DCL อาจตามรอย : ส่องผลงาน 6 แข้งบริติชในสีเสื้อมาดริด

 

ถึงสหราชอาณาจักรจะปลุกปั้นนักเตะมากมาย แต่ก็มีไม่กี่คนที่จะได้โอกาสย้ายไปเล่นกับทีมยักษ์ในสเปนอย่าง เรอัล มาดริด 

 

หลังการรีเทิร์นคุม ‘ราชันชุดขาว’ คำรบที่ 2 ของ คาร์โล อันเชล็อตติ มีรายงานว่าอันเช่เตรียมหิ้ว โดมินิค คัลเวิร์ต เลวิน กองหน้าลูกรักจาก เอฟเวอร์ตัน ไปร่วมทีมด้วย และโอกาสย้ายไปเล่นกับทีมเบอร์ต้นๆ ในลาลีก้า ก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยากเช่นกัน

 

หากเป็นเช่นนั้นจริง กองหน้าจาก ‘ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน’ จะกลายเป็นนักเตะคนที่ 7 จากสหราชอาณาจักรที่ได้โชว์ฝีเท้าใน ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ตามรอยรุ่นพี่ชาวบริติช 6 คนก่อนหน้านี้

 

ว่าแต่ 6 คนก่อนหน้านี้เป็นใครบ้าง UFAARENA จะพาไปย้อนส่องผลงานของพวกเขากับ เรอัล มาดริด ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดในแดนกระทิง 

 

 

แกเร็ธ เบล

 

6 Amazing Gareth Bale Stats Which Prove He Deserves to Stay at Real Madrid | 90min

 

เขาอาจไม่มีความสุขนักกับการเล่นให้ เรอัล มาดริด ในช่วง 2-3 ปีหลัง เนื่องจากไม่ค่อยปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมการใช้ชีวิตในสเปน และความรักที่เขามีต่อกีฬากอล์ฟมากเกินไปในสายตาสื่อ แต่ถึงเป็นเช่น เบล ก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในแดนกระทิง

 

หลังจากย้าย ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในปี 2013 ด้วยค่าตัวสถิติโลก ดาวเตะทีมชาติเวลส์ ก็ทำผลงานได้โดดเด่นไม่น้อยช่วง 3 ปีแรก แถมทำประตูสำคัญให้ทีมมากมาย แม้ไม่เคยชนะใจเหล่ามาดริดนิสต้าได้แบบเต็มร้อยก็ตาม

 

ความสำเร็จของ เบล ที่ชัดเจนใน เบอร์นาเบว คือการคว้าถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ลีก 4 สมัย รวมถึงแชมป์ลาลีก้า 2 สมัย แต่คงน่าประหลาดใจไม่น้อย หากเขาได้โอกาสกลับมาเป็นตัวหลักให้ มาดริด อีกครั้ง

 

 

โจนาธาน วู้ดเกต

 

Trouble in paradise: Jonathan Woodgate's nightmare spell at Real Madrid

 

หนึ่งในนักเตะที่ประเดิมสนามกับต้นสังกัดใหม่ได้อย่างย่ำแย่ และช่วงเวลาของ วู้ดเกต กับ เรอัล มาดริด ต้องบอกว่าเข้าขั้นหายนะเลยก็ว่าได้

 

กองหลังชาวอังกฤษ ต้องรอถึง 1 ปีกว่าจะได้ลงเล่นให้ ‘ราชันชุดขาว’ ได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บ และเมื่อได้โอกาสก็ทำเรื่องงามหน้าตั้งแต่เกมแรก ทั้งทำเข้าประตูและโดนใบแดงในนัดเดียว

 

แต่ วู้ดเกต ก็ยังได้โอกาสลงเล่นอยู่บ้างในฤดูกาล 2005-06 แต่อาการบาดเจ็บที่เล่นงานเขาอีกครั้ง จนท้ายที่สุดก็ตัดสินใจย้ายกลับมา มิดเดิ้ลสโบรห์ ในปี 2006

 

ชื่อเสีย(ง)ของ อดีตแนวรับวัย 41 ปี ในสเปนยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เมื่อปี 2007 มาร์ก้า สื่อดังแดนกระทิง เผยว่า วู้ดเกต ถูกโหวตให้เป็นการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 จากผู้อ่านทั่วประเทศ

 

 

ไมเคิ่ล โอเว่น

 

Michael Owen: "I just couldn't live with myself if I'd have said no to going to Real Madrid" - Tribuna.com

 

ผลงานโดยรวมอาจดูผิดหวังในสายตาของใครหลายๆคน แต่ถ้ามาดูกันจริงๆ ไมเคิ่ล โอเว่น ก็ไม่ได้แย่ขนาดที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันใน เรอัล มาดริด เลย

 

ดาวยิงฉายา ‘เบบี้ โกล’ ย้ายมาในช่วง กาลาติกอส โดยที่เขาต้องแข่งขันแย่งตำแหน่งกองหน้าตัวจริงกับทั้ง ราอูล กอนซาเลซ และ โรนัลโด้

 

16 ประตูจาก 45 นัด ฟังดูไม่แย่มากนัก แต่กองหน้าทีมชาติอังกฤษรู้สึกผิดหวังกับโอกาสในทีมที่ไม่มากพอและเลือกย้ายกลับไป นิวคาสเซิล ในปี 2005

 

ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา Reboot – My Life, My Time โอเว่นกล่าวว่า “แม้จะฟังดูแปลกและบางทีก็ดูพ่ายแพ้ แต่เกือบจะทันทีที่เรามาถึงสเปน ผมรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าการลงเล่นของผมคงจะมีไม่มาก”

 

“ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม สโมสรพาเราไปที่โรงแรมในขณะที่เราพยายามหาบ้าน เราสองคนอยู่ในห้องเดียวกันซึ่งมีลูกสาวอายุน้อยซึ่งอยู่ในวัยที่เธอต้องการความสนุกสนาน คงจะลำบากพอสำหรับ 1 เดือน แต่ 1 เดือนกลายเป็น 2 และ 2 ก็กลายเป็น 4”

 

 

เดวิด เบ็คแฮม

 

David Beckham news: Real Madrid legend Michel Salgado had to 'babysit' Manchester United icon & Steve McManaman at the Santiago Bernabeu | Goal.com

 

ด้วยชื่อเสียง, ฝีเท้า และราศีที่เหมาะสมกับการอยู่ในทีม กาลาติกอส ทำให้ เรอัล มาดริด ชิงตัดหน้า บาร์เซโลน่า คว้า เดวิด เบ็คแฮม จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์ปี 2003

 

การมาของเขาช่วยเพิ่มยอดขายเสื้อได้อย่างแน่นอน แต่กัปตันทีมชาติอังกฤษไร้แชมป์ใดๆ ในช่วง 3 ฤดูกาลแรกของเขาที่สเปน เนื่องจากผู้จัดการทีมหลายคนล้มเหลวในการดึงเอาความสามารถด้านเกมรุกที่ไม่ธรรมดาออกมาให้เต็มที่

 

เมื่อ ฟาบิโอ คาเปลโล่ เข้ามาคุมทีมในฤดูกาล 2006-07 เบ็คแฮม ไม่มีส่วนกับทีมมากนักในช่วงแรกๆ แต่กองกลางเท้าชั่งทอง ก็พยายามอย่างเต็มที่จนเอาชนะใจกุนซือชาวอิตาเลี่ยนได้ ก่อนพา ‘โลส บลังโกส’ คว้าแชมป์ลาลีก้า ในฤดูกาลนั้น

 

นี่เป็นแชมป์ถ้วยเดียวที่ เบ็คแฮม ทำได้ในแดนกระทิง และยิงไปทั้งหมด 20 ประตูจาก 155 นัดให้กับ มาดริด ก่อนย้ายไป แอลเอ กาแล็คซี่ ในปี 2007

 

 

สตีฟ แม็คมานามาน

 

Steve McManaman: "Why I Had to Leave Liverpool" - The Liverpool Offside

 

ช่วงเวลาของ แม็คมานามาน ในเรอัล มาดริด เน้นย้ำว่าเขาเป็นนักเตะมากสามารถคนหนึ่งที่ถูกมองข้ามในทีมบ่อยๆ

 

ด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจกับ ลิเวอร์พูล และ อังกฤษ ทำให้ แม็คก้า ย้ายไปค้าแข้งในต่างแดนเป็นครั้งแรกกับ สเปน ในปี 1999 แบบไร้ค่าตัว และมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาลแรก โดยคว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนัดชิงที่เอาชนะ บาเลนเซีย 3-0

 

ทว่าการมาของ หลุยส์ ฟิโก้ ทำให้เวลาลงสนามของเขาน้อยลง และสุดท้ายก็กลายเป็นส่วนเกินใน ‘โลส บลังโกส’ แต่เขาก็ยังไม่ย้ายไปไหน ก่อนมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยุโรปอีกครั้งในปี 2002

 

ด้วยความมุ่งมั่นและทัศนคติที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทำให้ แม็คมานามาน กลายเป็นที่รักของแฟนมาดริด ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้

 

 

ลอรี่ คันนิ่งแฮม

 

Laurie Cunningham: Tragic tale of the former Manchester United player who amazed Real Madrid | The Independent | The Independent

 

ลอรี่ คันนิ่งแฮม คือนักเตะชาวอังกฤษคนแรกที่ได้มาเล่นให้กับ เรอัล มาดริด หลังย้ายมาจาก เวสต์บรอมวิช ในปี 1979

 

ด้วยลีลาการเล่นที่คล่องแคล่วว่องไว และทำประตูได้ดี แม้อยู่ในตำแหน่งปีก ทำให้ คันนิ่งแฮม กดไป 2 ประตูในเกมประเดิมสนาม และช่วยให้ ‘ราชันชุดขาว’ คว้าดับเบิ้ลแชมป์ ตั้งแต่ฤดูกาลแรกของเขาในสเปน

 

แม้เป็นปีกซ้ายที่มีทักษะดี ความเร็วสูง จนสร้างความประทับใจให้แฟนไม่น้อย แต่อาการบาดเจ็บและนิสัยชอบเที่ยวกลางคืน ส่งผลให้คันนิ่งแฮมผลงานตกลงในเวลาต่อมา

 

เขาบอกลา เบอร์นาเบว ในปี 1984 และน่าเศร้าที่อีก 6 ปีต่อมา คันนิ่งแฮม ประสบอุบัติเหตุในกรุงมาดริดเสียชีวิตด้วยวัย 33 ปี ขณะที่ค้าแข้งกับ ราโย บาเยกาโน่