ม้ามืดแห่งปี : เบื้องหลังความร้อนแรงของวูล์ฟแฮมป์ตัน

 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดหินกับบรรดาทีมน้องใหม่อยู่เสมอ ซึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทีมใหม่ๆเหล่านี้มักจะไม่สามารถอยู่รอดในลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้ และบางทีมก็จะร่วงกลับอยู่ใน แชมเปี้ยนส์ชิพ ทั้งๆที่ขึ้นมาได้ปีเดียวแท้ๆ

 

แต่ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1 ใน 3 ทีมน้องใหม่ในพรีเมียร์ลีกกลับโชว์ผลงานได้เหนือความคาดหมายจนแฟนบอลหลายคนต้องอึ้งกับสไตล์การเล่นของพวกเขา แถมในตอนนี้พวกเขายังลุ้นคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ด้วย หลังตบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดร่วงในรอบ 8 ทีม แถมถึงยังมีลุ้นไปเล่นไปเล่นฟุตบอลยุโรปถ้วยเล็กอย่าง ยูโรป้า ลีกในฤดูกาลหน้าด้วย

 

แต่เหตุใดกันที่ทำให้วูล์ฟกลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างของบรรดาคอบอลอังกฤษทั่วโลก ทาง UFA ARENA จะพาทุกท่านไปหาคำตอบในบทความนี้ไปพร้อมๆกัน  

 

 

ผู้เปลี่ยนแปลงที่ชื่อ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้

 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนสำคัญที่ให้หมาป่าตัวนี้โลดแล่นอยู่บนลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้อย่างสง่าผ่าเผยคือ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ กุนซือชาวโปรตุเกสที่เข้าปฏิวัติทีมครั้งใหญ่ตั้งแต่เข้ามารับงานที่วูล์ฟแฮมป์ตันตั้งแต่ปี 2017

 

แม้กุนซือวัย 45 เพิ่งทำหน้าที่ผู้จัดการทีมแค่ 6 ปีเท่านั้น แต่ว่าความสามารถในการจัดการนักเตะและแท็คติกของทีมมันช่างโดดเด่นเกินอายุงานของนูโน่จริงๆ หลายคนอาจจะพอเห็นฝีไม้ลายมือของเขามาบ้างตอนคุม ริโอ อาฟ, บาเลนเซีย หรือ ปอร์โต้ มาก่อน ซึ่งทุกทีมที่เขาเคยคุมมาก่อนมีจุดเด่นในเรื่องการเล่นเกมรุกที่สนุกและเพลินตาทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ทิ้งการเล่นเกมรับที่เน้นความมีวินัยและรัดกุมอยู่เสมอ

 

โดยระบบหลักที่เขาใช้สร้างให้วูล์ฟแข็งแกร่งทั้งๆที่เป็นน้องใหม่และห่างหายจากพรีเมียร์ลีกไปนานกว่า 6 ปี คือ แผน 3-4-3 ที่เน้นการจ่ายบอลเร็วและมีแบ็ค 2 ข้างเป็นจุดเด่นสำคัญในเกมรุก แม้จะมีกองกลางยืนอยู่แค่ 2 ตัว แต่ทั้งเจา มูตินโญ่ และ รูเบน เนเวส ก็สามารถควบคุมจังหวะของเกมได้อย่างเด็ดขาดและลื่นไหล และในส่วนของแดนหน้าทั้ง 3 คน นูโน่ก็ให้อิสระเต็มที่ในการหาพื้นที่และยืนตำแหน่งเพื่อสร้างสรรค์เกมรุก จนกลายเป็นหนึ่งในทีมที่ทำเกมบุกได้สนุกที่สุดในพรีเมียร์ลีก ณ ตอนนี้เลย

 

 

แข้งหน้าใหม่ไฉไลเป็นบ้า

 

 

วูล์ฟแฮมป์ตันรู้ดีอยู่แล้วว่าคุมกำลังของพวกเขาที่อยู่ในขณะที่คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ชิพมาครองได้นั้นคงไม่พอที่จะช่วยให้ทีมอยู่รอดบนลีกมหาหินแบบนี้ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่พวกเขาทำก็คือการเสริมทัพก่อนเปิดฤดูกาล

 

ทีมหมาป่าแห่งเวสต์มิดแลนด์ส ได้ซื้อนักเตะหน้าใหม่มาร่วมทีมถึง 16 คน และยืมตัวมาอีก 4 คน รวมทั้งสิ้น 20 คนในนั้น ซึ่งนักเตะป้ายแดงเหล่านั้นมีทั้งแข้งมากประสบการณ์อย่าง เจา มูตินโญ่, รุย พาทริซิโอ้, วิลลี่ โบลี่ หรือ ราอูล ฆิมิเนซ ไปจนถึงแข่งดาวรุ่งอย่าง จอนนี่, ลีนเดอร์ เดนด็องเกอร์, ดิเอโก้ โจต้า หรือ อดาม่า ตราโอเร่

 

แต่นักเตะใหม่มากกว่าครึ่งสามารถปรับตัวเข้ากับทีมใหม่, ลีกใหม่ และระบบการเล่นของทีมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งตลอดเกือบ 9 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดฤดูกาล แต่ละต่างโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลทั่วอังกฤษได้ประจักษ์ในฝีเท้าของพวกเขา

 

 

ทีมเวิร์คที่ลงตัวอย่างรวดเร็ว

 

 

แม้จะมีนักเตะใหม่ที่เก่งกาจหรือมากประสบการณ์มากแค่ไหน แต่พวกเขาไม่สามารถปรับตัวให้เล่นกับระบบหรือเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆได้ พวกเขาก็ไม่ต่างจากนักเตะธรรมดาทั่วไป นอกจากนี้วูล์ฟแฮมป์ตันแทบไม่มีนักเตะที่เคยค้าแข้งในลีกสูงสุดอยู่เลย ทำให้หลายคนกังวลไม่น้อยว่าปีนี้พวกเขาเอาตัวรอดได้หรือไม่

 

แต่อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่านักเตะใหม่ๆของวูล์ฟสามารถปรับตัวเขากับทีมได้เร็วจนหน้าตกใจ รวมไปถึงนักเตะเก่าในทีมก็สามารถจูนคลื่นเข้าหาเพื่อนร่วมทีมหน้าใหม่ได้อย่างไม่ติดขัดทำให้พวกเขาหมดปัญหาและความกังวลใจในเรื่องนั้นไป

 

สิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขาเข้าขากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเป็นเพราะ นูโน่ มักจะใช้นักเตะชุดเดิมในการลงเล่นอยู่บ่อยครั้ง และจะไม่สลับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นของใคร หากคนๆนั้นไม่ฟอร์มหลุดหรือได้รับบาดเจ็บจริงๆ ซึ่งนั้นส่งผลให้ฟอร์มการเล่นของนักเตะแต่ละคนสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องในทุกๆนัดที่พวกเขาลงฟาดแข้งด้วยกัน

 

 

ของแสลงทีมใหญ่

 

 

ปกติแล้วทีมน้องใหม่มักจะโดนยักษ์ใหญ่รุ่นพี่ในพรีเมียร์ลีกรุมอัดยับจนหาทางกลับบ้านไม่ถูก แต่ทว่าไม่ใช้กับทีมหมาป่าในปีนี้ที่แข็งแกร่งเกินความคาดหมาย ไม่แพ้ง่ายๆ คอยขัดแข้งขัดขาขโมยแต้มอยู่ตลอดเวลา แถมในบ้างนัดพวกเขายังตบขาใหญ่ในลีกร่วงมาแล้ว

 

ในบรรดาทีมท็อปซิกซ์ของพรีเมียร์ลีกที่วูล์ฟได้เผชิญหน้ามา 10 นัดในปัจจุบัน พวกเขาเอาชนะได้ 3 นัด (เชลซีเหย้า 2-1 ,สเปอร์เยือน 3-1 และแมนฯยูไนเต็ดเหย้า 2-1) เสมอ 4 นัด (แมนซิตี้เหย้า 1-1, แมนยูไนเต็ดเยือน 1-1, อาร์เซน่อลเยือน 1-1 และเชลซีเยือน 1-1) และแพ้อีก 3 นัด (แพ้สเปอร์เหย้า 3-2, แพ้ลิเวอร์พูลเหย้า 2-0 และแพ้แมนฯซิตี้เยือน 3-0)

 

สถิติเหล่านี้บ่งบอกได้ดีว่าทีมใหญ่ต้องลำบากเพียงใดกว่าจะเอาแต้มมาจากวูล์ฟได้ ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือนอกบ้านก็ตาม นอกจากนี้สถิติเหล่านี้ยังทำให้วูล์ฟเป็นทีมที่ทำแต้มจากทีมท็อปซิกซ์ได้มากที่สุด หากนับจากทีมตั้งแต่อันดับ 7 ลงมา โดยทำไปทั้งหมด 13 แต้มจาก 10 นัด

 

 

ฟอร์มแกร่งในบ้าน

 

 

ฟอร์มในบ้านของวูล์ฟคือสิ่งที่ทำให้คู่แข่งต้องหวาดหวั่นยามมาเหยียบที่ โมลินิวซ์ สเตเดี้ยม แห่งนี้ จริงอยู่สถิติโดยรวมอาจจะไม่ได้สวยหรูหรือเว่อร์วังอะไรมากนัก เพราะในลีกพวกเขาเขาชนะในบ้านแค่ 8 เสมอ 3 และแพ้ไป 5 จาก 16 นัดในรังของตัวเอง

 

แต่ทว่าหลังปีใหม่เป็นต้นมา ทีมของนูโน่ได้พัฒนาฟอร์มการเล่นในบ้านให้ดูแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อนเป็นเท่าตัว โดย 9 นัดที่ลงเล่นในบ้านทุกรายการปีนี้ พวกเขาชนะไปถึง 7, เสมอ 1 และแพ้แค่ 1 เท่านั้น โดยนัดเด่นๆก็เช่น เกมที่เอาชนะลิเวอร์พูลในศึกเอฟเอคัพรอบ 3 ได้ หรือเกมที่พวกเขาเอาชนะปีศาจแดงได้ไม่ว่าจะเป็นในบอลถ้วยหรือบอลลีกก็ตาม