อดีตจอมทัพชาวดัตช์ สารภาพว่าตัวเองทำตัวเหลวแหลกเมื่อครั้งที่ยังค้าแข้งในสีเสื้อราชันชุดขาว
เวสลี่ย์ ชไนเดอร์ อดีตกองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ ยอมรับว่าตัวเองใช้ชีวิตแบบผิดๆในตอนที่เล่นให้กับ เรอัล มาดริด โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการติดแอลกอฮอล์ พร้อมชี้ว่าด้วยสถานะในเวลานั้นทำให้เขาได้รับการปกป้องอยู่ตลอด
ชไนเดอร์ ย้ายจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาร่วมทีม เรอัล มาดริด ในปี 2007 ด้วยค่าตัว 27 ล้านยูโร แต่เจ้าตัวอยู่ค้าแข้งบนถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาบิวได้เพียง 2 ฤดูกาลเท่านั้น ก่อนที่จะถูกขายไปให้กับ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2009 ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร
“ผมยังเด็ก , สนุกกับความสำเร็จ และการได้รับความสนใจ” ชไนเดอร์ เปิดเผยในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มใหม่ของตัวเอง
“มันเป็นอะไรที่ผิดพลาดที่นั่น ไม่มีเรื่องของยาเสพติด แต่เป็นเรื่องของแอลกอฮอล์ และการใช้ชีวิตสไตล์ rock-and-roll ผมคุ้นเคยกับแบบนั้น ในฐานะหนึ่งในนักเตะระดับสตาร์ คุณได้รับความเคารพในฐานะนักเตะของ เรอัล”
“ทุกสิ่งที่คุณทำผิดพลาดจะได้รับการให้อภัย นั่นเพราะสถานะของคุณ และความนิยมของคุณ แม้ว่าผมจะนอนกลิ้งข้ามถนน และหมดเงินไปหลายพันยูโร หรือมอบเงินทั้งหมดให้กับบาร์ ผมไม่สามารถพูดได้ว่าผมต่อต้านสิ่งเหล่านั้นดีพอแล้ว”
และ ชไนเดอร์ ก็ได้เล่าถึงช่วงเวลาที่เขาหย่ากับภรรยาคนแรกว่า “ผมถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง และไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวตัวน้อย เจสซี่ย์ มันเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก และผมรู้สึกแย่ที่ต้องอยู่ตามลำพัง ผมรู้สึกโดดเดี่ยวแม้จะมีเพื่อนให้ใช้เวลาด้วยก็ตาม”
“ผมแค่ไม่ได้สำนึกว่าขวดวอดก้ากลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมไปแล้ว”
สำหรับ ชไนเดอร์ แขวนสตั๊ดไปแล้วเรียบร้อยเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2019 โดยต้นสังกัดสุดท้ายของเจ้าตัวคือ อัล การาฟา สโมสรในลีกกาตาร์
