ยกระดับอีกขั้น! เมื่ออันเช่ปฏิวัติแผงกลางท็อฟฟี่ก่อนฤดูกาล 2020-21

 

หลังจากมีฤดูกาล 2019-20 ที่น่าผิดหวังด้วยการจบอันดับที่ 12 ในพรีเมียร์ลีก เอฟเวอร์ตัน ได้ทำการปรับเปลี่ยนทีมครั้งใหญ่ด้วยการเสริมแดนกลางฝีเท้าคุณภาพเพื่อยกระดับทีมถึง 3 คน ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ในเดือนกันยายนนี้

 

ด้วยผลงานที่ค่อนไปทางกลางถึงแย่ทำให้ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือท็อฟฟี่สีน้ำเงิน และ มาร์เซล แบรนด์ส ผู้อำนวยการฟุตบอลสโมสร คว้ากองกลางหน้าใหม่มาร่วมทีมถึง 3 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย อับดูลราย ดูคูเร่, อัลลัน และ ฮาเมส โรดริเกซ

 

ในรายของ ดูคูเร่ ตกเป็นเป้าหมายของท็อฟฟี่มาพักใหญ่ หลัง วัตฟอร์ด ตกชั้นไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพ ขณะที่ อัลลัน ก็กลับมาร่วมงานกับ อันเช่ อีกครั้ง หลังเคยอยู่ด้วยในนาโปลีเมื่อฤดูกาลก่อน 

 

แต่ดีลที่สร้างความประทับใจให้ สาวกเอฟเวอร์ตัน มากที่สุด คงหนีไม่พ้นการกระชาก ดาวเตะทีมชาติโคลอมเบีย จาก เรอัล มาดริด มาร่วมทีม โดยแข้งวัย 29 ปี มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดกับ ราชันชุดขาว ในสมัยที่กุนซือชาวอิตาเลี่ยนกุมบังเหียน เมื่อปี 2014-15 ด้วยการซัดไป 17 ประตูในทุกรายการ

 

นั่นทำให้เกิดความคาดหวังว่า แข้งป้ายแดงทั้ง 3 จะช่วยให้สโมสรก้าวขึ้นไปแข่งขันกับ ลิเวอร์พูล ทีมอริร่วมทีม หรือ คู่แข่งร่วมลีกอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างสูสีและทัดเทียมกันมากขึ้น

 

ดังนั้นด้วยกองกลางคุณภาพทั้งหมดที่ทีมนำเข้ามา อันเชล็อตติจะนำเสนอแดนกลางของเอฟเวอร์ตันโฉมใหม่อย่างไรในฤดูกาลต่อไป? UFA ARENA จะพาไปวิเคราะห์ผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

 

แผงกลางที่ดุดันขึ้น

 

 

ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่อยู่กับ นาโปลี หรือ เอฟเวอร์ตัน อันเชล็อตติ มักจะใช้แผนการเล่นระบบ 4-4-2 เป็นหลักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยอาศัยการวางเกมรับที่มีแบบแผน ซึ่งจะพยายามแย่งกลับมาให้ได้ในแดนตัวเอง ก่อนจะพาบอลขึ้นไปแดนหน้าเพื่อทำเกมบุกอย่างรวดเร็ว

 

ทว่าปัญหาหลักที่ อันเช่ ยังเผชิญอยู่และแก้ไม่ตกก็คือ ทีมขาดความคล่องตัวเมื่อต้องแย่งบอลและการรักษาจังหวะขึ้นเกมที่อาศัยการควมคุมในแดนกลางเป็นหลัก 

 

อันเดร โกเมส และ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน มีความสามารถในการจ่ายบอลที่ดี แต่ก็ไม่คล่องแคล่วนักในยามที่ต้องแย่งบอลกลับมา และบ่อยครั้งก็แสดงให้เห็นว่าขาดความกระตือรือร้นด้วย เช่นเดียวกับ ทอม เดวี่ส์ กองกลางลูกหม้อของสโมสร

 

เอฟเวอร์ตัน รั้งอันดับ 13 ของพรีเมียร์ลีกในด้านการจ่ายบอลไปพื้นที่สุดท้ายเมื่อฤดูกาลก่อน ขณะที่ลักษณะการจ่ายบอลวนไปมาของแผงหลังก็นำไปสู่การตัดขาดและเชื่อมเกมกับ ริชาร์ลิสัน และ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน ที่อยู่แดนหน้า

 

เมื่อทีมได้ อัลลัน และ ดูคูเร่ เข้ามาร่วมทีม ทำให้เอฟเวอร์ตัน น่าจะคลายความกังวลในการเล่นเกมรับและรุกแดนกลางได้มากพอสมควร โดยอดีตแข้งนาโปลี มีค่าเฉลี่ยการเข้าปะทะ 3.51 ครั้ง และ แย่งบอล 1.12 ครั้ง ต่อเกมในเซเรียอา ฤดูกาลที่แล้ว และรั้งอันดับ 1 และ 4 ในด้านนี้ตามลำดับภายในทีม อัซซูร่า

 

ขณะเดียวกัน ดูคูเร่ จัดเป็นกองกลางประเภทบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ที่สามารถวิ่งขึ้นลง หรือวิ่งไล่บีบกดดันคู่แข่งได้ตลอดเกม อีกทั้งเขายังเล่นบทบาทเบอร์ 10 กับวัตฟอร์ดในฤดูกาลที่แล้ว และทำผลงานได้ไม่ขี้เหร่เลย โดยกองกลางชาวฝรั่งเศส สร้างโอกาสให้ทีม 38 ครั้งในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งมีเพีย เคราร์ด เดโลเฟว (44) เท่าที่ทำได้มากกว่าเขาในทีมแตนอาละวาด 

 

 

ตำแหน่งของฮาเมส

 

 

คำถามต่อมาที่หลายคนสงสัยก็คือ ฮาเมส โรดริเกซ จะอยู่ในตำแหน่งไหนในแดนกลางของเอฟเวอร์ตัน ฤดูกาล 2020-21?

 

อันเชล็อตติ เคยกล่าวชื่นชมดาวเตะชาวโคลอมเบียในหนังสืออัตชีวประวัติของตนเกี่ยวกับการทุ่มเทเพื่อทีม อีกทั้งยังมองว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของ ฮาเมส คือการเล่นเป็นปีกและตัดเข้าไปข้างในเพื่อมีส่วนร่วมในการเล่นเกมรุก

 

“ผมต้องการให้ ฮาเมส เล่นเป็นปีกเพื่อแสดงความสามารถของเขาในฐานะนักเตะ” อันเช่ กล่าว “เขาเป็นคนทำงานหนักและไม่เห็นแก่ตัวเลย ซึ่งเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง”

 

ฤดูกาลที่แล้ว อเล็กซ์ อิโวบี้ และ แบร์นาร์ด ได้รับบทบาทในตำแหน่งนี้ ด้วยการยืนตำแหน่งริมเส้น แต่จะตัดเข้าในเพื่อทำเกมบุกในแดนกลาง และพยายามสร้างโอกาสให้กับ ริชาร์ลิสัน และ คัลเวิร์ต-เลวิน ในเวลาเดียวกัน

 

โชคไม่ดีที่ไม่มีผู้เล่นคนไหนสามารถตอบโจทย์ที่ อันเช่ วางไว้ได้เลย ซึ่งอาจเป็นเพราะปัญหาด้านความฟิต, การขาดความมั่นใจ หรือ ไม่ถนัดกับบทบาทดังกล่าวจึงทำให้เป็นแบบนี้

 

นอกจากนี้ โรดริเกซ ยังสามารถโยกไปเล่นเป็นกองหน้าตัวต่ำในแผน 4-4-1-1 ได้ด้วย ซึ่งจะสนับสนุน สร้างสรรค์โอกาสให้กับ คัลเวิร์ต-เลวิน ด้านหลัง ขณะที่ ริชาร์ลิสัน จะโยกไปเล่นด้านข้างแทน และการที่เอฟเวอร์ตันขาดผู้เล่นตำแหน่งริมเส้น การใช้แผนนี้ก็สามารถแก้ปัญหาได้เช่นกัน

 

 

แผนการเล่นที่อาจเปลี่ยนไป

 

 

แน่นอนว่านี่คือช่วงเวลาที่วุ่นวายครั้งหนึ่งใน กูดิสัน ปาร์ค ถึงแม้ว่าเงินจำนวนมหาศาลจะถูกใช้ในช่วงที่ ฟาร์ฮัด โมชิริน เป็นเจ้าของทีม แต่สโมสรแทบไม่ได้คว้านักเตะที่แข็งแกร่งหรือมีชื่อชั้นเท่ากับ 3 แข้งหน้าใหม่ในซัมเมอร์นี้เลย และนี่จะเป็นโอกาสที่ อันเช่ จะได้ลองบางสิ่งที่แตกต่าง และปรับเปลี่ยนระบบต่างๆเพื่อรีดเค้นศักยภาพของท็อฟฟี่ออกมาให้ได้มากที่สุด

 

ในฤดูกาล 2017-18 หลังจากที่ กุนซือชาวอิตาเลี่ยนร่วมงานกับ ฮาเมส เป็นครั้งที่ 2 แข้งชาวโคลอมเบีย เป็นคนที่เล่นเกมรุกมากที่สุดในแผงกองกลาง 3 คนของ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งในปัจจุบัน เอฟเวอร์ตัน มีตัวรุกที่เหมาะสมในการดึงความสามารถของ ฮาเมส ออกมาได้ดีที่สุด 

 

คัลเวิร์ต-เลวิน เป็นกองหน้าที่ขยันและมีความสามารถในการหาช่องนอกเหนือจากการทำประตู อีกทั้งชนกับกองหลังคู่แข่งได้ดี ทำให้ ฮาเมส มีโอกาสในการจ่ายบอลหรือสร้างสรรค์โอกาสมากขึ้น

 

มากไปกว่านั้น การเปลี่ยนไปใช้ระบบ 4-2-3-1 จะทำให้ ริชาร์ลิสัน กลับไปเล่นเป็นปีก ซึ่งตำแหน่งที่เล่นกับเอฟเวอร์ตันเป็นส่วนใหญ่และทำผลงานได้โดดเด่นมากที่สุด โดยเขาเลี้ยงบอลสำเร็จไป 99 ครั้งในช่วงพรีเมียร์ลีก 2 ฤดูกาลหลังสุด มากกว่าผู้เล่นท็อฟฟี่คนอื่นๆอย่างน้อย 29 ครั้ง

 

นอกจากนี้ ตัวรุกชาวบราซิลเลี่ยนรั้งอันดับ 3 ด้านการเข้าปะทะที่ 119 ครั้ง เป็นรองลูคัส ดีญ (145) และ อิดริสซ่า กาน่า กูอาย (142) ที่ย้ายไปเปแอสเช ทำให้ ริชาร์ลิสัน มีประสิทธิภาพอย่างมากเมื่อย้ายมาเล่นเป็นตัวริมเส้น

 

 

อิโวบี้ มีโอกาสมากที่สุดที่จะเล่นเป็นปีกฝั่งตรงข้ามกับ ริชาร์ลิสัน แม้ว่าเขาจะต้องเบียดแย่งตำแหน่งอย่างหนักกับ แบร์นาร์ด และ ธีโอ วัลคอตต์ ก็ตาม และจริงอยู่ที่ แข้งทีมชาติไนจีเรียยังล้มเหลวในถิ่น กูดิสัน ปาร์ค แต่ถ้าได้ประสานงานกับนักเตะอย่าง ฮาเมส น่าจะทำให้เขาดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาได้

 

โรดริเกซอาจมีส่วนร่วมอย่างมากในการไล่กดดันคู่แข่งแดนหน้าในระบบนี้ รวมกับหนึ่งในกองหน้าที่คล่องแคล่วและเร็วที่สุดในพรีเมียร์ลีกอย่าง คัลเวิร์ต-เลวิน

 

และด้านหลังของเขา แม้จะไม่ใช่กองกลางตัวรับพันธ์ุแท้ 100 เปอร์เซนต์ แต่อัลลัน และ ดูคูเร่ ก็แสดงให้เห็นว่ามีความสามารถในการเล่นเกมรับและแย่งบอลมากแค่ไหน ตลอดหลายปีที่อยู่กับ นาโปลี และ วัตฟอร์ด

 

อีกทั้ง กองกลางหน้าใหม่ 2 รายนี้ ยังดุดันและดูกระฉับกระเฉงกว่า โกเมส หรือ เดวี่ส์ และการประสานงานของทั้ง 2 ในแดนกลางน่าจะทำแผงมิดฟิลด์ของ เอฟเวอร์ตัน แข็งแกร่งขึ้นมากโขทั้งในการครองบอลและการป้องกันร่วมกับแนวรับของทีม

 

ในส่วนของตัวจริงคนอื่นๆนั่น จอร์แดน พิคฟอร์ด ค่อยๆแสดงความผิดพลาดออกมาบ่อยครั้ง และกลายเป็นนายทวารที่ดูขาดความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กองหลังของทีมก็ยังขาดประสบการณ์อยู่พอสมควร ส่วน เชมัส โคลแมน ก็ผ่านพ้นช่วงที่ดีที่สุดของตัวเองในการเล่นแบ็คขวาแล้ว รวมถึงยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ คัลเวิร์ต-เลวิน ว่าเขาจะยิงประตูได้สม่ำเสมอมากน้อยเพียงใด

 

อย่างไรก็ตาม การมาของ กองกลางป้ายแดงทั้ง 3 น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาที่ท็อฟฟี่ประสบพบเจอในฤดูกาล 2019-20 ได้พอสมควร แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นงานหินสำหรับ อันเชล็อตติ ที่ไม่ใช่แค่การดึงศักยภาพของ โรดริเกซ, อัลลัน และ ดูคูเร่ ออกมาให้ได้ในสนามจริงเท่านั้น

 

แต่นั่นร่วมไปถึงการดึงความสามารถของนักเตะคนอื่นๆที่เล่นร่วมกับกองกลางหน้าใหม่ให้ออกมาอย่างยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน

 

 

คาดแผนหลักเอฟเวอร์ตันฤดูกาล 2020-21 (4-2-3-1) : พิคฟอร์ด ; ดีญ, โฮลเกต, มิน่า, โคลแมน ; ดูคูเร่, อัลลัน ; ริชาร์ลิสัน, ฮาเมส, อิโวบี้ ; คัลเวิร์ต-เลวิน