สำหรับสโมสรในศึก โตโยต้า ไทยลีก นักเตะต่างชาติถือเป็นผู้เล่นที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้ โดยเฉพาะบรรดาแข้งจากทวีปอมเริกาใต้ นั่นเป็นสาเหตุที่หลายสโมสรยอดทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อดึงแข้งเหล่านี้เข้ามาร่วมทีม ถึงแม้นักเตะไทย หลายคนอาจจะมีฝีเท้าที่ดีไม่แพ้กันก็ตาม
เช่นเดียวกันกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงแม้ว่าจะถูกยกให้เป็นทีมเต็งแชมป์แทบทุกปี และมีนักเตะดีกรีระดับทีมชาติอยู่หลายต่อหลายคนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ธีราทร บุญมาทัน, พรรษา เหมวิบูลย์, สุเชาว์ นุชนุ่ม, จักรพันธ์ แก้วพรม รวมไปถึงดาวรุ่งสายเลือดใหม่อย่าง ศศลักษณ์ ไหประโคน, ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา แต่นักเตะต่างชาติในทีมก็มักจะเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างให้กับพวกเขาในแต่ละซีซั่นเสมอ
ก่อนหน้านี้มีผู้เล่นต่างชาติหลายคนของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับสโมสร จนถึงวันสุดท้ายที่เขาค้าแข้งในถิ่น ช้าง อารีน่า ไม่ว่าจะเป็น ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต หรือ คาเมโร่ กอนซาเลซ ขณะที่ในฤดูกาลนี้สองนักเตะอเมริกาใต้ ของทีมอย่างดาวยิงชาวอาเจนติน่า ริคาร์โด้ บูเอโน่ และ เบร์นาโด กูเอสตา ยังทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร พร้อมกับกระแสข่าวลือว่าอาจมีการเปลี่ยนทีมอีกครั้ง เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และบรรลุเป้าหมายคว้าแชมป์ในฤดูกาล 2020 ให้ ได้
อย่างไรก็ตาม ริคาร์โด้ บูเอโน่ และ เบร์นาโด กูเอสตา อาจจะยังไม่ใช่แข้งลาติน ที่น่าผิดหวังที่สุดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพราะก่อนหน้านี้เคยมีนักเตะอเมริกาใต้ หลายคนที่เต็มไปด้วยความสามารถ, พรสวรรค์ และชื่อเสียงที่ไม่ธรรมดา ก็เคยมาตกม้าตายกับสโมสรแห่งนี้แบบน่าผิดหวังสุดๆมาแล้ว
อังเดร โมริตซ์ – บราซิล
ย้อนกลับไปเดือนธันวาคม ปี 2015 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจดึง อังเดร โมริตซ์ จาก โปฮัง สตีลเลอร์ส สโมสร เค ลีก เกาหลีใต้ เข้ามาเสริมทัพ เพื่อหวังเพิ่มความแข็งแกร่งสำหรับภารกิจที่ต้องลงเล่นศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และ โตโยต้า ไทย ลีก ในฤดูกาล 2016 อย่างไรก็ตามหัวหอกชาวบราซิลเลี่ยน ลงสนามให้กับทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นในรายการฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. ซึ่งเจ้าตัวมีส่วนพาทีมเอาชนะ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 3 – 1
อดีตแข้งเยาวชนของ อินเตอร์นาซิอองนาล สโมสรดังบนลีกสูงสุดของบราซิล ใช้เวลาพอสมควรกับการปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แน่นอนว่าเขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์มากพอจะก้าวขึ้นมาเป็นแข้งระดับท็อปในศึก ไทยลีก ท้ายที่สุดจนแล้วจนรอด อังเดร โมริตซ์ ไม่สามารถโชว์ผลงานที่น่าประทับใจกับทีมได้เลย ก่อนถูกยกเลิกสัญญาในเดือนกุมภาพันธ์ หรือหลังจากที่เขามาอยู่กับทีมได้แค่เพียง 2 เดือนเท่านั้น และถูกแทนที่ด้วยอดีตนักเตะดีกรีทีมชาติเกาหลีใต้ ชุด U23 อย่าง คิม ซึง ยอง ทั้งทีฤดูกาลใหม่บนลีกสูงสุดของไทย ยังไม่เปิดฉากขึ้นด้วยซ้ำ
รัมเซส บุสโตส – ชิลี
รัมเซส บุสโตส แจ้งเกิดกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จากจังหวะยิงวอลเลย์สุดสวยพาทีมขึ้นนำ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในเกมฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. เมื่อปี 2013 โดยแมตช์นี้ถือเป็นเกมนัดแรกของอดีตดาวเตะทีมชาติชิลี U20 กับทัพ “เซาะกราว” ซึ่งเจ้าตัวลงสนามไปทั้งหมด 82 นาที พร้อมกับเหมาคนเดียว 2 ประตู พาทีมเอาชนะขุนพล “กิเลนผยอง” 2 – 0 คว้าแชมป์รายการดังกล่าวได้สำเร็จ หลังถูกยืมตัวมาจาก ยูเนี่ยน เอสปาโนล่า สโมสรบนลีกสูงสุดในแดนบ้านเกิด
หลังจบเกม บุสโตส กลายเป็นนักเตะที่ได้รับคำชมอย่างมาก ด้วยความเร็ว, ทักษะที่ยอดเยี่ยม, กล้าได้กล้าเสีย และนั่นเองทำให้แฟนบอลอดใจไม่ไหวที่อยากจะเห็นฝีเท้าของว่าแข้งดาวดวงใหม่รายนี้มากขึ้น แต่น่าเสียดาย บุสโตส และ บุรีรัมย์ ตัดสินใจแยกทางกันช่วงปลายเดือนเมษายน ก่อนนักเตะชาวชิลี ได้ถูกส่งตัวกลับไปอยู่กับสโมสรเดิมอย่าง ยูเนี่ยน เอสปาโนล่า หลังเจ้าตัวมีปัญหาในเรื่องระเบียบวินัยในการซ้อม และมีอาการโฮมซิค
“กฎคือกฎ ระเบียบคือระเบียบ วินัยคือวินัย กรณีของรัมเซส ขาดซ้อม ในขณะที่เรามีแมตช์สำคัญ เราพักไว้เพื่อความแข็งแกร่งที่จะเล่นในวันนี้ แต่ไม่ซ้อมก็ต้องถูกทำโทษตามกฎของสโมสร สำหรับ บุรีรัมย์ ระเบียบวินัย ต้องมาเป็นอันดับแรก”
“แม้ว่าคุณจะเป็นระดับซุปเปอร์สตาร์ จะเป็นเทพมาจากไหนก็แล้วแต่ แต่ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามระเบียบวินัย สโมสร ก็พร้อมจะจับคุณนั่ง ตอนนี้ อยู่ในระหว่างการเจรจากับ ต้นสังกัด ทางฝ่าย ผจก. กับทางสโมสร แต่ต้องพูดตรงๆ เก่งขนาดไหน ถ้าไม่มีวินัย อยู่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ได้” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เผยหลัง รัมเซส บุสโตส ไม่มีชื่อในเกม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ที่พบกับ เวกัลตะ เซนได เมื่อปี 2013
หลังจากนั้น รัมเซส บุสโตส กลับมาเล่นในไทย อีกครั้งเมื่อปี 2017 กับ หนองบัว พิชญ เอฟซี และ ซุปเปอร์พาวเวอร์ เอฟซี ช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ทว่าตลอด 17 เกมที่เขาลงเล่นให้กับทัพ “พลังเอ็ม” เจ้าตัวไม่สามารถช่วยทีมให้รอดพ้นจากการตกชั้นได้สำเร็จ และนับตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน บุสโตส ก็ยังไม่มีสัดกัดค้าแข้งอีกเลย
ดานิโล คิริโน่ – บราซิล
อีกหนึ่งกองหน้าที่ ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ดึงตัวเข้ามาเพื่อหวังเป็นกำลังสำคัญในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2016 อย่าง ดานิโล คิริโน่ แข้งชาวแซมบ้า ที่เคยผ่านประสบการณ์ลงเล่นในศึก ยูฟ่า ยูโรป้าลีก มาแล้ว กับทั้ง สปาร์ตัก ตราวานา, เอเค อัคโตเบ และ บูดาเปสต์ ฮอนเวด อย่างไรก็ตามเจ้าตัวย้ายมาอยู่ในถิ่น ช้าง อารีน่า ได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น ก่อนที่เขาจะถูกปล่อยตัวออกจากทีม เนื่องจากประธานสโมสรมองว่า คิริโน่ ไม่เหมาะกับสไตล์การเล่นของ บุรีรัมย์
หลังจากนั้นแข้งวัย 29 ปี ย้ายไปอยู่ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ในศึก โตโยต้า ไทยลีก ณ เวลานั้น ก่อนทำผลงานช่วงออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยิงไปถึง 3 ประตู จากการลงเล่นตลอด 8 เกมแรกให้กับทัพ “กว่างโซ้งมหาภัย” ทว่าหลังจากนั้นอีก 5 เกม เขาซัดเพิ่มไปได้แค่เพียงลูกเดียวเท่านั้น ส่งผลให้เจ้าตัวต้องแยกทางกับทีมไปตามระเบียบ โดยปัจจุบัน ดานิโล คิริโน่ ค้าแข้งอยู่กับ มุยอิเตอร์ เอสซี สโมสรแกร่งบนลีกสูงสุดของกาตาร์
เอมิเลียโน่ อัลฟาโร่ – อุรุกวัย
การปิดดีลคว้าตัว เอมิเลียโน่ อัลฟาโร่ แข้งชาวอุรุกวัย อดีตนักเตะ ลาซิโอ้ ทีมดังในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี มาร่วมทีมเมื่อปี 2016 สร้าคงาวมตื่นเต้นให้กับแฟนบอล “เซาะกราว” อย่างมาก ซึ่งหลายคนตั้งความหวังเขาจะเข้ามาเป็นดาวดวงใหม่ของสโมสรได้สำเร็จ
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เอมิเลียโน่ อัลฟาโร่ การเป็นแข้งที่ค่อยๆถูกแฟนบอลลืมเลือนทีละนิดในขณะที่ฤดูกาลกำลังดำเนินไป ภายหลังจากที่ดาวเตะดีกรีทีมชาติอุรุกวัย ชุดใหญ่ ย้ายมาอยู่กับทัพ “ปราสาทสายฟ้า” เจ้าตัวดันโชคร้ายได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่บริเวณหัวเข่าตั้งแต่ในช่วงปรีซีซั่น และสาเหตุนั่นเองส่งผลให้เขาไม่ได้ถูกส่งชื่อลงเล่นในศึก ไทยลีก ช่วงเลกแรก ก่อนที่ในช่วงเลกสอง ศูนย์หน้าตัวจริงของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในเวลานั้น อย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต หายกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ เอมิเลียโน่ อัลฟาโร่ ตัดสินใจแยกทางกับสโมสรในท้ายที่สุด
โรเจอริโอ คูตินโญ่ – บราซิล
แฟนบอลไทย บางคนอาจจะยังจำความยอดเยี่ยมของ โรเจอริโอ คูตินโญ่ ได้ดี ตั้งแต่สมัยที่เขาพาอดีตสังกัดเก่า อัล คูเวต เอสซี เขี่ย เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ ศึก เอเอฟซี คัพ เมื่อปี 2012 พร้อมกับคว้ารางวัลนักเตะต่างชาติยอดเยี่ยมแห่งปี ของ เอเอฟซี ในปีเดียวกัน
ความยอดเยี่ยม และสกิลการเล่นที่โดดเด่นของ คูตินโญ่ ส่งผลให้เจ้าตัวผงาดคว้ารางวัลแมตช์ออฟเดอะแมตช์ในเกม แม่โขง คลับ แชมเปี้ยนชิพ 2016 นัดที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบกับ ลานช้าง ยูไนเต็ด ซึ่งเขาโชว์ผลงานได้อย่างน่าประทับใจสุดๆ นอกจากนี้การได้จับคู่กับสุดยอดศูยน์หน้าอย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนบอล “ปราสาทสายฟ้า” ถึงขนาดนั้งไม่ติดเก้ากันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามอดีตแข้งดีกรีแชมป์ เอเอฟซี คัพ 3 สมัย ดันโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในเกมช่วงปรีซีซั่น ส่งผลให้เขาพลาดออกสตาร์ทเกม 2 นัดแรก ในศึก ไทยลีก ฤดูกาล 2017 และเมื่อเขากลับมาก็แทบไม่ได้รับโอกาสลงสนามอีกเลย เพราะขณะเดียวกัน ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต และ จาจ้า โคเอลโญ่ กำลังทำผลงานเข้าขากันสุดๆ ซั่งนั่นเองเป็นสาเหตุให้ เจอริโอ คูตินโญ่ และ บุรีรัมย์ ตัดสินใจแยกทางกันทันทีหลังจบครึ่งซีซั่นแรก