ความเคลื่อนไหว ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย หลังประเดิมสนามนัดแรกในศึกฟุตบอลชาย ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี เอาชนะ “ลอดช่อง” สิงคโปร์ 3-1 ในขณะที่ในกลุ่มเดียวกัน เวียดนาม เอาชนะ ลาว 2-0 ทำให้ในกลุ่มบี ทีมชาติไทยนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มด้วยประตูได้-เสียที่ดีกว่าเวียดนาม
ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 1 พ.ค. พ.ค. “โค้ชหระ”อิสสระ ศรีทะโร กุนซือของทีม ได้นำลูกทีมลงฟื้นฟูสภาพร่างกายที่สระว่ายน้ำภายในบริเวณโรงแรม ก่อนจะปล่อยให้พักผ่อนโดยไม่มีการฝึกซ้อม เนื่องจากทีมจะได้ช่วงเว้นว่าง 5 วัน ก่อนจะกลับมาเตะนัดที่ 2 พบกับ มาเลเซีย ในวันเสาร์ที่ 6 พ.ค. นี้
ซึ่ง “โค้ชหระ” กล่าวว่า นัดแรกถึงจะเก็บชัยชนะมาได้แต่ยังมีจุดต้องปรับหลายอย่าง เพราะไทยเปิดโอกาสให้คู่แข่งโจมตี รวมถึงใช้โอกาสเปลืองด้วย แต่แน่นอนว่าการเปิดหัวด้วยชัยชนะเป็นเรื่องที่ดี อยากชนะให้ได้ในทุกเกมที่ลงเล่น เพื่อพัฒนาทีมชุดนี้ไปด้วยกัน เนื่องจากเป็นทีมที่มีอนาคตอีกยาวไกล
ทางด้าน “บิ๊กหยิม”นายยุทธนา หยิมการุณ ผู้อำนวยการทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ได้กล่าวถึงเงินอัดฉีดส่วนตัวที่เตรียมไว้ให้กับทีมฟุตบอลชาย ทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ด้วยว่า เบื้องต้นที่คุยกับนักกีฬาเอาไว้คือในรอบแรก ถ้าเก็บชัยชนะได้จะได้นัดละ 200,000 บาท ถ้าเสมอจะได้ 100,000 บาทถ้าหากเข้ารอบรองชนะเลิศได้ จะได้อัดฉีด 300,000 บาท และถ้าเก็บชัยชนะในรอบรองชนะเลิศได้ จะมอบให้อีก 500,000 บาท สุดท้ายถ้าสามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้ จะได้รับเงินรางวัลอีก 1 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 2.6 ล้านบาท ซึ่งหากรวมกับเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ที่จะได้รับเหรียญทองละ 300,000 บาทต่อคน รวมเป็น 6 ล้านบาท เท่ากับว่านักเตะทีมชาติไทยชุดนี้ ถ้าได้เหรียญทอง จะได้รับเงินรางวัลรวมถึง 8.6 ล้านบาท
ทั้งนี้ “ช้างศึกหนุ่ม” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ห่างหายจากการเป็นแชมป์กีฬาซีเกมส์มายาวนานถึง 6 ปีแล้ว นับตั้งแต่การคว้าแชมป์ครั้งล่าสุดในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อปี 2017
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เป้าหมายคือแชมป์! ซีเกมส์ 2023 ช้างศึกล่าเหรียญทองไม่ง่าย