มีดีกว่าที่เห็น: วิเคราะห์ดีลอาเก้จะช่วยแก้ไขเกมรับเรือใบอย่างไร

 

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ทำการเสริมทัพแข้งใหม่ถึง 2 รายภายใน 2 วัน หนึ่งในนั้นคือ นาธาน อาเก้ ด้วยค่าตัว 41.5 ล้านปอนด์ จากบอร์นมัธ แต่เขาคือกองหลังทีมจำเป็นจริงๆหรือ?

 

แนวรับชาวดัตช์ ถือเป็นอีกแข้งที่เนื้อหอมในทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว หลังจาก เดอะ เชอร์รี่ส์ ได้รับการยืนยันว่าตกชั้นเรียบร้อยในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2019-20

 

แม้ว่ามีอายุเพียง 25 ปี แต่ อาเก้ กลับมีประสบการณ์ในลีกผู้ดีถึง 9 ปี นับตั้งแต่ย้ายจาก เฟเยนูร์ด มาร่วมทีมเชลซีในปี 2011 และถ้านับเฉพาะกองหลังที่มีอายุ 25 หรือน้อยกว่านั้น มีเพียง ลุค ชอว์ กับ เอ็คตอร์ เบเยริน ที่ลงเล่นในลีกสูงสุดมากกว่าเขาเท่านั้น

 

ทาง UFA ARENA จะนำฟอร์มการเล่นของ กองหลังป้ายแดงในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ว่าเขาจะช่วยปรับปรุงและพัฒนาเกมรับของเรือใบให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งได้อย่างไรผ่านบทความนี้ 

 

 

จากแบ็คสู่ปราการหลัง

 

 

เส้นทางค้าแข้งของ กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ ในการขึ้นมาเป็นแข้งตัวหลักระดับสโมสรถือว่ายาวนานและเวลาพอสมควร เมื่อเขาลงเล่นเพียง 5 นัดเท่านั้นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ ช่วง 3 ฤดูกาลที่ขึ้นชุดใหญ่สิงห์บลูในปี 2012

 

ทว่า อาเก้ ก็ถูกปรับเปลี่ยนตัวแหน่งการเล่นของตัวเองในฤดูกาลต่อมา ด้วยการขยับไปเล่น แบ็คซ้าย กับ วัตฟอร์ด ด้วยสัญญายืมตัว โดยลงเล่นไป 23 นัด พร้อมกับโดนโยกไปเล่นกองหลังตัวกลางด้วย

 

จากนั้น บอร์นมัธ ก็ยืมมเขาไปใช้งานในฤดูกาล 2016-17 ซึ่ง เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือของทีม เป็นคนแรกที่ใช้งานเขาในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค ก่อนจะย้ายกลับไป เชลซี ในช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวปี 2017

 

อย่างไรก็ตาม ในซัมเมอร์นั้น เดอะ เชอร์รี่ส ก็ได้ตัดสินใจคว้าแข้งแดนกังหันลมมาร่วมทีมแบบถาวรในซัมเมอร์ปี 2017 ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ นับตั้งแต่นั้น อาเก้ ก็ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง 104 จากทั้งหมด 114 เกมในลีก และ 97 เกมนั้นเขาเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็ค

 

ด้วยโอกาสที่มีน้อยนิดสมัยค้าแข้งใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำให้ อาเก้ ไม่ได้โชว์ความสามารถมากนัก แต่เมื่อได้ลงสนามมากขึ้น ในช่วงยืมตัวกับ วัตฟอร์ด และ บอร์นมัธ เป็นเวลา 3 ปี เขาก็ทำผลงานได้โดดเด่นมากขึ้น ก่อนจะย้ายมาร่วมทีมแดนใต้อย่างถาวรในเวลาต่อมา

 

อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการเล่นของ อาเก้ ยังแสดงให้เห็นถึงความสารพัดประโยชน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชื่นชอบ อย่างที่เขาขยับ แฟร์นานดินโญ่ จากกองกลางตัวรับไปเล่นเป็นกองหลังเพื่อประคอง อายเมริค ลาปอร์ต ในยามจำเป็น

 

 

ความสามารถและตำแหน่งที่หลากหลาย

 

 

ถึงแม้จะถูกขยับไปเล่นเป็นกองกลางตำแหน่งเก่าในบางครั้ง แต่ อาเก้ ก็ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม อย่างเช่นเกมที่ยิงประตูชัยใส่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ในเดือนพฤษภาคมปีก่อน

 

ฮาว ได้กล่าวหลังเกมนั้นว่า “นาธาน สนุกกับบทบาทกองกลาง มันดูเป็นธรรมชาติกับเขา และผมคิดว่าเขาชอบแนวคิดการเล่นตรงนี้ด้วย ความงดงามสำหรับนักเตะแบบอาเก้คือ ความสามารถที่หลากหลาย ผมคิดว่าเขาสามารถเล่นตรงไหนก็ได้ที่เราต้องการให้เขาเล่น”

 

อีกทั้ง รูปแบบการจ่ายของ อาเก้ ก็เปลี่ยนไปในฤดูกาลที่ผ่านมา ที่พยายามออกบอลไปข้างหน้าน้อยลง และ ประสานงานกับ ดีเอโก้ ริโก้ ในตำแหน่งแบ็คซ้ายมากขึ้น

 

ด้วยผลนี้เอง ทำให้ อาเก้ มีเปอร์เซนต์จ่ายบอลแม่นยำถึง 87.6 เปอร์เซนต์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขมากที่สุดที่เขาเคยทำได้กับ บอร์นมัธ รั้งอันดับที่ 16 ของกองหลังทั้งหมดในลีกที่ลงสนามมากว่า 800 นาทีขึ้นไป

 

แม้จะสูงแค่ 180 เซนติเมตร แต่แข้งวัย 25 ปี ก็เล่นลูกกลางอากาศได้ดี และ 12 ประตูที่เขาทำได้ในพรีเมียร์ลีก ก็มาจากลูกโหม่งถึง 6 ประตูด้วยกัน 

 

ด้านการเข้าปะทะ อาเก้ ทำได้ค่อนข้างธรรมดา เมื่อมีค่าเฉลี่ยเพียง 1.1 ครั้งต่อเกม จากการสนามทั้งหมด 29 นัดในลีกปีล่าสุด แต่หากดูจากสถิตินับตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 บ่งบอกว่า บอร์นมัธ มักทำได้ดีกว่ายามมี เขาอยู่ในสนาม ซึ่งทำทีมีเปอร์เซนต์ชนะสูงขึ้นถึง 8 เปอร์เซนต์เลย (29.5% เมื่อมี, 22.2 เมื่อไม่มี) และเสียประตูน้อยลงด้วย (1.7 ลูกต่อเกมเมื่อมี, 1.8 ลูกต่อเกม เมื่อไม่มี) 

 

เชลซี มีโอกาสใช้เงื่อนไขดึงตัวกลับไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ แต่กลับเป็นฝั่งเรือใบที่มือไวใจเร็วคว้า อาเก้ เพื่อช่วยแก้ปัญหาแนวรับของพวกเขาทันที

 

กองหลังชาวดัตช์ ถือเป็นการเสริมทัพที่น่าสนใจ และความสารพัดประโยชน์ บวกกับการรับมือความกดดัน, ความสม่ำเสมอ และ ประสบการณ์มากมายในวัยเพียง 25 ปี ไม่แปลกที่เขาจะกลายเป็นตัวเลือกแรกๆที่ กวาร์ดิโอล่า เสริมทัพในซัมเมอร์นี้

 

 

ช่องโหว่แนวรับเรือใบ

 

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจยิงประตูมากกว่าใครในลีกเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกัน โดยในฤดูกาลนี้ พวกเขากดไปถึง 102 เม็ด มากกว่า ลิเวอร์พูล แชมป์ลีกถึง 17 ลูก แต่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า กลับมีปัญหาในหลังบ้าน ซึ่งพวกเขาเสียประตูมากกว่า หงส์์แดง 12 ลูก ในช่วงเกมลีกนัดที่ 31 แม้ว่าทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะทำผลงานตกลงหลังคว้าแชมป์หลังจากนั้นก็ตาม

 

การที่ ซิตี้ มีแต้มตามหลังถึง 18 คะแนน ชัดเจนว่าเป็นผลจากเกมรับที่หละหลวมจนเป็นจุดอ่อน พวกเขาเสียประตูเฉลี่ยเกือบ 1 ลูกต่อเกม ซึ่งใกล้เคียงกับปีแรกที่ กุนซือชาวสแปนิช เข้ามาคุมทีมในฤดูกาล 2016-17 โดยในปี 2018 และ 2019 พวกเขาเสียเพียง 0.7 และ 0.6 ลูกต่อเกมเท่านั้น

 

อีกปัจจัยหนึ่งที่ให้เป็นแบบนี้คือ พวกเขาไม่สามารถหาตัวแทนของ แวงซองต์ กอมปานี ที่ลาสโมสรไปได้ ซ้ำร้ายการบาดเจ็บหนักของ ลาปอร์ต ยิ่งทำให้เกมรับยวบกว่าเดิม

 

เมื่อไม่มี อดีตปราการหลังบิลเบา จุดอ่อนของ เรือใบในเกมรับก็ชัดเจนมากขึ้น และต่อให้เขาฟิตสมบูรณ์เต็มร้อย ก็ขาดคู่หูที่ไว้ใจได้อีก

 

นิโคลัส โอตาเมนดี้, จอห์น สโตนส์ และ เอริค การ์เซีย ได้รับการทดสอบทั้งหมด แต่ กวาร์ดิโอล่า ก็ยังเลือกใช้งาน แฟร์นานดินโญ่ กองกลางตัวรับ เป็นเซ็นเตอร์จำเป็นอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังส่ง โรดรี้ ลงเล่นในตำแหน่งดังกล่าวด้วยเช่นกัน

 

 

บทเรียนนี้แจ่มชัด ซิตี้ เป็นทีมที่เกมรุกยอดเยี่ยมไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว แต่พวกเขาจำเป็นต้องเติมเต็มช่องว่างในเกมรับที่ขาดหายไป และลงเอยด้วยการคว้า อาเก้  มาร่วมทีมในซัมเมอร์นี้

 

และแฟนบอลเหล่าแฟนบอล เดอะซิตี้เซนส์ คงหวังว่านี่คงเป็นการเสริมทัพที่ทำให้ทีมรักของพวกเขากลับมาแข็งแกร่งในเกมรับอักครั้ง เพื่อมีลุ้นเบียดแชมป์กับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลต่อไปได้อย่างสมศักดิ์ศรี