ยิงไม่มียั้ง : 10 แข้งตัวเต็งคว้ารองท้าทองคำยุโรป 2019-20

 

ฟุตบอลเป็นกีฬาประเภททีม ซึ่งผู้เล่นทุกคนย่อมต้องการช่วยให้ทีมหรือสโมสรที่ตนเองสังกัดคว้าแชมป์มาครองได้ให้ได้อยู่แล้ว

 

ทว่ารางวัลและเกียรติประวัติส่วนตัวก็เป็นสิ่งที่นักเตะต้องการเช่นกัน และหนึ่งในรางวัลที่ได้รับการจับมากที่สุดในทุกปีก็คือ รองเท้าทองคำยุโรป ซึ่งจะมอบให้กับแข่งที่ค้าแข้งในยุโรปและทำประตูได้มากที่สุดในแต่ละลีกที่สโมสรตนเองอยู่ โดยแต่ละลีกของประเทศต่างก็จะมีค่าสัมประสิทธ์ต่างกันไป 

 

ล่าสุด ลิโอเนล เมสซี่ ก็คว้ารางวัลนี้ไปครองเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน รวมที่เคยได้ทั้งหมด 6 ครั้งด้วยกัน แต่ด้วยอาการบาดเจ็บตั้งแต่ต้นฤดูกาลทำให้ดาวเตะจากบาร์เซโลน่าโดนแข้งทีมอื่นทำคะแนนแซงหน้าไป

 

 อย่างไรก็ตาม รางวัลนี้มักจะตกเป็นของผู้เล่นที่มาจาก 5 ลีกใหญ่ในยุโรปมานานหลายปี และไม่มีทีท่าว่าแข้งจากลีกอื่นๆจะขึ้นมาท้าทายหรือเบียดแย่งรางวัลนี้ได้เลย แม้ในตอนนี้ อิริค ซอร์ก้า แข้งโนเนมจากฟลอร่า ทาลลินน์ ลีกประเทศเอสโตเนีย จะมีคะแนนมากที่สุดก็ตาม (27 คะแนน จาก 27 ประตู )

 

UFA ARENA จึงคัดเลือก 10 แข้งตัวเต็งที่มีโอกาสคว้ารางวัลรองเท้าทองคำยุโรปในฤดูกาลนี้มากที่สุด และนับเฉพาะนักเตะที่มาจาก 5 ลีกใหญ่ยุโรปเท่านั้น

 

 

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ – 11 ประตู (22 คะแนน) 

 

 

สโมสร : บาเยิร์น มิวนิค

 

ในบรรดา 5 ลีกยุโรป โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ คือแข้งที่ทำประตูไปมากที่สุด 11 ประตู ทั้งๆที่เพิ่งลงเล่นในบุนเดสลีก้าไปแค่ 7 นัดเท่านั้น

 

แข้งชาวโปลยังรักษามาตรฐานของตนเองได้เป็นอย่างดี อาจจะดูดีกว่าในปีก่อนด้วยซ้ำไป และตอนนี้เขาทำกดแฮตทริกในลีกเมืองเบียร์ไปแล้วเรียบร้อย ด้วยจำนวนประตูที่กล่าวมา ทำให้แข้งวัย 31 ปีเป็นนักเตะกลุ่มแรกๆที่มีคะแนนมากที่สุดในการคว้ารองเท้าทองคำของปีนี้

 

นี่อาจจะเป็นการส่งสัญญาให้กองหน้าทั่วยุโรปรู้ว่า เพชรฆาตเบอร์หนึ่งของเสือใต้ใกล้กลับมาท็อปฟอร์มแล้ว

 

แทมมี่ อับราฮัม – 8 ประตู (16 คะแนน) 

 

 

สโมสร : เชลซี

 

ด้วยการติดโทษแบนห้ามเสริมทัพถึง 1 ฤดูกาลจากฟีฟ่า และการลาทีมของเอเด็น อาซาร์ แนวรุกคนสำคัญ ทำให้หลายคนเชื่อว่าประสิทธิภาพในการเล่นเกมรุกและสร้างสรรค์ประตูของเชลซีจะลดลงอย่างมากและไม่มีทางกลับมาดีได้ในเร็วๆนี้แน่นอน

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องดันเหล่าดาวรุ่งจากทีมเยาวชนขึ้นมา ซึ่งหลายคนดูจะปรับตัวเข้ากับทีมชุดใหญ่ได้ดี โดยเฉพาะ แทมมี่ อับราฮัม ที่ซัดไปแล้ว 9 ประตูในทุกรายการ (พรีเมียร์ลีก 8 ลูก, แชมเปี้ยนส์ลีก 1 ลูก)

 

หากกองหน้าเชื้อสายไนจีเรียรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ได้ไปตลอดจนจบฤดูกาล เชื่อว่าโอกาสที่เขาจะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำก็มีไม่น้อยเช่นกัน

 

 

เซร์คิโอ้ อเกวโร่ – 8 ประตู (16 คะแนน) 

 

 

สโมสร : แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

ขณะที่ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ต้องลำบากในการหาวิธีทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยที่ 3 ให้ได้ แต่ เซร์คิโอ้ อเกวโร่ กลับโชว์ฟอร์มพุ่งกระฉูดไม่หยุด ซัดไปแล้ว 8 ประตู จาก 8 เกมในลีก

 

แข้งชาวอาร์เจนไตน์มักจะถูกประเมินค่าต่ำกว่าความสามารถของเขาจริงๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงมุ่งหน้าทำลายสถิติและเกมรับคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง แถมอายุที่ปาเข้าไป 31 เศษๆ ก็ไม่ทำให้เขาลดความเก่งกาจลงเลย

 

ทีมเรือใบสีฟ้าเต็มไปด้วยแข้งจอมสร้างสรรค์โอกาสมากมาย ทำให้อเกวโร่มีจังหวะจบสกอร์ได้บ่อยๆ แต่เมื่อไหร่ที่เกมรุกตื้อตัน หัวหอกร่างเล็กก็จะหาทางทะลวงแนวรับคู่แข่งและมีชื่อบนสกอร์อย่างที่เราเคยเห็นจนชินตาเหมือนอย่างเคย

 

 

ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง – 7 ประตู (14 คะแนน) 

 

 

สโมสร : อาร์เซน่อล

 

ถ้าพูดถึงเรื่องเกมรุกที่เกิดขึ้นกับทีมอาร์เซน่อลตอนนี้ คนที่โดดเด่นที่สุดในทีมก็คงต้องยกให้กับกองหน้าควาามเร็วสูงอย่าง  ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง

 

หัวหอกทีมชาติกาบอง ซัดไปแล้ว 7 ประตูจาก 8 เกมในฤดูกาลนี้ และถูกขยับไปเล่นเป็หน้าเป้า นับต้ังแต่ อเล็กซองเดร ลากาเซ็ตต์ ได้รับบาดเจ็บไป

 

ซึ่งสถิติได้บอกเอาไว้ว่านี่เป็นแค่การวอร์มอัพของแข้งวัย 30 ปีเท่านั้น เพราะฤดูกาล 2014-15 เป็นปีสุดท้ายที่เขาทำประตูได้ต่ำกว่า 30 ต่อฤดูกาล นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสาวกทีมปืนใหญ่จึงลิงโลดกันใหญ่ยามที่เห็นโอบาเมยองฟิตกลับมาลงสนามและโชว์ฟอร์มได้เต็มร้อย

 

 

ชิโร่ อิมโมบิเล่ – 7 ประตู (14 คะแนน) 

 

 

สโมสร : ลาซิโอ้

 

ชิโร่ อิมโมบิเล่ อาจไม่ได้สนิทสนมกับ ซิโมเน่ อินซากี้ กุนซือลาซิโอ มากนัก หลังโวยวายใส่เมื่อถูกเปลี่ยนออกในเกมลีกล่าสุด แต่ตอนนี้ในทีมก็ไม่มีใครที่สามารถพึ่งพาการทำประตูไปมากกว่าเขาอีกแล้ว

 

ด้วย 7 ประตูที่หัวหอกชาวอิตาเลี่ยนทำได้ในเซเรียอา ทำให้เขาขึ้นไปรั้งดาวซัลโวสูงสุดของลีก เพราะฉะนั้นอีกหนึ่งเป้าหมายของเขาในฤดูกาลนี้คงหนีไม่พ้นการคว้ารองเท้ายุโรปมาครองให้ได้

 

แข้งวัย 29 ปี เริ่มต้นในฤดูกาลใหม่ได้ดี และน่าจะยิงประตูได้เทียบเท่าฤดูกาลก่อนที่ซัดไป 19 ประตู แต่ถ้าอิมโมบิเล่ ทำลายสถิติของตัวเองในฤดูกาล 2017-18 ด้วยการยิงประตูทะลุ 40 ตุงได้ รางวัลที่ว่ามานี้คงไม่ไกลเกินเอือมอย่างแน่นอน

 

 

วิคเตอร์ โอซิมเฮน – 7 ประตู (14 คะแนน) 

 

 

สโมสร : ลีลล์

 

แม้จะคว้าอันดับ 2 ในลีกเอิงได้ในฤดูก่อน แต่ ลีลล์ โดนผลกระทบเต็มๆในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังปล่อย นิโคล่าส์ เปเป้ แข้งคนสำคัญไปให้กับ อาร์เซน่อล 72 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวสถิติสโมสร

 

ทีมแดนน้ำหอมจึงทำการหยิบเงินส่วนหนึ่งมาเสริมทัพอุดช่องโหวด้วยการคว้า วิคเตอร์ โอซิมเฮน หัวหอกดาวรุ่งจาก ชาเลอร์รัว มาร่วมทีมในราคา 11 ล้านปอนด์

 

แม้แฟนบอลหลายคนจะข้องใจกับดีลนี้ไม่น้อย แต่พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนมาจดจำชื่อของแข้งวัย 20 ปีไว้ให้ขึ้นใจแทน หลังกดไป 7 ตุงในลีก นำดาวซัลโวเดี่ยวแบบหล่อๆ และทำอีก 2 แอสซิสต์ จนคว้าแข้งยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายนของลีกเอิงไปครอง

 

 

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง – 6 ประตู (12 คะแนน) 

 

 

สโมสร : แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

นับตั้งแต่ เป็ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุมทีมสีฟ้าจากแมนเชสเตอร์ ไม่มีผู้เล่นคนไหนในทีมที่พัฒนาฝีเท้าได้ก้าวกระโดดไปมากกว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง อีกแล้ว

 

ปีกชาวอังกฤษสามารถรักษาฟอร์มการเล่นให้ดีอย่างสม่ำเสมอได้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เขาได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแข้งระดับต้นๆของวงการลูกหนัง และผลงานของเขาในเกมรุกก็พิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างดี

 

ย้อนกลับไปในปี 2014-2017 แข้งวัย 24 ปียิงประตูให้เรือใบเต็มที่แค่ 11 ประตูต่อฤดูกาลเท่านั้น ก่อนจะยกระดับตนเองไปอีกขั้นภายใต้การดูแลของกุนซือชาวสแปนิชด้วการยิง 23 ประตูในฤดูกาล 2017-18 และทำเพิ่มขึ้นอีกเป็น 25 ลูกในฤดูกาลต่อมา 

 

 

ดูวาน ซาปาต้า – 6 ประตู (12 คะแนน) 

 

 

สโมสร : อตาลันต้า

 

จริงอยู่ที่ อตาลันต้าอาจจะโชว์ฟอร์มไม่ไฉไลในการเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก หลังพ่ายไปก่อนใน 2 นัดแรก แต่นั่นก็ไม่ได้ให้ฟอร์มการถล่มประตูของ ซาปาต้า ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด

 

หัวหอกทีมชาติโลอมเบีย ยิงประตูไปแล้ว 6 เม็ดในลีก ตามหลัง ชิโร่ อิมโมบิเล่ แค่ลูกเดียวเท่านั้น ทำให้เขาได้รับความสนใจจากสื่อในอิตาลีไม่น้อย รวมไปถึงมีข่าวลือกับสโมสรจากต่างแดนด้วย

 

ณ ตอนนี้ ซาปาต้าในวัย 28 ปีถือว่ากำลังอยู่ในช่วงพักของอาชีพค้าแข้งพอดี และถ้าเขาเดินถล่มประตูคู่แข่งในเรื่อยๆแล้วล่ะก็ คงเป็นงานยากที่สโมสรจากแบร์กาโม่จะรั้งตัวเขาให้อยู่ค้าแข้งกับทีมต่อไปได้

 

 

คาริม เบนเซม่า – 6 ประตู (12 คะแนน) 

 

 

สโมสร : เรอัล มาดริด

 

ลูก้า โยวิช ถูกเรอัล มาดริด คว้ามาร่วมทีมในซัมเมอร์นี้ในฐานะกองหน้าดาวรุ่งความหวังใหม่ แต่แข้งค่าตัว 62 ล้านปอนด์ ยังไม่สามารถคล่ำหาเป้าได้เลย หลังจากลงเล่นในลาลีก้าไป 6 นัด

 

ทำให้ ซีเนดีน ซดาน กุนซือราชันชุดขาว ต้องหันกลับไปใช้งานกองหน้าตัวเก๋าอย่าง เบนเซม่า อีกครั้ง และนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของซิซู หลังเบนซ์ซัดไป 6 ประตู พร้อมกับรั้งดาวซัลโวลีกร่วมกับ เคราร์ด โมเรโน่ จากบียาร์เรอัล และ โลเรน โมรอนจาก เรอัล เบติส

 

ซึ่งกองหน้าชาวฝรั่งเศสยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ โลส บลังโกส รั้งจ่าฝูงของลีกแดนกระทิงอยู่ในตอนนี้ด้วย และถ้าหากซีดานต้องการพาทีมคว้าแชมป์ลาลีก้าเป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 8 ปี ให้ได้ เบนเซม่าคือนักเตะที่เขาไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง

 

 

ติโม แวร์เนอร์ – 5 ประตู (10 คะแนน) 

 

 

สโมสร : แอร์เบ ไลป์ซิก 

 

ข่าวลือกับลิเวอร์พูลของเขาอาจค่อยๆหายไปตามกาลเวลา แต่ถ้า แวร์เนอร์ขยันผลิตสกอร์ได้อย่างต่อเนื่อง เหล่าสโมสรต่างๆในพรีเมียร์ลีกจะกลับมาเพรียกเรียกร้องหาเขาเอง

 

แข้งวัย 23 ปี ถือเป็นกองหน้าดาวรุ่งที่แจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็วและได้รับการจับมองจากแมวมองจากทีมระดับต้นๆในยุโรปเสมอ แถมการเข้ามาของ  ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ก็ไม่ได้ทำให้สถิติการยิงประตูของเขาแย่ลงแม้แต่นิดเดียว

 

หัวหอกชาวเยอรมันยิงในบุนเดสลีก้าไปแล้ว 5 ลูก เป็นรองเพียง เลวานดอฟสกี้เท่านั้น แถมยิงไปในแชมเปี้ยนส์ลีกในฤดูกาลนี้ไปถึง 2 ลูกอีกด้วย

 

แม้โอกาสคว้ารองเท้าทองคำจะน้อยกว่าใครในลิสต์นี้ แต่อย่างน้อย แวร์เนอร์ก็หวังว่าจะทำลายสถิติยิงประตูในหนึ่งฤดูกาลมากกว่า 21 ลูก ของตนเองในฤดูกาล 2016-17 ให้ได้