ยอมจ่ายจะได้จบ : 8 อดีตกุนซือเชลซีที่เสี่ยหมีเสียต้องเสียค่าชดเชยให้

 

หลังจากยืดเยื้อมานานเกือบปี ในที่สุด อันโตนิโอ คอนเต้ ก็กลายเป็นฝ่ายชนะคดีฟ้องร้องกับ เชลซี สโมสรเก่าที่เขาเคยคุมเมื่อ 2 ปีก่อน หลังมีปัญหาถูกปลดจากตำแหน่งโดยไม่ได้เงินชดเชย

 

และถ้าหากเชลซียอมรับความพ่ายแพ้ในคดีนี้ พวกเขาจะต้องเสียเงินกว่า 9 ล้านปอนด์ในกับอดีตกุนซือวัย 49 ปี แต่ว่าคอนเต้ก็ไม่ใช่ผู้จัดการทีมรายแรกที่ โรมัน อับราโมวิช ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าทำขวัญซะหน่อย

 

เดลี่ เมล สื่อดังในอังกฤษได้รายงานว่า ตลอดเวลา 15 ปีที่เสี่ยหมีเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรสีน้ำเงินใจกลางเมืองลอนดอน เขาเสียเงินค่าชดเชยให้กับกุนซือถึง 8 คน โดยจ่ายไปมากกว่า 92.9 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 3 พันกว่าล้านบาท และมีกุนซือเพียง 2 คนเท่านั้นในถ้ำสิงห์บลูที่ไม่เงินเหล่านั้นให้ เนื่องจากทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชั่วคราว

 

และนี่คือ 8 อดีตกุนซือสิงห์บลูที่เสี่ยหมีเสียต้องเสียค่าชดเชยให้จำนวนไม่น้อยเลยนับตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา แต่ตัวของเศรษฐีชาวรัสเซียก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี หากเขาหาคนที่ใช่มาแทนที่พร้อมกับโทรฟี่ในมือได้

  

 

เคลาดิโอ้ รานิเอรี่ (2000-04)

 

 

ทิงเกอร์แมน คือกุนซือรายแรกที่ถูกโรมัน อับราโมวิช เชือดในถิ่นสแตมป์ฟอร์ด บริดจ์ หลังพาทีมได้แค่อันดับสองในพรีเมียร์ลีก ทั้งๆที่เสี่ยหมีทุ่มทุนเสริมทัพไปกว่า 120 ล้านปอนด์ในการเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรอังกฤษเป็นปีแรก

 

ในฤดูกาลนั้น รานี่เอรี่ คว้านักเตะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นดาวเตะชื่อดังอย่าง โคล้ด มาเกเลเล่, อาเดียน มูตู, เฮอร์นาน เครสโป, ฮวน เซบาสเตียน เวรอน หรือดาวรุ่งอนาคตไกลอย่าง โจ โคล, เกล็น จอห์นสัน, เดเมี่ยน ดัฟฟ์ หรือ สก็อต ปาร์คเกอร์ ซึ่งจริงๆพวกเขาก็ผลงานทำได้ดีกว่าปีก่อนๆเยอะมาก แต่ปีนั้นพวกเขาต้องยอมถอยให้กับ อาร์เซน่อลชุดแชมป์ไร้พ่าย มาแรงตั้งแต่ต้นจนนัดสุดท้ายจริงๆ

 

แม้จะทำผลงานได้ดีแค่ไหนในสายตาแฟนบอลสิงห์บลู แต่นั้นก็ยังไม่พอใจเศรษฐีแดนหมีขาวอยู่ดี ทำให้กุนซือชาวอิตาเลี่ยนถูกไล่ออกจากตำแหน่งในวันสิ้นเดือนพฤษภาคมปี 2004 พร้อมกับรับเงินค่าทำขวัญไป 6 ล้านปอนด์

 

 

โชเซ่ มูรินโญ่ (2004-07, 2013-15)

 

 

ไม่มีใครเถียงว่า มูรินโญ่ คือผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของเชลซี แต่เขาก็ไมรอดพ้นจากการโดนเด้งจากตำแหน่งนายใหญ่ของทีม หากไม่ได้ครองแชมป์อย่างที่ อับราโมวิช ต้องการ และที่สำคัญ มูรินโญ่คือกุนซือคนเดียวที่โดนเสี่ยหมีสั่งเชือดถึง 2 ครั้งในลิสต์นี้ โดยได้ค่าชดเชยรวมกันทั้ง 2 ครั้งถึง 31.4 ล้านปอนด์เลย

 

กุนซือแดนฝอยทองเข้ามาแทนที่ รานิเอรี่ ในปี 2004 พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลีกด้วยคะแนนสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีก ณ ตอนนั้นที่ 95 แต้ม และยังป้องกันแชมป์ได้อีกปีด้วย แต่ในฤดูกาล 2006-07 แม้จะพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยได้ 2 รายการ แต่สถานะคนโปรดของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อโดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทวงแชมป์ลีกคืน ก่อนจะถูกปลดในช่วงต้นของฤดูกาล 2007-08

 

อีกหลายปีต่อมา อับราโมวิช หันไปจูบปากคืนดีกับมูรินโญ่อีกครั้งในปี 2013 หลังจากที่ทีมห่างหายแชมป์ลีกมานานหลังปี แม้จะทำได้อันดับ 3 ในปีแรกที่กลับมาคุมทีม แต่เขาก็ตอบแทนความไว้ใจของเสี่ยหมีด้วยการคว้าแชมป์ลีกในปีต่อมา แต่สุดท้ายก็เข้าอีหรอบเดิม เมื่อปีถัดมา เขาพาทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างย่ำแย่ จนหมดลุ้นแชมป์ไปตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งฤดูกาล ทำให้เส้นทางของมูรินโญ่กับเชลซีสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ และมีโอกาสน้อยถึงน้อยมากๆที่เขากับเชลซีจะรีเทิร์นเป็นรอบที่ 3

 

 

อัฟราม แกรนต์ (2007-08)

 

 

ก่อนหน้าที่จะรับตำแหน่งแทนมูรินโญ่, อัฟราม แกรนต์ ที่เป็นเพื่อนกับเสี่ยหมีมาอยู่แล้ว ถูกแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลของเชลซีในปี 2007 หลังจากนั้นเขาก็ไปเป็นคนกุมบังเหียนสิงห์บลูทันทีที่ทีมปลด เดอะ สเปเชียล วัน ออกไป และนั่นยังทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการทีมชาวอิสราเอลคนแรกที่ได้คุมทีมในอังกฤษด้วย

 

กุนซือหน้าคางคกถือว่าคุมทีมได้ดีใช้ได้เลย เมื่อเขาพาเชลซีเข้าชิงบอลถ้วยถึง 2 รายการ โดยลีกคัพได้เข้าชิงกับท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ แต่ดันอกหักพ่ายไปในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน ส่วนแชมเปี้ยนส์ลีกก็อกหักพ่ายแก่ทีมอริร่วมประเทศอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงยิงจุดโทษชี้ขาดเช่นกัน

 

จากผลงานที่ดูไม่น่าไหวในระยะยาว ทำให้เสี่ยหมีตัดสินยกเลิกสัญญาของแกรนต์หลังจบฤดูกาลนั้น พร้อมกับรับเงินค่าชดเชยไป 5.2 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ตัวแกรนต์เองก็ปฏิเสธไม่กลับไปรับตำแหน่งผอ.ลูกหนังของเชลซีในเวลาต่อมา แม้ทีมจะยื่นข้อเสนอนี้ให้เขาพิจารณาใหม่ก็ตาม

 

 

หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่ (2008-09)

 

 

ด้วยดีกรีแชมป์โลกกับทีมชาติบราซิลปี 2002 ทำให้ หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่ ถูก อับราโมวิช  คาดหวังว่าจะเป็นผู้ก้อบกู้ให้กับทีมได้ หลังจากพลาดคว้าแชมป์ลีกที่หมายปองมา 2 ปีติด แต่ดูเหมือนว่า เศรษฐีชาวรัสเซียจะหวังสูงเกินไปหน่อย

 

ในช่วงแรกเริ่มกุนซือชาวแซมบ้าอาจจะทำผลงานได้ดีเหมือนฝันเลยก็จริง แต่ทว่าในช่วงเดือนธันวาคม ทีมกลับทำผลงานได้แกว่งไปแกว่งมาจนร่วงตำแหน่งจ่าฝูงและไม่เคยกลับขึ้นไป ณ จุดเดิมได้เลย ทำให้เก้าอี้ผู้จัดการทีมในสแตมฟอร์ด บริจด์ของสโคลารี่ตอนนี้ดูร้อนระอุขึ้นไปทุกที

 

 หลังพ่ายให้กับทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันอย่าง แมนฯยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล ในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึงเดือน แถมยังทะลึ่งไปเสมอกับทีมท้ายตารางอย่าง ฮัลล์ ซิตี้ อีก ส่งผลเสี่ยหมีหมดความอดทนสั่งปลดบิ๊กฟิลทันทีหลังเกมวันนั้นแค่ 2 วัน พร้อมกับมอบเงินค่าตกใจไป 12.6 ล้านปอนด์ และมีกุส ฮิดดิงค์ ผู้จัดการทีมคนแรกที่ไม่เคยโดนอับราโมวิชไล่ออก เข้ามารับช่วงต่อ

 

 

คาร์โล อันเชล็อตติ (2009-11)

 

 

คาร์โล อันเชล็อตติ หรือที่แฟนบอลชาวไทยมักเรียกกันสั้นๆว่า พี่แจ้ กลายเป็นกุนซือแรกที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้อีกครั้งในรอบ 3 ปี  แถมเบิ้ลแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครองอีกรายการในปี 2009-10 ทำให้อดีตแข้งทีมชาติอิตาลีมีความดีความชอบตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาคุมทีมในอังกฤษเลย

 

แต่ดูเหมือนอันเช่ยังไม่รู้ซึ้งถึงความโหดแบบไม่ปรานีของเสี่ยหมีที่ปลดกุนซือคนนั้นทันทีหากทำผลงานห่วย หรือไม่สามารถความแชมป์รายการที่เขาต้องการได้ โดยที่ไม่สนใจว่าปีก่อนๆจะทำได้ดีแค่ไหนและไม่รู้สึกเสียดายตังค์แม้แต่ปอนด์เดียว เพราะในปีต่อมา เชลซีทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งพลาดแชมป์ลีก, ตกรอบ 4 เอฟเอ คัพ, ตกรอบ 3 ลีกคัพ และร่วงเวทีแชมเปี้ยนลีกในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

หลังจบเกมนัดสุดท้ายในนัดที่พ่ายเอฟเวอร์ตัน 1-0 อันเชล็อตติก็ถูกปลดจากตำแหน่งและกลายเป็นอดีตกับเชลซีทันที และรับเงินค่าชดเชยไปนับเล่นราวๆ 6 ล้านปอนด์

 

 

อังเดร วิลาส-โบอาส (2011-12)

 

 

ชื่อของ อังเดร วิลาส-โบอาส กลายเป็นที่กล่าวขานไปทั่วยุโรป หลังพาปอร์โต้คว้าทริปเปิลแชมป์ และถูกคาดหวังว่าจะตามรอยความสำเร็จอย่างที่ โชเซ่ มูรินโญ่ อาจารย์ของเขาเคยทำได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้เชลซีของเสี่ยหมีจ่ายค่าฉีกสัญญาให้ปอร์โต้และคว้าตัวเขามาเป็นกุนซือของทีมซะเลย

 

อย่างไรก็ตาม กุนซือหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงดูมีปัญหากับการปรับตัวในฟุตบอลอังกฤษอยู่พอสมควร และผลงานเริ่มออกทะเลไปเรื่อยๆตั้งแต่ช่วงคริสมาสต์เป็นต้นมา ส่งผลให้โบอาสตกเป็นกุนซือที่สื่อหมายหัวว่าจะโดนเชลซีปลดกลางอากาศในเร็ววันนี้

 

ผลงานของโบอาสหลังช่วงปีใหม่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกระเตื้องขึ้น ทำให้เสียหมีรู้แล้วว่า กุนซือชาวโปรตุกีสคนนี้เทียบชั้นกับอาจารย์ของเขาไม่ได้เลย ก่อนจะปลดออกจากตำแหน่งแบบสายฟ้าแลบในเดือนมีนาคม พร้อมกับเงินไปนอนกอดอีก 12 ล้านปอนด์

 

 

โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ (2012)

 

 

ไม่มีใครคาดหวังว่า ดิ มัตเตโอ จะได้รับสัญญาถาวรกับทีม หลังถูกเข้ามารับตำแหน่งกุนซือขัดตาทัพ แทนที่ อังเดร วิลาส-โบอาส ถูกเด้งไป แต่ทว่า อดีตกองกลางของทีมที่มีประสบการณ์คุมทีมน้อยนิดกลับเป็นคนที่นำแชมป์ที่ อับราโมวิช ปรารถนามากที่สุดอย่าง ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้ในฤดูกาล 2011-12 บวกกับแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 7  

 

  ช่วงเวลา 3 เดือนดิ มัตเตโอ สามารถพาทีมคว้าแชมป์รายการใหญ่มาครองได้ถึง 2 รายการ ไม่น่าแปลกที่เสี่ยหมีจะมอบสัญญาถาวร 2 ปีให้เขาหลังจบฤดูกาลนั้น แต่ทว่าเมื่อเจอของจริงเข้าไป บวกกับหมดโปรโมชั่นกับเทพีแห่งโชค ทำให้เขาประสบชาตะกรรมไม่ต่างอะไรจากกุนซือคนก่อนในยุคเสี่ยหมีครองอำนาจ

 

อดีตกองกลางทีมชาติอิตาลีถูกปลดในวันที่ 22 พฤศจิกายน ปี 2012 รับเงินชดเชยไป 10.7 ล้านปอนด์ ก่อนที่ ราฟาเอล เบนิเตซ จะพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้าหลังจบฤดูกาลนั้น และ 1 ใน 2 ผู้จัดการทีมที่ไม่โดนเสี่ยหมีเชือดขณะดำรงตำแหน่ง

 

 

อันโตนิโอ คอนเต้ (2016-18)

 

 

อันโตนิโอ คอนเต้เป็นกุนซือสัญชาติอิตาเลี่ยนคนที่ 3 ที่อิบราโมวิช ตะเพิดออกจากตำแหน่งกุนซืออย่างไม่ใยดี หากพาทีมชวดแชมป์ในปีถัดมา แถมกรณีของเขายังมีปัญหาไม่จบไม่สิ้นถึงขั้นฟ้องร้องเป็นคดีความกันเลยทีเดียว

 

อดีตนายใหญ่ยูเวนตุสเข้ารับตำแหน่งกุนซือสิงห์บลูในฤดูกาล 2016-17 แม้จะเริ่มต้นได้ไม่สวยนัก แต่เขาก็ค่อยๆปรับตัวให้เข้ากับลีกใหม่ พร้อมกับเป็นผู้นำระบบกองหลัง 3 คนให้กลับมาฮิตในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ไปได้อย่างสวยงาม

 

อย่างไรก็ตาม ในปีต่อมา คอนเต้กลับพาทีมแชมป์เก่าผิดฟอร์มไปอย่างมาก แม้จะกู้หน้าด้วยการแชมป์เอฟเอ คัพได้ แต่ผลงานในรายการอื่นๆที่ย่ำแย่ แถมยังพลาดคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลถัดไปอีก ทำให้เสียหมีปลดคอนเต้ออกจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาล 2017-18 ประมาณ 2 เดือนให้หลัง

 

แต่ทว่าเรื่องยังไม่จบแค่นั้น เมื่อเดือนกรกฏาคมปีที่แล้ว คอนเต้ฟ้องร้องเรียกเงินชดเชยจากเชลซี หลังถูกปลดจากตำแหน่งทั้งที่ยังเหลือสัญญาอีก 1 ปี ซึ่งคดีเพิ่งมีบทสรุปในเมื่อวานที่ผ่านมา แม้ว่าสิงห์บลูจะเป็นฝ่ายแพ้คดีและต้องจ่ายเงินชดเชยให้คอนเต้ถึง 9 ล้านปอนด์ แต่ถ้าทีมของอับราโมวิชไม่ยอมรับคำตัดสินก็คงต้องไปสู้กันในศาลสูงต่อไป