รอดตกชั้นอาจไม่ใช่ฝัน : วัตฟอร์ดโฉมใหม่ในยุค ‘เพียร์สัน’

 

ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20 วัตฟอร์ด กลายเป็นทีมที่รั้งอันดับท้ายตารางอย่างเหนียวแน่น

 

ทีมเจ้าของฉายา ‘แตนอาละวาด’ เริ่มซีซั่นล่าสุดได้ด้วยการไม่ชนะใครเลยใน 11 เกมแรก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเกมที่โดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า ถล่มไปหมดสภาพ 8-0 รวมถึงเกมที่พ่ายคาบ้านแก่ ไบรท์ตัน และ เวสต์แฮม ด้วย

 

ด้วยผลงานที่ตกต่ำตั้งแต่ยังไม่ถึงทาง ทำให้บอร์ดตัดสินใจปลด ชาบี การ์เซีย และ ดึง กิเก้ ซานเชซ ฟลอเรส คนที่พวกเขาเคยปลดไปก่อนหน้านี้กลับมาคุมแทน 

 

แต่การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ ฟลอเรส กับ วัตฟอร์ด ก็ไม่ยืนยาวนัก จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดยได้ ไนเจล เพียร์สัน ผู้เคยพาเลสเตอร์ ซิตี้ รอดตกชั้นในปี 2015 ได้อย่างยอดเยี่ยม มารับไม้ต่อใน วิคาเรจ โร้ด 

 

กุนซือชาวอังกฤษ สร้างผลกระทบด้านบวกใน วิคาเรจ โร้ด ได้ทันที พร้อมกับเปลี่ยนแปลงทีมใหม่ จนในตอนนี้พวกเขาขยับขึ้นมาเหนือโซนตกชั้นเร็วกว่าที่หลายคนคาดคิดไว้ โดยแพ้ไปนัดเดียว และชนะถึง 4 จาก 8 เกมหลังสุด

 

ดังนั้น ไนเจล เพียร์สัน ได้เปลี่ยนแปลงสโมสรจาก เฮิร์ตฟอร์ดไชร์ ได้อย่างไรในช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้ ลองติดตามผ่านบทความชิ้นกัน

 

 

ไม่ใช่แค่โค้ช

 

 

จากบทสัมภาษณ์หลังสุดของ BBC เบน ฟอสเตอร์ นายทวารวัตฟอร์ด ยอมรับว่า แตนอาละวาดเรียกร้องหาผู้นำภายในทีม ทั้ง การ์เซีย และ ฟลอเรซ ต่างได้รับการยอมรับว่าเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม แต่ทั้งคู่ก็ไม่ใช่ผู้นำ ผิดกับ เพียร์สัน ที่เขามองว่าคือคนในแบบที่สโมสรต้องการในการสร้างอิมแพ็คมากที่สุด

 

“ความแตกต่างระหว่างผู้จัดการ 2 คนก่อน และไนเจล พวกเขาเป็นโคช แต่สโมสรนี้เรียกร้องหาผู้จัดการทีม ไนเจล คือผู้จัดการทีมคนนั้นที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ ทั้งจังหวะจะโคน, เหตุผล, ทุกๆอย่าง” ฟอสเตอร์กล่าว

 

“นอกสนาม สิ่งต่างๆเริ่มค่อยคลืบคลานเข้ามา สิ่งที่แย่ๆ และมันก็เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ไม่ต่างจาก  แบคทีเรียเลย”

 

“ผู้จัดการคนปัจจุบันทำให้ทุกคนกลับมารวมกันได้ เขาหาตัวอย่างให้คุณ ถ้าคุณทำบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่า ‘ฉันจะไม่เป็นแบบหมอนั้นในครั้งต่อไป’ ”

 

ความเป็นผู้นำแบบนี้ ได้เป็นแรงขับเคลื่อนให้ทีมมีเป้าหมายใหม่ๆ, ทิศทางข้างหน้า, มีความรับผิดชอบ ถ้านักเตะคนไหนไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง เพียร์สันก็จะบอกให้พวกเขาเหล่านั้นรู้ได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างที่ ทรอย ดีนี่ย์ กัปตันของทีมได้ยกตัวอย่างถึง เพียร์สัน แบบเข้าใจง่าย

 

“เขาเล่นงานผมอยู่ 2-3 ครั้ง แต่เขาก็ทำดีกับผมด้วยเช่นกัน เป็นครั้งแรกในรอบ  8 ปีที่ผมได้รับการปฏิบัตอย่างเหมาะสม” กองหน้าเลือดร้อนกล่าว

 

“เมื่อคุณเป็นกัปตัน คุณทำตามที่ได้รับมอบหมาย หากคุณปฏิบัติได้ดีและพร้อมกับความเคารพ คุณก็จะรับการตอบแทนในแบบนั้น”

 

 

ประสบการณ์ของสต๊าฟ

 

 

เพียร์สัน ไม่ใช่คนที่ทำทุกอย่างได้ตัวคนเดียว และไม่เคยอ้างว่าเป็นคนแบบนั้น เขาดึงสต๊าฟมากประสบการณ์หลายคนเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งเคร็ก เชคสเปียร์ อดีตกุนซือเลสเตอร์, เฮยเด้น มูลลินส์ และ เกรแฮม สแต็กค์

 

พวกเขาเหล่านี้รู้ดีว่าพรีเมียร์ลีกคืออะไร และวิธีประสบความสำเร็จในลีกที่มีการแข่งขันสูงแบบนี้ อีกทั้งพวกเขายังมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมพาทีมพัฒนาฟอร์มการเล่นได้ดีขึ้น และสร้างมาตรฐานได้อย่างที่หวังไว้

 

จริงอยู่ที่ เพียร์สัน เป็นคนที่พูดอะไรกับ สต๊าฟ หรือ ลูกทีมตรงๆแบบไม่อ้อมค้อม รวมถึง ระเบียบวินัยในทีมที่ค้อนข้างเข้มงวดไม่น้อย แต่ทีมงานก็ช่วยให้เขาจัดการในแบบที่ไม่ตึง หรือหย่อนยานจนเกินไป

 

มากไปกว่านั้น เหล่าสต๊าฟของเขายังได้รับความเคารพในสิทธิ์ต่างๆทีมี จากประสบการณ์ในอาชีพและความรู้มากมายมหาศาลของพวกเขา

 

 

แผนการเล่นที่เปลี่ยนไป

 

 

เพียร์สัน เป็นมากกว่ากุนซือผู้กระตุ้นลูกทีม และการปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นใหม่  ส่งผลให้วัตฟอร์ดสามารถคว้าผลการแข่งขันที่พวกเขาต้องการได้ในช่วงหลังๆที่ผ่านมา

 

การดัน อับดุลลาย ดูคูเร่ ไปเล่นเป็นกองกลางที่เน้นเกมบุกมากขึ้น ได้ผลดีอย่างน่าประหลาดใจไม่น้อย ซึ่งแข้งชาวฝรั่งเศสรับว่าตนเองคุ้นเคยกับตำแหน่งนี้อยู่แล้ว และการเล่นแบบนี้ช่วยสร้างโอกาสให้ทีมได้มากขึ้น หลังก่อนหน้านี้ การสร้างสรรค์เกมเป็นที่ทีมขาดหายไปจนกระทั่งการมาของ เพียร์สัน

 

ในสมัยที่ค้าแข้งกับ แรนส์ แข้งวัย 27 ปี เคยเล่นเป็นกองกลาง บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ มากกว่าเป็นกองกลางตัวตัดเกม ซึ่งเขาทำผลงานในสนามได้ดีขึ้น และยอมรับว่าอยากเล่นตำแหน่งใหม่ที่ เพียร์สัน มอบให้เขา ผ่านทางเว็บไซต์สโมสร

 

“ผมเคยเล่นในตำแหน่งนี้มาก่อน เมื่อตอนที่ผมอยู่่ในฝรั่งเศส” ดูคูเร่กล่าว

 

“ตอนนี้ ไนเจล ให้ผมเล่นในตำแหน่งนี้ ผมจะเล่นตรงไหนก็ได้ แต่ผมยินดีมากที่จะเล่นในตำแหน่งนี้ ซึ่งผมสามารถขึ้นไปเล่นเกมรุก  และสามารถกลับมาป้องกันในแดนกลางได้”

 

 

ใช้ของดีให้มีประโยชน์ที่สุด

 

 

อับดุลลาย ดูคูเร่ ไม่ใช่ นักเตะเพียงคนเดียวที่ฟอร์มการเล่นพัฒนาขึ้นภายใต้การทำทีมของ เพียร์สัน ทั้ง เคราร์ด เดโลเฟว และ อิสมาเลีย ซาร์  ดาวเตะค่าตัวสถิติสโมสร ก็ดูแตกต่างในทางที่ดีขึ้นจากช่วงเกมช่วงหลังๆที่ผ่านมา

 

ทีมวัตฟอร์ดชุดนี้ เต็มไปด้วยคุณภาพและไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะแสดงผลงานในสนามได้ดี  แต่การที่พวกเขาขาดกำลังใจและแรงกระตุ้นในช่วงต้นฤดูกาล ทำให้ผลการแข่งขันออกมาตรงกันข้ามกับสิ่งที่แฟนบอลคาดหวังไว้ ทว่า เพียร์สัน กลับทำให้ทีมได้ โดยที่ไม่ต้องคว้านักเตะใหม่เข้ามาเลยซักคน

 

แตนอาละวาด ทำไปเพียง 5 ประตู จาก 7 เกม ก่อนที่เพียร์สันจะเข้ามา แต่หลังจากที่กุนซือวัย 56 ปีได้รับการแต่งตั้ง พวกเขาทำได้ถึง 11 ลูก จาก 8 เกมหลังสุด 

 

ประตูส่วนใหญ่มาจาก ทรอย ดีนี่ย์ ก็จริง  แต่ก็ต้องขอบคุณทั้ง เดโลเฟว และ ซาร์ ที่ทำให้เกมริมเส้นของทีมมีการเข้าทำที่หลากหลายและอันตรายมากขึ้น

 

การทำให้นักเตะคนสำคัญในทีมกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง ส่งผลให้ทีมกลับมาสู่ในลู่ทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง และทำให้ทุกคนได้รู้ถึงหน้าที่ของตนเองว่ามีส่วนสำคัญต่อทีมมากแค่ไหน

 

“มีนักเตะบางคนที่สงสัยในความสามารถของตนเอง หรือไม่มีโอกาสลงเล่น” เพียร์สันพูดถึงเรื่องนี้ผ่านทาง เดอะ การ์เดี้ยน สื่อชั้นนำในแดนผู้ดี

 

“ในกีฬาคริกเก็ต พวกเขาจะพูดกับตัวเองเกี่ยวกับการตีลูกในกรง และผู้เล่นบางคนจะต้องเล่นให้ดีเพื่อจะได้กลับไปอยู่ในทีม”

 

“แต่ผู้เล่นก็ต้องมีช่วงเวลาที่ไม่เป็นใจบ้างเป็นครั้งคราว ถ้าพวกเขายังสามารถทำให้สิ่งที่ทีมต้องการได้ ทั้งในแง่รูปแบบ, ตอนครองบอล, ตอนไม่ครองบอล คุณก็ยังใช้งานได้อยู่” 

 

“มันอาจไม่ใช่ฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดของคุณ แต่นั่นก็ทำให้คุณยังมีโอกาสคว้าผลการแข่งขันมาได้ เพราะการวางกรอบการเล่นนั่นเอง”