นายเก่าพบศิษย์เอก : ย้อน 4 เกมที่เมสซี่ดวลทีมเป๊ป กวาร์ดิโอล่า

เมสซี่

ลิโอเนล เมสซี่ ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ บาร์เซโลน่า โดยเฉพาะในยุคที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำหน้าที่ผู้จัดการทีม แต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเมื่อทั้งคู่ต้องห้ำหั่นกันเองในฐานะคู่แข่ง?

ดาวเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า เตรียมพบกับกุนซือผู้ปลุกปั้นเขามาเป็นดาวเตะอีกครั้งอย่างน้อย 2 นัด หลัง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จับฉลากไปอยู่กลุ่มเดียวในแชมเปี้ยนส์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกระหว่าง กุนซือชาวสแปนิช และ ยอดแข้งแดนฟ้าขาว ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับ 4 เกมก่อนหน้าที่ คิงเลโอ ต้องดวลกับทีมคู่แข่งที่กุมบังเหียนด้วยมือของ กวาร์ดิโอล่า

 

บาร์เซโลน่า 3-0 บาเยิร์น มิวนิค | ฤดูกาล 2014-15

หลังลา บาร์เซโลน่า ในปี 2012 กวาร์ดิโอล่า ก็มารับงานคุมทีมนอกบ้านเกิดเป็นครั้งแรกกับ บาเยิร์น มิวนิค ในปีต่อมา ก่อนได้ดวลกับสโมสรเก่าครั้งแรกในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ ในฤดูกาล 2014-15

โชคไม่ดีสำหรับ เป๊ป เท่าไหร่ เนื่องจากนั่นเป็นปีที่ เมสซี่ ท็อปฟอร์มสุดๆ หลังกดไป 51 ประตูจาก 50 นัดหลังสุด ก่อนเกมรอบตัดเชือกใน UCL ครั้งนั้น

“ไม่มีระบบอะไรหรือโค้ชคนไหนที่จะหยุดพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของ เมสซี่ได้” กวาร์ดิโอล่า กล่าวก่อนเกมนั้น “วิธีการเล่นของเขาในช่วง 4 หรือ 5 เดือนที่ผ่านมา คุณไม่สามารถหยุดเขาได้เลย เขายอดเยี่ยมเกินไป”

บาร์ซ่า ดูเหมือนจะพบค่ำคืนที่น่าผิดหวังในคัมป์ นู หลังได้ไม่สามารถเจาะประตูทีมเยือนได้เลย ทว่า ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ ก็เป็นคนจุดประกายความหวังให้ทีมด้วยการเบิกสกอร์แรกในนาทีที่ 77

หลังจากนั้นไม่นาน อัจฉริยะร่างเล็ก ก็โชว์ความมหัศจรรย์อีกครั้งด้วยการล็อกหลบ เจอโรม บัวเต็ง จนเสียหลักแบบสิ้นสภาพ ก่อนชิพข้ามตัว มานูเอล นอยเออร์ เข้าไปแบบเหนือชั้น

นี่เป็นหนึ่งในเกมที่ กุนซือแดนกระทิง ต้องตกที่นั่งลำบาก เมื่อไม่สามารถทำประตูทีมเยือนกลับไปได้เลย ก่อนที่ ยอดแข้งชาวอาร์เจน์ไตน์ จะแอสซิสต์ให้ เนย์มาร์ ยิงประตูปิดกล่องคว้าชัยในเลกแรกด้วยสกอร์ 3-0

 

บาเยิร์น มิวนิค 3-2 บาร์เซโลน่า| ฤดูกาล 2014-15

ผลการแข่งขัน 3-0 ในคัมป์ นู ทำให้ บาร์เซโลน่า เล่นง่ายขึ้นเยอะ ก่อนบุกไปด้วล บาเยิร์น มิวนิค ที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า ในเกมเลกสอง

‘เสือใต้’ ดูมีหวังขึ้นมาไม่น้อยจากการทำประตูของ เมห์ดี้ เบนาเตีย ในนาทีที่ 7 แต่ความหวังก็โผล่ขึ้นให้เห็นเพียงไม่นาน

เป็นอีกครั้งที่ เมสซี่ โชว์ความยอดเยี่ยมให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็น เมื่อเปิดบอลยาวได้แม่นยำราวจับวางให้กับ หลุยส์ ซัวเรซ ก่อนที่หอกชาวอุรุกวัย จะจ่ายให้ เนย์มาร์ ทำประตูโล่งๆ ก่อนที่ดาวยิงจอมกัดจะแอสซิสต์ลูกที่ 2 ให้ดาวเตะแซมบ้าทำประตูขึ้นนำเป็น 2-1

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ โธมัส มุลเลอร์ ยิงประตูให้ ‘เสือใต้’ กลับมาคว้าชัยในเกมนั้น แต่ก็ไม่เพียงพอให้ทีมของ เป๊ป เข้ารอบชิงชนะเลิศ เนื่องจาก ‘อาซูลกราน่า’ เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์รวม 5-3 ก่อนก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ยุโรป ด้วยการเอาชนะ ยูเวนตุส ในนัดชิงดำ

 

บาร์เซโลน่า 4-0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ | ฤดูกาล 2016-17

กวาร์ดิโอล่า เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2016 และไม่นานหลังจากนั้นทีมของเขาก็จับฉลากดวลกับ บาร์เซโลน่า อีกครั้ง ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม

ทั้ง 2 ทีมดวลกันครั้งแรกในเดือนตุลาคมปี 2016 ที่คัมป์ นู และเป็นเจ้าภาพที่ขึ้นนำไปก่อน เมื่อ แฟร์นานดินโญ่ ทำฟาวล์ เมสซี่ ในกรอบ 18 หลา ก่อนที่ ยอดแข้งแดนฟ้าแข้งจะลุกขึ้นสังหารจุดโทษให้ทีมด้วยตัวเองในนาทีที่ 17

เมื่อประตูแรกเกิดขึ้น แนวรับของ ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่เผยให้เห็นช่องโหว่จนเป็นเหตุให้สกอร์ไหลในเวลาต่อมา เมื่อ เคลาดิโอ บราโว่ อดีตนายด่านบาร์ซ่า ที่เพิ่งย้ายไปเฝ้าเสาใน ซิตี้ โดนไล่ออกจากสนามจากการทำแฮนด์บอลนอกกรอบ

คิงเลโอ กดประตูที่ 2 ในนาทีที่ 61 ด้วยการซัดบอลผ่าน วิลลี่ กาบาเยโร่ มือกาวเพื่อนร่วมชาติเข้าไป ก่อนที่เจ้าตัวจะทำแฮตทริกครั้งที่ 37 ให้กับสโมสรในอีก 8 นาทีต่อมา

เจ้าของบัลลงดอร์ 6 สมัย เรียกจุดโทษให้ทีมได้อีกครั้ง น่าเสียเดียที่ เนย์มาร์ ดันยิงพลาดไป แต่เขาก็ยังมีชื่อแอสซิสต์ในสกอร์บอร์ด หลังจ่ายบอลให้ตัวรุกทีมบราซิลยิงประตูตอกฝาโลงในนาทีที่ 89

“ตั้งแต่ผมรู้จักเขา เขามักจะทำแบบนั้นและเขาก็ทำมันต่อไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำสิ่งนี้ ผมเคยเห็นเขาทำมาหลายครั้งแล้ว แต่คุณต้องแสดงความยินดีกับเขาอีกเช่นกัน” กวาร์ดิโอล่า กล่าวหลังเกม

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-0 บาร์เซโลน่า | ฤดูกาล 2016-17

เมสซี่ ทำประตูที่ 6 จาก 4 เกมในการดวลกับทีมของ กวาร์ดิโอล่า ในจังหวะโต้กลับสุดสวยกับเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ บาร์เซโลน่า บุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง เอติฮัด สเตเดี้ยม ในเดือนพฤศจิกายนปี 2016

แต่ครั้งนี้ ‘เรือใบสีฟ้า’ แก้เกมได้ดีกว่าครั้งก่อนและทำประตูตีเเสมอได้จาก อิลคาย กุนโดกัน ในช่วง 6 นาทีก่อนหมดเวลาครั้งแรก

หลังช่วงพักครึ่งกลายเป็นทีมของ เป๊ป ที่ทำได้ยอดเยี่ยมกว่า จัดการกับ 3 ประสานแนวรุกของ ‘อาซูลกราน่า’ ได้แบบอยู่หมัดจนแผลงฤทธิ์ไม่ออกตลอด 45 นาทีหลัง 

เควิน เดอ บรอยน์ กดฟรีคิกสุดงดงามให้ ซิตี้ ขึ้นนำเป็นครั้งแรก ก่อนที่ กุนโดกัน เจ้าเก่าจะเหมาลูกที่ 2 ในเกมช่วยให้ทีมคว้าชัยเหนือ บาร์ซ่า เป็นครั้งแรก

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

เมสซี่
G.O.A.T. : 32 วาทะที่ดีที่สุดจากคนลูกหนังถึง “ลิโอเนล เมสซี่”