่ให้พวกเขาไปแก้ไขจุดอ่อน ปรับปรุงส่วนต่างๆของแผนการเล่นให้ดี้ขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน

 

นี่อาจเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้ทีมต่างๆในลีกแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปที่กำลังเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของฤดูกาล กลับมาทำผลงานจนคว้าแชมป์ลีก, ทำอันดับไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก หรือ แม้กระทั่งหนีรอดจากการตกชั้นก็เป็นได้

   

 

ตัวเจ็บหายกลับมาทัน

 

 

ในฤดูกาลนี้ มีนักเตะหลายคนที่ทำท่าว่าจะปิดเทอมฤดูกาลนี้ก่อนใครเพื่อน เช่น ซอน เฮือง มิน และ สตีเฟ่น เบิร์กไวน์ จากสเปอร์ส, เฮ็คตอร์ เบเยนริน จากอาร์เซน่อล รวมถึงนักเตะบางคนอาจจะหายกลับมาก็ปาไปช่วงท้ายของฤดูกาลอย่าง แฮร์รี่ เคน, มาร์คัส แรชฟอร์ด 

 

แต่ด้วยการแข่งขันที่เลื่อนออกไปจากไวรัสระบาด ทำให้มีโอกาสนักเตะที่บาดเจ็บอยู่อาจหายกลับมาช่วยต้นสังกัดทันก่อนปิดฤดูกาลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน และนี่อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ทีมต่างๆกลับมามีประสิทธิภาพในด้านต่างๆเพิ่มขึ้นจนมีลุ้นทำอันดับดีๆหรือคว้าแชมป์ติดไม้ติดมือก่อนปิดฉากฤดูกาลนี้ได้เลย

 

อีกทั้งความกระหายของนักเตะที่ได้กลับมาลงเล่นอีกครั้งในรอบหลายเดือนที่ร้างสนามไป ย่อมมีมากกว่านักเตะที่ลงเล่นเป็นปกติหลายเท่าตัว และต้องการทำผลงานให้โดดเด่นเพื่อกลับไปเป็นตัวหลักของทีมอีกครั้งด้วย

 

 

ระบบสาธารณสุขในสนามที่มีมาตรฐานสูงขึ้น

 

 

ก่อนหน้านี้ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดที่จีนใหม่ๆ ไม่มีใครในวงการลูกหนังนอกเหนือจากแดนมังกรที่ตระหนักถึง หรือ กังวัลกับไวรัสสายพันธ์ใหม่นี้จนกระทั่งได้ระบาดออกนอกประเทศและลุกลามไปทั่วโลก

 

พอเกิดเรื่องแบบนี้ทำให้ สโมสรต่างๆทั่วโลกได้ตระหนักถึงความรุนแรงจากโรคระบาดชนิดนี้ จนมีการปรับปรุงมาตรการของแฟนบอลในสนามให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ทั้งการตรวจอุณหภูมิร่างกายหรือเชื้อต่างๆที่เข้มข้น นอกเหนือจากความปลอดภัยที่มาจากแค่ความรุนแรงในสนาม

 

 

มีแบบจำลองภัยคุกคามจากโรคระบาด

 

 

วงการกีฬาเคยพบกับโรคระบาดที่ส่งผลกระทบมาแล้วในอดีต ทั้งไข้หวัดสเปนที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปราวๆ 50 ถึง 100 ล้านคนในปี 1918-1920, โรคซาร์ส ในปี 2003 ไวรัสอีโบล่าที่ส่งผลต่อวงการลูกหนังแอฟริกาในปี 2014 

 

แต่ไม่เคยมีโรคระบาดครั้งไหนที่ส่งผลกระทบต่อวงการฟุตบอลได้มากเท่ากับ โควิด-19 อีกแล้ว หลังทำให้การแข่งขันน้อยใหญ่บนโลกใบนี้ต้องเลื่อนหรือยกเลิกเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส

 

แต่หลังจากนี้ เชื่อว่า สมาคมลูกหนังแต่ละประเทศบนโลกจะมีมาตรการในการรับมือกับภัยธรรมชาติหรือโรคร้ายที่รัดกุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนสามารถแข่งขันได้ต่อไปโดยไม่ต้องกังวลว่าเชื้อร้ายต่างๆจะแพร่ขยายออกไปสู่แฟนบอลทั้งในและนอกสนาม

 

 

ระบบเปิดปิดลีกมีความแน่นอนมากขึ้น

 

 

ปฏิเสธไม่ได้กว่าการเลื่อนการแข่งขันออกไปย่อมทำให้การปิดฤดูกาลไม่สามารถทำได้ตามกำหนดเวลาที่วางเอาไว้ได้ และส่งผลกระทบต่อทัวร์นาเม้นต์อื่นๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่นในยุโรปที่ต้องเลื่อนไปจัดศึกยูโรในปีหน้า หรือ อเมริกาใต้ ที่เลื่อนศึกโกปา อเมริกา ไปแข่งปีหน้าตามมาติดๆ

 

เพราะฉะนั้นนี่จะกลายเป็นแม่แบบอีกอย่างที่ทำให้ลีกลูกหนังในประเทศต่างๆ มีแผนสำรองในการจัดตารางหรือกำหนดวันแข่งขันฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและไม่ส่งผลต่อความเหนื่อยล้าของแต่ละทีมมากที่สุด หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต

 

 

เห็นศักยภาพประมุขลูกหนังแต่ละประเทศ

 

 

แม้ว่านี่คือเหตุการณ์ที่ไม่มีใคอยากเห็นหรือต้องการให้เกิดขึ้นในโลกนี้ แต่อีกมุมหนึ่งมันก็ช่วยให้เรามองเห็นว่า สมาคมลูกหนังและหน่วยงานต่างๆของแต่ละประเทศมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหนในการป้องกันโรคระบาดต่อนักเตะหรือแฟนบอลทั่วไป

 

จากที่เห็นก่อนหน้านี้ ลีกแต่ละประเทศสั่งปิดการแข่งขันในเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งบางชาติก็จัดการเรื่องนี้ได้ดีสั่งปิดก่อนที่นักเตะจะติดเชื้อ เช่น ลีกจีนที่ปิดตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม, เจลีกทุกระดับในญี่ปุ่นก็เลื่อนไปตั้งเดือนกุมภาพันธ์ หรือในไทยเองที่สมาคมฟุตบอลประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไปตั้งแต่เดือนต้นมีนาคมแล้ว

 

กลับกัน ประเทศบางแห่งในยุโรปกลับจัดการเรื่องนี้ได้แย่พอสมควร อย่างเช่น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, บุนเดสลีก้า เยอรมัน หรือ กัลโช่ เซเรียอา ที่แม้จะเป็นลีกใหญ่ระดับต้นๆของโลก  แต่ต้องรอให้มีนักเตะติดเชื้อ หรือคนประท้วงก่อน จึงจะมีการสั่งปิดเลื่อนการแข่งขันออกไปตามชาติอื่นๆ