ถึงจะประเดิมสนามให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรกในช่วงท้ายฤดูกาลก่อน แต่ในฤดูกาล 2019-20 เมสัน กรีนวู๊ด ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นปีแจ้งเกิดของเขาไปแล้ว
กองหน้าดาวรุ่งเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีค่าเฉลี่ยการทำประตูต่อ 90 นาที ดีเป็นอันดับต้นๆในลีก เช่นเดียวกับรายการแข่งขันอื่นๆทั้ง บอลถ้วยในประเทศ หรือ ฟุตบอลรายการยุโรป ก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
แต่เมื่อนำฟอร์มการเล่นนี้ไปเทียบกับแข้งดาวรุ่งของปีศาจแดงคนอื่นๆ กรีนวู๊ดจะทำได้ดีกว่ามากน้อยเพียงใดกัน?
เมสัน กรีนวู๊ด
เริ่มกันที่เจ้าของต้นเรื่อง กรีนวู๊ด ซัดไป 5 ประตูในเกมลีกของฤดูกาลนี้ โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.78 ประตูต่อ 90 นาที มีเพียง เซร์คิโอ้ อเกวโร่ เพียงคนเดียวที่ลงเล่นมากกว่า 500 นาทีที่มีค่าเฉลี่ยการยิงประตูที่ดีกว่า
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แข้งวัย 18 ปี ยังกดในรายการยูโรป้า ลีกไป 4 ประตู เช่นเดียวกับการล่าตาข่ายใน เอฟเอ คัพ หรือ ลีก คัพ ฤดูกาลนี้ ที่มีอัตราใกล้เคียงกัน ทำให้ชัดเจนว่า เขาเป็นกองหน้าประเภทโป้งเดียวปิดบัญชี โดยไม่ต้องใช้ลีลาท่ามาก
“เขากำลังดียิ่งขึ้นๆไปอีก” โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือปีศาจแดงกล่าว หลัง กรีนวู๊ด ยิงได้ในเกมพบ วัตฟอร์ด “เขาอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ร่างกายยังไม่เติบโตเต็มที่ เขาไม่ได้เป็นเหมือน เวย์น รูนี่ย์ ในวัย 18 ปี แต่ในช่วงเวลา 2-3 ปี เขาจะใกล้เคียงกับการเป็นนักเตะเบอร์ 9 ไม่มากก็น้อย”
อังเคล โกเมส
แข้งปีศาจแดงที่ได้ประเดิมสนามด้วยอายุน้อยที่สุด ยังทำผลงานไม่ได้อย่างที่แฟนบอลคาดหวัง แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของนักเตะอนาคตใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อยู่
โกเมส ได้ลงเล่นนัดแรกในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2016-17 ในวัย 16 ปี และจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่มีฤดูกาลไหนที่แฟนบอลสามารถบอกว่าเป็นปีแจ้งเกิดของ เพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กได้เต็มปาก
ตอนนี้ โกเมสในวัย 18 ปี ได้ลงเล่นเพียง 25 นาทีในพรีเมียร์ลีก เท่าๆกับฤดูกาลที่แล้ว แม้จะได้เล่นในฟุตบอลยุโรปมากขึ้นก็ตาม
แกรี่ เนวิลล์
หลังจากได้ประเดิมนัดแรกในฤดูกาล 1992-93 ในศึกยูฟ่า คัพ เนวิลล์คนพี่ต้องรออีก 2-3 ปี กว่าจะเบียดขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ได้อย่างสม่ำเสมอ
แน่นอน เมื่อโอกาสนั้นมาถึง แบ็คขวาชาวอังกฤษก็ทำได้อย่างดี ด้วยการลงเล่น 18 นัดในลีกของฤดูกาล 1994-95 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากลายเป็น แบ็คขวาตัวหลักนานนับ 10 ปีต่อจากนั้น
เพราะฉะนั้น นักเตะในทีมที่ยังไม่รับโอกาสและแจ้งเกิดอย่างรวดเร็วก็ไม่ควรตื่นตระหนก และรอจังหวะที่เหมาะสมเหมือนกับ เนวิลล์ ก็คงเข้าท่าเหมือนกัน
เฟเรดิโก้ มาเคด้า
แฟนปีศาจแดงรู้สึกเศร้าใจกับ มาเคด้า มากๆ เนื่องจากฤดูกาลแจ้งเกิดของเขาไม่ควรเป็นช่วงที่ดีที่สุดของเขาในสโมสร และยังเกิดขึ้นแค่ช่วงฤดูใบไม้พลิเท่านั้น
กองหน้าชาอิตาเลี่ยน ยิงไป 2 ประตู จาก 5 เกมในฤดูกาล 2008-09 แต่หลังจากนั้นเขาก็ยิง 2 ประตูในฤดูกาลเดียวให้ ยูไนเต็ด ไม่ได้อีกเลย
อย่างน้อยเรื่องดีก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน หลังแข้งวัย 28 ปี ยิงแตะหลักสิบได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันกับ พานาธิไนกอส สโมสรดังจากประเทศกรีซ
โจชัว คิง
หลายเดือนต่อมา หลังมาเคด้า ได้เปิดซิงนัดแรก โจชัว คิง ก็ได้เลงเล่น 9 นาทีแรกของเขากับ ยูไนเต็ด ในรายการลีกคัพ
แม้จะก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดกับทีมดังในแมนเชสเตอร์ไม่ได้ เขาก็ยังอยู่ในเส้นทางของฟุตบอลอาชีพในอังกฤษอยู่ จนได้ย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ บอร์นมัธ ที่ยิงไปแล้ว 45 ประตูในลีกนับตั้งแต่ปี 2015
เมื่อช่วงตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา หอกชาวนอร์เวย์ เกือบได้ย้ายมาค้าแข้งในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังตกเป็นข่าวอย่างหนัก แต่ท้ายที่สุดก็ต้องอยู่กับ เดอะ เชอร์รี่ส์ ต่อไป
เรเกน พูล
ทันทีที่ย้ายจาก นิวพอร์ท เต้าท์ตี้ เรเกน พูล ก็ได้ลงเล่นเกมแรกในนัดแจ้งเกิดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่พบกับ มิดทิลแลนด์ ในศึกยูโรป้า ลีก ฤดูกาล 2015-16
แต่กองหลังชาวเวลส์ ไม่ได้สร้างผลกระทบมากกมายได้อย่าง กองหน้าชาวอังกฤษ พร้อมกับถูกปล่อยให้ทีมอื่นยืมใช้งานเป็นส่วนใหญ่ ก่อนจะย้ายไปแบบถาวรกับ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส ในซัมเมอร์ปี 2019
ราเวล มอร์ริสัน
มอร์ริสัน ลาปีศาจแดงไปซบ เวสต์แฮม แบบสุดเซอร์ไพรส์ หลังได้ลงเล่นในเกมลีก 1 นัดในฤดูกาล 2010-11 และอีก 2 นัดในฤดูกาลต่อมา
เขาถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นความหวังใหม่ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่ความเป็นจริง แข้งวัย 27 ปี ได้ร่อนเร่พเนจรค้าแข้งไปทั่ว และไม่มีทีมไหนที่เขาแจ้งเกิดได้เต็มตัวเสียที
ล่าสุด นักเตะชาวอังกฤษ ก็โยกย้ายอีกครั้ง หลังมิดเดิลสโบรห์ ขอยืมตัวจาก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไปใช้งานจนฤดูกาลนี้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
เคราร์ด ปิเก้
ดูเหมือนว่า ตอนที่ ปิเก้ กำลังจะแจ้งเกิดกับ ปีศาจแดง ได้อย่างเต็มตัว เขากลับเลือกย้ายไปเล่นให้สโมสรเก่าในบ้านเกิดอย่าง บาร์เซโลน่า เสียก่อน
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาได้ลงเล่นถึง 13 นัดในฤดูกาล 2007-08 แม้ไม่ได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยพาต้นสังกัดคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกก็ตาม ซึ่งเป็นเวลาหลังจาก 3 ปีที่ กองหลังชาวสแปนิช ได้ประเดิมสนามนัดแรกกกับ อเล็กซานดร้า ครูว์ ในลีกคัพ
3 นัดในปีแรก, 7 นัดในปีที่ 2 และ 13 นัดหลังจากที่หมดสัญญายืมตัวในสเปน คุณน่าจะพอรู้สึกได้ว่า ปีเก้ จะได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น ไม่ว่าจะเขาจะเลือกย้ายไปทีมไหนก็ตาม
จูเซ็ปเป้ รอสซี่
รอสซี่ และ ปิเก้ ได้ประเดิมสนามในวัย 17 ปี และในฤดูกาลเดียวกัน แต่หัวหอกชาวอิตาเลี่ยนก็ดูดีกว่า เพื่อนร่วมรุ่นอยู่เล็กน้อย
ฤดูกาล 2005-06 เขาสร้างชื่อดัวยการซัด 4 ประตูจาก 12 เกม และอาจจะได้ลงเล่นมากกว่านี้ไม่ต่างจากที่ กรีนวู๊ด ได้รับโอกาสในปัจจุบัน
แต่อาการบาดเจ็บที่รบกวน รอสซี่ อยู่ตลอดอาชีพค้าแข้ง ทำให้ต้องโบกมือลาทีมไป และกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา
แดนนี่ เวลเบ็ค
ต้องบอกว่าฤดูกาลแรกของ เวลเบ็ค กับปีศาจแดง ไม่ได้แตกต่างจาก ปีที่สองของ กรีนวู๊ด เลยซักนิด เมื่อเขาซัด 3 ประตู จาก 13 นัด ทำให้หลายคนมองว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในแข้งตัวหลักของทีมในอนาคตข้างหน้า
เขาอาจต้องย้ายไปยืมตัวกับทีมอื่นเพื่อหาประสบการณ์ซักหน่อย แต่ว่าหลังจากกลับมา เขาก็ค่อยๆกลายเป็น เวลเบ็ค อย่างที่หลายคนรู้จัก จนกระทั่ง ยูไนเต็ด ตัดสินใจปล่อยเขาให้อาร์เซน่อลในปี 2014
นิกกี้ บัตต์
เส้นทางค้าแข้งของ บัตต์ คล้ายคลึงกับ เนวิลล์ พอสมควรในช่วงขวบปีแรกๆ ที่ได้ลงเล่นบ้าง แต่ก็ต้องรอโอกาสเป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ต่อไป
จนกระทั่งแข้งคลาส ออฟ 92 ก้าวขึ้นมาพร้อมๆกัน บัตต์ ก็กสร้างชื่อของเขาได้ทันทีในฤดูกาล 1994-95 และมีความสุขกับการค้าแข้งในทีมปีศาจแดงตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายนานนับ 10 ปี
ปัจจุบัน อดีตกองกลางชาวอังกฤษ ยังทำงานกับสโมสรอยู่ และเป็นส่วนหนึ่งของทีมสต๊าฟโค้ชของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
คริส อีเกิ้ลส์
อีเกิ้ลส์ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ไม่สามารถแจ้งเกิดกับทีมได้ในยุคของ เฟอร์กี้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้หายไปจากวงการลูกหนังแบบไร้ร่องรอยซะทีเดียว
เช่นเดียวกับ กรีนวู๊ด เขาลงเล่นนัดแรกในฐานะตัวสำรองรายการบอลถ้วย แต่กลับได้ลงเล่นให้ปีศาจแดงทั้งหมดเพียง 17 นัด ตลอด 5 ปีในทีม
ในวัย 34 ปี ปีกชาวอังกฤษก็ยังค้าแข้งต่อไป โดยเพิ่งย้ายไปเล่นกับ โอลด์แฮม แอธเลติก ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
