ย้อนรอยการ์ตูน! 10 แข้งยุ่นวิ่งตามฟัน “วีว่ากัลโช่”

“โย ชีน่า”

 

ชื่อนี้สำหรับแฟนบอลยุคใหม่ อาจจะต้องเกาหัว “แกร๊กๆ” ว่าหมอนี่คือใคร ทำไมในประวัติศาสตร์ลูกหนังถึงไม่ถูกกล่าวถึง

 

แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน เชื่อว่าแฟนบอลยุคนั้นแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา เพราะนี่คือตัวละครสมมติในการ์ตูนลูกหนังจากประเทศญี่ปุ่น ที่เป็น “มังงะ” ที่มีความนิยมอยู่ในระดับน้องๆ “กัปตันสึบาสะ” เลยก็ว่าได้

 

เรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้คลั่งไคล้ในกีฬาฟุตบอล มีความปราถนาอยากเป็นนักเตะอาชีพในลีกอิตาลี ดั้นด้นพาตัวเองมาตายเอาดาบหน้า ก่อนจับพลัดจับผลูกลายเป็นนักเตะอาชีพได้แบบหน้าตาเฉย

 

แน่นอนว่าความเป็น “การ์ตูน” อภินิหารยอมเว่อร์เกินจริงไปหลายขุม สกิลความสามารถของ “พระเอก” ก็ต้องเก่งระดับมหาเทพชนิดนักเตะตัวจริงที่ถูกอ้างอิงเข้ามายังต้องชิดซ้าย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ viva calcio

โย ชีน่า คือตัวรุกกำลังสำคัญของ ฟิออเรนติน่า เคียงคู่กับ กาเบรียล บาติสตูต้า จากปีแรกพาทีมลุ้นหนีตกชั้น สุดท้ายได้ดวลกับแข้งดังทั้ง ฟรังโก้ บาเรซี่, จูเซ็ปเป้ ซินญอรี่, อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร่ รวมถึงอริคนสำคัญในเรื่องอย่าง โรแบร์โต้ บัจโจ้

 

ตอนจบก็เป็นไปแบบละครไทย ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่งอย่างไร พระเอกเจ็บเข่า, โดนนำ 2 เม็ด เพื่อนโดนไล่ออก แต่สุดท้าย ฟิออเรนติน่า ก็แซงชนะ เอซี มิลาน 4-3 คว้าแชมป์ สคูเด็ตโต้ จนได้

 

การ์ตูนฟุตบอลส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็นว่า เซรี่ อา อิตาลี เป็นลีกที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟนบอลญี่ปุ่น อย่างมาก เพราะในเรื่องอื่นๆ อย่าง “กัปตันสึบาสะ” ตัวดาวยิงอย่าง เฮียวงะ โคจิโร่ ก็ย้ายมาอยู่กับ ยูเวนตุส เช่นกัน

 

ไม่แปลกที่ชีวิตจริง กัลโช่ จะเป็นลีกที่นักเตะจากแดนปลาดิบ อยากมาค้าแข้งมากเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่ ทาเกฮิโร่ โทมิยาสุ กองหลังทีมชาติก็กลายเป็นผู้เล่นจากแดนซามูไร คนที่ 11 แล้วที่ย้ายมาเล่นในลีกมักกะโรนี

 

ส่วนอีก 10 คนก่อนหน้านี้นั้นมีใครบ้าง วันนี้เราจะมาตามรอยการ์ตูนดัง ใครคือ “โย ชีน่า” ในโลกแห่งความจริง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Kazuyoshi Miura – Genoa

1.คาซูโยชิ มิอุระ
ระยะเวลา : 1994-1995
สโมสร : เจนัว

 

“คิงคาซู” คือตำนานที่ยังมีลมหายใจของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น เพราะปัจจุบันก็ยังคงโลดแล่นอยู่บนฟลอร์หญ้า แถมสร้างสถิติเป็นนักเตะอาชีพที่อายุมากที่สุดในโลกที่ทำประตูได้ในวัย 50 ปี 14 วัน

 

นอกจากนี้ มิอูระ ยังสร้างสถิติอีกมากมายที่น่าจดจำไม่ว่าจะเป็น นักเตะยอดเยี่ยมเอเชีย คนแรกของญี่ปุ่น ในปี 1993 เป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกที่ค้าแข้งในอิตาลี กับ เจนัว แม้จะยิงได้เพียงลูกเดียวจาก 21 นัดที่ลงสนามก็ตาม

 

อีกทั้งยังเป็นตำนานของ โตเกียว เวอร์ดี้ เพราะสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้อย่างมากมาย ซึ่งรวมถึงการคว้าแชมป์เจลีก ได้ถึง 4 สมัย

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

2.ฮิเดโตชิ นากาตะ
ระยะเวลา : 1998-2006
สโมสร : เปรูจา, โรม่า, ปาร์ม่า, โบโลญญ่า, ฟิออเรนติน่า

 

หากจะบอกว่า นากาตะ คือนักเตะญี่ปุ่น ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน เซรี่ อา ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ผิดนัก เพราะเจ้าตัวอยู่ค้าแข้งอิตาลี นานถึง 8 ปีกับ 5 สโมสร

 

การย้ายมาอยู่กับ เปรูจา แรกๆ ใครก็ว่าเป็นเพียงแข้งการตลาด ทว่าหลังจากเจ้าตัวยิง 2 เม็ดในเกมเปิดสนามพบ ยูเวนตุส ทุกเสียงวิจารณ์ก็เงียบกริบราวกับป่าช้า

 

หลังจากนั้นเส้นทางค้าแข้งก็มีแต่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ พีกสุดคือคว้า สคูเด็ตโต้ กับ โรม่า ในฤดูกาล 2000-01 รวมถึงแชมป์โคปป้า อิตาลี กับ ปาร์ม่า ในปีต่อมา น่าเสียดายที่เจ้าตัวเลือกหันหลังให้ฟุตบอลเร็วเกินไปในวัย 29 ปี ทั้งๆ ที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย

 

วัดจากทั้ง 10 คนแล้ว นากาตะ เนี่ยแหละเหมาะสมที่จะเป็น โย ชีน่า ในชีวิตจริงที่สุดแล้ว

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

3.ฮิโรชิ นานามิ
ระยะเวลา : 1999-2000
สโมสร : เวเนเซีย

 

เป็นอีกหนึ่งนักเตะญี่ปุ่น ที่ดังมากๆ ในประเทศไทย เพราะ ฮิโรชิ นานามิ คือนักฟุตบอลที่อยู่ในปกวินนิ่ง อีเลฟเว่น 4 ที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองในยุคนั้น

 

อย่างไรก็ตามผลงานในโลกของความเป็นจริงไม่ได้สวยงามเหมือนในเกม นานามิ ที่ถูก เวเนเซีย ยืมตัวมา 1 ฤดูกาล ยิงได้เพียงลูกเดียวจาก 24 นัดในเซรี่ อา ไม่สามารถช่วยให้ต้นสังกัดรอดตกชั้นได้

 

ปัจจุบัน นานามิ ในวัย 46 ปีกลายเป็นผู้จัดการทีมของ จูบิโล อิวาตะ ทีมเก่าของตัวเอง น่าเสียดายที่เจ้าตัวไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์เจลีก ได้เลย ทั้งๆ ที่สมัยเป็นนักเตะเคยได้ชูโทรฟี่ถึง 3 สมัย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Shunsuke Nakamura – Reggina

4.ชุนสุเกะ นากามูระ
ระยะเวลา : 2002-2005
สโมสร : เรจจิน่า

 

ศิษย์น้องของ ฮิโรชิ นานามิ ในจูบิโล่ อิวาตะ กลายเป็นนักเตะญี่ปุ่น คนที่ 4 ที่ได้มาโลดแล่นในเวที่ เซรี่ อา ซึ่งต้องบอกว่าผลงานของ นากามูระ นั้นไม่ธรรมดาเลย

 

เพียงปีแรกในการเล่นกับ เรจจิน่า มิดฟิลด์ตัวรุกแดนปลาดิบทำผลงานสุดยอดยิงได้ถึง 7 ประตู นับรวม 3 ปีทำไป 11 ประตูในลีก ก่อนย้ายไปประสบความสำเร็จแบบสุดๆ กับ กลาสโกว์ เซลติก

 

กับทีมดังของลีกขี้เมา นากามูระ คว้าแชมป์ลีกได้ถึง 3 สมัย คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของลีกสกอตแลนด์ ที่สำคัญยังเป็นนักเตะญี่ปุ่น คนแรกที่ยิงประตูได้ในแชมเปี้ยนส์ลีกอีกตั้งหาก

 

นากามูระ มีจุดเด่นที่ลูกฟรีคิกที่แม่นยำ ซึ่งแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด คงจำได้ดี เพราะเคยโดนเจ้าตัวปั่นเสียบเสามาแล้วเมื่อปี 2006 นั้นเอง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Atsushi Yanagisawa

5.อัตสึชิ ยานากิซาว่า
ระยะเวลา : 2003-2006
สโมสร : ซามพ์โดเรีย, เมสซิน่า

 

หลังจากโด่งดังในประเทศบ้านเกิดกับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ในที่สุด ยานากิซาว่า ก็ได้โอกาสมาโลดแล่นในลีกยุโรป ภายหลัง 1 ปีจากฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพร่วม

 

อย่างไรก็ตามเส้นทางค้าแข้งในแดนมักกะโรนีของ ยานากิซาว่า ต้องบอกว่าล้มเหลว เพราะโอกาส 2 ปีครึ่งกับทั้ง ซามพ์โดเรีย และ เมสซิน่า เจ้าตัวยิงไม่ได้เลย แม้จะได้โอกาสลงสนามในลีกมากถึง 44 เกม

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

6.มิตสุโอะ โอกาซาวาร่า
ระยะเวลา : 2006-2007
สโมสร : เมสซิน่า

 

แม้จะมีประวัติที่ไม่ดีนักกับนักเตะเอเชีย ทว่า เมสซิน่า ก็ไม่เข็ดหลาบที่จะดึงนักเตะจากญี่ปุ่น มาค้าแข้งกับสโมสร หนนี้เลือกใช้ออปชั่นยืมตัว มิตสุโอะ โอกาซาวาร่า มิดฟิลด์จาก คาชิม่า แอนท์เลอร์ส มาร่วมทีม

 

ช่วงเริ่มต้นดูเหมือน โอกาซาวาร่า จะทำได้ดี โดยใช้เวลาเพียง 3 เกมทำประตูในเซรี่ อา ได้ในนัดเสมอ นาโปลี 2-2 ทว่าหลังจากนั้นเจ้าตัวก็หลุดเป็นสำรองไปดื้อๆ และแทบไม่ได้ลงสนามเลยหลังทีมเปลี่ยนกุนซือจาก บรูโน่ จอร์ดาโน่ มาเป็น อัลแบร์โต้ คาวาชิน

 

“เป็นหัวหมาดีกว่าเป็นหางราชสีห์” โอกาซาวาร่า อำลา เมสซิน่า กลับมาอยู่กับ แอนท์เลอร์ส ในปี 2007 ซึ่งที่สโมสรแห่งนี้เขาถูกยกให้เป็น “เจ้าชายกวางเขาเหล็ก” หลังพาทีมคว้าแชมป์เจลีก 7 สมัย, เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย, เอ็มเพอเรอร์ คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 5 สมัย รวมถึงผู้เล่นทรงคุณค่าของเจลีก ในปี 2009

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Masashi Oguro – Torino

7.มาซาชิ โอกุโระ
ระยะเวลา : 2006-2008
สโมสร : โตริโน่

 

เส้นทางของ โอกุโระ อาจจะต่างจากนักเตะญี่ปุ่น หลายๆ คนนิดหน่อย เพราะเจ้าตัวไม่ได้ดิ่งตรงมาจากแดนปลาดิบ ทว่ามีแว่บไปสร้างชื่อให้ตัวเองกับการเล่นในลีกรองของฝรั่งเศส ก่อน

 

การเล่นให้กับ เกรอน็อบ ดาวยิงที่สร้างชื่อจากการพา กัมบะ โอซาก้า คว้าแชมป์เจลีก สามารถยิงได้ถึง 6 ประตูจาก 19 เกม ทำให้ผลงานไปเตะตา โตริโน่ ที่ดึงไปร่วมทีมอีกทีในปี 2006

 

ทว่า 2 ปีกับทีม “กระทิงหิน” ต้องบอกว่า “เหงียบเหงา” เป็นอย่างมาก โอกุโระ ได้ลงเพียง 10 เกมและยิงประตูไม่ได้เลย สุดท้ายก็เหมือนพี่ๆ คนอื่นๆ คือย้ายกลับมาเล่นในเจลีก และปัจจุบันในวัย 39 ปี เจ้าตัวยังค้าแข้งอยู่กับ โตชิกิ เอสซี ในเจ2

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Yuto Nagatomo – Cesena, Inter

8.ยูโตะ นากาโตโมะ
ระยะเวลา : 2010-2018
สโมสร : เชเซน่า, อินเตอร์ มิลาน

 

ฟูลแบ็กเจ้าของความสูงเพียง 170 เซนติเมตรเป็นนักเตะญี่ปุ่น อีกหนึ่งรายที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการย้ายมาค้าแข้งที่อิตาลี

 

นากาโตโมะ ถูก เชเซน่า ยืมมาลองฝีเท้าก่อน 6 เดือน โดยตลอด 16 เกมที่ได้ลงสนามเจ้าตัวอยู่ครบ 90 นาทีทุกนัด ด้วยผลงานที่ดีทำให้ เชเซน่า จัดการซื้อขาดมาขายต่อให้ อินเตอร์ มิลาน ภายในเดือนเดียว

 

ในทีม “งูใหญ่” แบ็กทีมชาติญี่ปุ่น อยู่ค้าแข้งนานถึง 8 ฤดูกาล โดยนอกจากฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมแล้ว นากาโตโมะ ยังถูกยอมรับเรื่องความมุ่งมั่นจนมีบางช่วงบางเวลาได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมด้วย

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Takayuki Morimoto – Catania

9.ทาคายูกิ โมริโมโตะ
ระยะเวลา : 2012-2013
สโมสร : คาตาเนีย

 

ความเป็นไอ้หนูมหัศจรรย์เจ้าของสถิตินักเตะประเดิมสนามเจลีก อายุน้อยที่สุดในวัย 15 ปี 10 เดือน รวมถึงเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูแรกในเจลีก มันคือใบเบิกทางสำคัญที่ทำให้ โมริโมโตะ ได้ย้ายสู่โลกกว้างในเวทียุโรป

 

เส้นทางกับ คาตาเนีย ดูจะเป็นไปด้วยความสดใส เกมแรกที่ลงสนามเจ้าตัวใช้เวลาเพียง 5 นาทียิงตีเสมอ ปาร์ม่า 2-2 ขณะที่ฤดูกาล 2008-09 โมริโมโตะ ก็ทำผลงานดียิงได้ถึง 10 ประตูจาก 24 นัดนับรวมทุกรายการ

ครั้งหนึ่ง อเล็กซานเดร ปาโต้ ที่ตอนนั้นค้าแข้งกับ เอซี มิลาน ก็ออกมายกย่อง โมริโมโตะ คือดาวรุ่งที่ดีที่สุดในเซรี่ อา พร้อมนำไปเปรียบกับตำนานบราซิลอย่าง โรนัลโด้

 

อย่างไรก็ตามกราฟชีวิตของอดีตดาวยิง โตเกียว เวอร์ดี้ ดีสุดแค่นั้น อาการบาดเจ็บทำให้เขาลงเล่นน้อยลง ถูกปล่อยให้ นอวาร่า ยืมใช้งานก็ไม่สามารถช่วยต้นสังกัดรอดตกชั้นได้ ปัจจุบันในวัย 31 ปีก็ค้าแข้งอยู่กับ อวิสป้า ฟูกูโอกะ ทีมในเจทูเท่านั้น

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

10.เคสุเกะ ฮอนดะ
ระยะเวลา : 2014-2017
สโมสร : เอซี มิลาน

 

ฮอนดะ น่าจะเป็นนักเตะญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา หลังเจ้าตัวประสบความสำเร็จในการค้าแข้งต่างแดนทั้ง วีวีวี เวนโล ในฮอลแลนด์ และ ซีเอสเคเอ มอสโก ในลีกรัสเซีย รวมถึงเล่นได้อย่างโดดเด่นในฟุตบอลโลก 2010 ที่ได้แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ถึง 3 นัด

 

ดาวเตะที่ปัจจุบันอายุ 33 ปีย้ายมาค้าแข้งในอิตาลี กับ เอซี มิลาน ในยุคของ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี้ ซึ่งตลอด 3 ปีก็ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอมากถึง 92 นัดยิงไป 11 ประตูนับรวมทุกรายการ

 

ดาวเตะที่ปัจจุบันรับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของทีมชาติกัมพูชา กลายเป็นนักเตะไร้สังกัดอยู่ในตอนนี้ หลังเพิ่งหมดสัญญากับ เมลเบิร์น วิคตอรี่ ทีมในเอลีก ซึ่งเจ้าตัวยืนยันยังไม่ถึงเวลากลับไปค้าแข้งในประเทศบ้านเกิด