รางวัลรองเท้าทองคำคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนบอล และลุ้นสนุกไม่แพ้กับตำแหน่งแชมป์ลีก หรืออันดับท็อปโฟร์เลยในแต่ละปีที่ผ่านมา
ฤดูกาล 2020-21 ก็เช่นกัน ที่เต็มไปด้วยดาวยิงฟอร์มแรงจาก 5 ลีกใหญ่ยุโรป ซึ่งมีลุ้นคว้ารางวัลดาวซัลโวในลีก และระดับทวีปด้วย ซึ่ง ชิโร่ อิมโมบิเล่ กองหน้าลาซิโอ คือเจ้าของรองเท้าทองคำยุโรปฤดูกาลก่อน และเป็นคนแรกในรอบ 11 ปี ที่คว้ารางวัลนี้ได้ เหนือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ
ด้วยการแข่งขันที่กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายในฤดูกาลนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปพบกับว่าที่ดาวซัลโวจาก 5 ลีกใหญ่ยุโรป และวิเคราะห์ว่าใครจะมีโอกาสคว้าดาวซัลโวระดับทวีปมากที่สุดในซีซั่นนี้
พรีเมียร์ลีก | รางวัลหนที่ 3 ของ ซาลาห์ หรือ เคน?
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงตัวความหวังของ ลิเวอร์พูล คือนักเตะคนปัจจุบันที่รั้งตำแหน่งดาวซัลโวของ พรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 17 ลูก พร้อมทำ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 25 นัดในฤดูกาลนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาเคยคว้ารางวัลดาวซัลโว 2 ปีติดในฤดูกาล 2017-18 และ 2018-19
ตามมาด้วย บรูโน่ แฟร์นานเดส กองกลางจอมแบกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กดไปแล้ว 16 ประตู จาก 26 นัดในลีก แถมทำแอสซิสต์แตะหลัก 10 ไปแล้วด้วย
แต่ แฮร์รี่ เคน หอกเบอร์หนึ่งของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ก็มีลุ้นในปีนี้เช่นกัน ซึ่งตะบันไป 16 ลูกเท่ากับ เพลย์เมกเกอร์ปีศาจแดง แต่ทำแอสซิสต์มากกว่าที่ 11 ลูก จากการลงเล่น 23 นัด อีกทั้งยังเคยคว้าตำแหน่งดาวซัลโวมาแล้วถึง 2 หนเท่ากับ ซาลาห์ ด้วย
ส่วนอันดับ 4 มีนักเตะถึง 3 คนที่ยิงเท่ากันด้วยจำนวน 13 ลูก นั่นก็คือ ซอน เฮือง มิน เพื่อนซี้แดนหน้าของ เคน, โดมินิค คัลเวิร์ต เลวิน จาก เอฟเวอร์ตัน และ แพทริค แบมฟอร์ด จาก ลีดส์ ยูไนเต็ด
หอกท็อฟฟี่อาจมีค่าเฉลี่ยยิงประตูต่อนัดดีกว่าทั้ง 2 คน (21 นัด) แต่เขายังไม่ทำแอสซิสต์เลยในฤดูกาลนี้ ขณะที่ ซอน และ แบมฟอร์ด ทำได้ 8 แอสซิสต์ และ 5 แอสซิสต์ ตามลำดับ
เซเรียอา | เจ็ตโด้ ท้าดวลกับ บิ๊กรอม
ว่าที่ดาวซัลโวของ เซเรียอา ในฤดูกาลนี้ คือนักเตะที่แฟน ๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี
คนแรกก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยิงให้ ยูเวนตุส ในลีกไป 20 ประตูจาก 21 นัด พร้อม 3 แอสซิสต์ โดยดาวยิงทีมชาติโปรตุเกส เคยคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2007-08, คว้าดาวซัลโว ลาลีก้า 3 สมัย ในช่วงที่ค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด อีกทั้งยังคว้ารองเท้าทองคำยุโรป 4 สมัยอีกด้วย
แต่ขณะเดียวกัน โรเมลู ลูกากู หอกร่างยักษ์ของ อินเตอร์ มิลาน ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน หลังซัดไป 18 ตุง จาก 23 นัดในเซเรียอา พร้อมทำไป 6 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ และกำลังพา งูใหญ่ ลุ้นแชมป์สคูเด็ตโต้ในรอบ 11 ปี
จริง ๆ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช หอกตัวเก๋าของ เอซี มิลาน ก็มีลุ้นดาวซัลโวลีกแดนมักกะรโนี เช่นกัน แต่อาการบาดเจ็บทำให้ตัวเลขของเขาหยุดอยู่ที่ 14 ประตู และถูก หลุยส์ มูเรียล กองหน้าจาก อตาลันต้า แซงหน้าไปที่ 15 ลูกเรียบร้อย ตามมาด้วย ชิโร่ อิมโมเบิเล่ เจ้าของดาวซัลโวลีก และ รองเท้าทองคำในฤดูกาลก่อน ที่ยิงไป 14 ประตูเท่ากันกับ ซลาตัน แต่ลงเล่นมากกว่า (อิมโมบิเล่ 22, ซลาตัน 14)
ลาลีก้า | เมสซี่ อีกแล้ว
ไม่มีใครแปลกใจที่ ลิโอเนล เมสซี่ รั้งตำแหน่งดาวซัลโวของ ลาลีก้าอีกครั้ง ถึงแม้ผลงานของ บาร์เซโลน่า โดยรวมจะตะกุกตะกักพอสมควรในฤดูกาลนี้ โดยทำไปแล้ว 19 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ จาก 23 เกม ทำให้เขามีลุ้นคว้ารองเท้าทองคำของลีกแดนกระทิงเป็นสมัยที่ 8 หลังคว้ารางวัลนี้มา 4 ครั้งติดใน 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา
ทางด้าน หลุยส์ ซัวเรซ อดีตเพื่อนซี้ของ เมสซี่ ที่ย้ายมาเล่นกับ แอตเลติโก้ มาดริด ก็กลับมายิงกระจายอีกครั้ง ด้วยจำนวน 16 ประตูจาก 21 นัด พร้อม 2 แอสซิสต์ ซึ่งกำลังพา ตราหมี ผงาดรั้งจ่าฝูง ลาลีก้าอยู่ โดยก่อนหน้านี้ เขาเคยคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกมาแล้วในฤดูกาล 2013-14 และ ดาวซัลโว ลาลีก้า ฤดูกาล 2015-16 ซึ่ง 2 ฤดูกาลดังกล่าวเป็นปีที่เขาคว้ารองเท้าทองคำยุโรปมาครองด้วย
เคราร์ด โมเรโน่ ตามมาเป็นอันดับ 3 หลังซัดให้ บียาร์เรอัล ไป 14 ลูก พร้อม 2 แอสซิสต์ จาก 20 เกมในลีก ขณะที่ ยูเซฟ อ็อง-เนไซริ ก็กลายเป็นดาวยิงคนสำคัญของ เซบีย่า โดยยิงน้อยกว่า โมเรโน่ แค่ลูกเดียวจาก 24 นัด แม้ยังไม่สามารถแอสซิสต์ได้ก็ตาม
บุนเดสลีก้า | ช้างมาฉุดก็หยุด เลวี่ ไม่ได้
บุนเดสลีก้าคือลีกแรกในฤดูกาลนี้ที่ดาวซัลโวกดทะลุ 30 เม็ดเไปแล้วใน บรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรป และยิงทิ้งห้างอันดับ 2 มากที่สุดด้วย ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เครื่องจักรถล่มประตูของ บาเยิร์น มิวนิค ที่รัวตาข่ายไปทั้งสิ้น 31 ตุง จากการลงเล่นเพียง 23 นัด มีค่าเฉลี่ยยิงต่อเกมที่ 1.3 ลูก อีกทั้งยัง แอสซิสต์ไปอีก 6 ลูก
หอกทีมชาติโปแลนด์ เคยคว้าตำแหน่งดาวซัลโวลีกเมืองเบียร์ 5 ครั้ง และทำได้ 3 ครั้งติดจาก 3 ฤดูกาลหลังสุด ไม่แปลกที่เขาจะกลายเป็นตัวเต็งคว้ารองเท้าทองคำในฤดูกาลนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ เลวี่ ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิตค้าแข้ง
ขณะที่อันดับที่ 2 คือ อังเดร ซิลวา ที่กลับมาโชว์ได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง หลังย้ายถูก ไอน์ทรัค แฟรงต์เฟิร์ต ซื้อขาดจาก เอซี มิลาน โดยยิงไปแล้ว 19 ประตู จาก 21 เกมในฤดูกาลนี้ และทำอีก 2 แอสซิสต์ อีกทั้งยังคว้าแข้งยอดเยี่ยมของ บุนเดสลีก้า ประจำเดือนมกราคมด้วย หลังซัดไป 7 ลูก จากการลงสนามเพียง 6 เกมในลีก
เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ก็เป็นดาวยิงที่หลายคนต่างยกย่องไม่กัน หลังตะบันให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไปแล้ว 17 ประตูเท่ากับ ซิลวา แต่ลงเล่นเพียง 18 นัดเท่านั้น และทำแอสซิสต์อีก 4 ลูก หอกชาวนอร์เนย์ อาจเคยคว้ารางวัลดาวซัลโวแค่ในระดับเยาวชนกับศึกฟุตบอลโลก U-20 ในปี 2019 แต่ด้วยฟอร์มการเล่น ณ ปัจจุบัน มีแนวโน้มว่าเขาจะคว้ารางวัลดาวยิงเบอร์หนึ่งของลีกได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ลีกเอิง | เมื่อ เดปาย ขอท้าทาย เอ็มบัปเป้
คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงความเร็วสูงจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง นำโด่งเป็นดาวซัลโวของ ลีกเอิง ด้วยจำนวน 18 ประตูจาก 23 นัด และแอสซิสต์ไป 6 ลูก ด่วยวัยเพียง 22 ปี เขาคว้ารองเท้าคำในลีกแดนน้ำหอมไปแล้วถึง 2 ครั้งจาก 2 ฤดูกาลก่อน และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนี่จะเป็นรางวัลดาวซัลโวครั้งที่ 3 ของเขาในอาชีพค้าแข้งของเขา
เมมฟิส เดปาย ดาวเตะของ โอลิมปิก ลียง ที่แม้จะตามมาห่าง ๆ แต่ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน หลังกดไปแล้ว 14 ประตูจาก 27 นัด พร้อม 7 แอสซิสต์ ขณะที่ วิสซาม เบน เยดแดร์ ดาวซัลโวร่วมกับ เอ็มบัปเป้ ในฤดูกาลก่อน ตามมาเป็นอันดับ 3 ด้วยจำนวน 13 ประตู และยิงไปเท่ากับ เควิน โฟลลันด์ เพือนร่วมทีมจาก โมนาโก
วิเคราะห์ว่าที่เจ้าของรองเท้าทองคำยุโรป
เป็นอีกฤดูกาลที่เต็มตัวดาวยิงฟอร์มร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นพวกแข้งตัวเก๋ามากประสบการณ์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่ หรือ แข้งรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ หรือ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้
แต่เมื่อเห็นสถิติการยิงประตูในฤดูกาลนี้แล้ว เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนมั่นใจว่านี่จะเป็นปีทองของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อีกครั้งแน่นอน หลังกดไปแล้ว 31 ประตูในลีก เป็นตัวเต็งคว้าตำแหน่งรองเท้าทองคำยุโรปแบบไม่มีข้อโต้แย้ง และทิ้งห่าง ลิโอเนล เมสซี่ อันดับ 2 ถึง 12 ลูก
จริง ๆ ดาวยิงเบอร์หนึ่งของ บาเยิร์น ควรจะได้รางวัลนี้ตั้งแต่ฤดูกาล 2019-20 ด้วยซ้ำ หลังยิงไปถึง 34 ประตู ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยยิงได้ในลีกฤดูกาลเดียวตลอดอาชีพค้าแข้ง
แต่ ชิโร่ อิมโมบิเล่ กลับพีกกว่าที่ยิงในเซเรียอาไป 36 ประตู คว้ารองเท้าทองคำระดับทวีปไปครองแบบเหนือความคาดหมาย พร้อมกลายเป็นคนแรกในรอบ 11 ปีที่คว้ารางวัลนี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ ด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ฟอร์มถล่มประตูของ กองหน้า ลาซิโอ ตกลงในปีนี้ ดูเหมือนว่ามตรฐานของ หอกเสือใต้ ยังคงยอดเยี่ยมอยู่ หรืออาจจะดีกว่าฤดูกาลก่อนด้วยซ้ำกับค่าเฉลี่ยยิงประตูในลีกที่ 1.3 ลูกต่อเกม และหากนับทุกรายการที่ลงเล่น เลวานดอฟสกี้ กดไป 37 ประตูจากการลงเล่นเพียง 33 นัดเท่านั้น
ถ้าหากไม่มีอะไรผลิกโผเกิดขึ้น เชื่อว่าฤดูกาล 2020-21 เลวานดอฟสกี้ จะคว้าตำแหน่งรองเท้าทองตำไปครองเป็นครั้งแรกของเขาในวัย 32 ย่าง 33 ปี
