ระดับพรีเมี่ยม! สุดยอด 5 แข้งดังที่ย้ายทีมแบบฟรีๆในทศวรรษนี้

 

การเซ็นสัญญาผู้เล่นแบบไม่มีค่าตัวหรือฟรีเอเย่นต์ถือว่าเป็นดีลที่มาแรงในช่วงไม่กี่ปีหลังนี้เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะได้นักเตะฝีเท้าดีๆแบบฟรีๆแล้วจำนวนเงินค่าตัวของนักเตะก็ไม่ต้องจ่ายให้กับต้นสังกัดของพวกบรรดาพ่อค้าแข้งทั้งหลาย ซึ่งมันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มเป็นไหนๆ โดยเฉพาะบรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรปที่ชอบมองหานักเตะประเภทนี้มาเสริมทัพให้ขุมกำลังของตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเฉกเช่นยูเวนตุส,ลิเวอร์พูลและบาเยิร์นมิวนิค เพราะทีมเหล่านี้มีงบพร้อมให้ค่าเหนื่อยตามที่นักเตะต้องการได้ ซึ่งวันนี้ทีมงาน UFA Arena.com จะพาไปดูกันว่า 5 แข้งดังที่ย้ายทีมแบบฟรีๆในทศวรรษที่ผ่านมามีใครกันบ้าง

 

5.ราอูล กอนซาเลซ (เรอัล มาดริด ไป ชาลเก้ 04 ปี 2010)

 

 

ราอูล กอนซาเลซอำลาเรอัล มาดริดออกมาในปี 2010 พร้อมกับพกสถิติผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรรวมไปถึงเหรียญรางวัลชนะเลิศอีก 16 รายการติดตัวมาด้วย  ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่การันตีตัวเขาเองว่าคงไม่ต้องพิสูจน์อะไรให้ใครเห็นอีกแล้ว โดยช่วงเวลานั้นมีบรรดาสโมสรระดับเศรษฐีทั้งในสหรัฐอเมริกา,กาตาร์และรัสเซียต่างพร้อมประเคนค่าเหนื่อยให้กับเจ้าตัวแบบไม่อั้นเพื่อให้ได้ตัวมาร่วมทีม แต่ราอูลตัดสินใจเลือกไปเล่นในลีกบุนเดสลีกา เยอรมันกับชาลเก้ 04 ด้วยสัญญา 2 ปี

 

ดาวเตะชาวสเปนวัย 33 ปีในเวลานั้นอยู่ในช่วงท้ายของอาชีพการค้าแข้ง มันจึงทำให้ประสิทธิภาพในการถล่มประตูของเขาลดลงตามวัยไปด้วย แต่เขาก็ยังซัดไปถึง 40 ประตูกับอีก 21 แอสซิสต์ จาก 98 เกมให้กับสโมสร

 

 

ฤดูกาลแรกของราอูลในทัพราชันสีน้ำเงินเขาสามารถช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2005 แถมยังเป็นกำลังสำคัญพาชาลเก้ผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศในถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรในปีเดียวกันอีกด้วย 

และซีซั่นที่ 2 ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้ายของเจ้าตัวกับสโมสรเขาก็ร่วมคว้าแชมป์เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพและพาชาลเก้จบในอันดับที่ 3 ของลีก

 

 

4.เจมส์ มิลเนอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป ลิเวอร์พูล ปี 2015)

 

 

เมื่อสตีเว่น เจอร์ราร์ดเดินออกจากชายคาแอนฟิลด์ไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2014/15 ห้องแต่งตัวของลิเวอร์พูลก็ต้องมองหาตัวแทนผู้นำคนใหม่ ซึ่งเบรนแดน ร็อดเจอร์กุนซือของทีมในเวลานั้นก็ไม่รอช้า จัดการเซ็นสัญญากับเจมส์ มิลเนอร์เข้าถิ่นเมอร์ซีย์ไซด์ทันทีหลังเจ้าตัวหมดสัญญากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะนายใหญ่ชาวไอร์แลนด์เหนือเชื่อว่ามิลเนอร์มีคุณสมบัติดังกล่าว

 

ดาวเตะสารพัดประโยชน์รายนี้ได้รับเลือกให้เป็นรองกัปตันของหงส์แดงทันทีที่เข้าร่วมทีมได้ไม่นาน และเขาก็ตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจนี้ด้วยการทุ่มเทการเล่นให้กับลิเวอร์พูลอย่างเต็มที่ในทุกๆเกมที่ได้รับโอกาสลงสนาม

 

แข้งชาวอังกฤษกลายเป็นกำลังสำคัญภายใต้การคุมทีมของเจอร์เก้นส์ คล็อปป์ เพราะเขาสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางหรือตัวริมเส้นทั้งรุกและรับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเมื่อฤดูกาล 2026/17 เขาเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็คซ้ายให้กับลิเวอร์พูล

 

 

อดีตเด็กปั้นของลีดส์ ยูไนเต็ดทำประตูให้กับลิเวอร์พูลไป แล้ว 24 ลูกกับอีก 39 แอสซิสต์จาก 189 เกม และในปี 2017/18 เขาทำลายสถิติจอมแอสซิสต์ด้วยการจ่ายให้เพื่อนยิงได้มากสุดถึง 9 ครั้งในถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกและในปี 2019 เขาก็ได้คว้าเหรียญชนะเลิศรายการดังกล่าวได้สำเร็จซึ่งนับเป็นครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งของเขาเลยทีเดียว

 

 

3.พอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป ยูเวนตุส ปี 2012)

 

 

พอล ป็อกบา ยังคงเป็นที่เคลือบแคลงใจให้กับบรรดาสกวกเร้ด เดวิลส์ว่าเขาใช่กองกลางที่จะนำพาปีศาจแดงกลับขึ้นมาจากหลุมได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามคงไม่มีข้อถกเถียงกันว่า ป็อกบาที่ยูเวนตุสคือมิดฟิลด์ที่เก่งที่สุดในโลก

 

ดาวเตะชาวฝรั่งเศสออกจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปี 2012 ในฐานะนักเตะฟรีเอเย่นต์หลังจากไม่สามารถสอดแทรกขึ้นไปสู่ทีมชุดใหญ่ของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันในเวลานั้นได้ เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่กับยูเวนตุสและคว้าแชมป์ร่วมกับไอ้ม้าลายถึง 8 รายการใน 4 ฤดูกาล

 

ป็อกบาลงเล่นให้กับทีมเบียงโครินี่ไป 178 เกม ทำได้ 34 ประตูกับอีก 42 แอสซิสต์ และเป็นผู้เล่นของยูเวนตุสที่มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่าเพียงครั้งเดียวและทีมยอดเยี่ยมของเซเรียอาในฤดูกาลที่ 3 ของเจ้าตัว

 

 

 2.อันเดรีย ปิร์โล่ (เอซี มิลาน ไป ยูเวนตุส ปี 2011)

 

 

 

ยูเวนตุสถือว่าเป็นสโมสรที่ชาญฉลาดมากกับการติดต่อดึงตัวนักเตะฝีเท้าดีแบบฟรีๆเข้ามาร่วมทีม และเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาพวกเขาก็ใช้วิธีเดียวกันนี้จัดการคว้าตัวแอรอน แรมซีย์และอาเดรียง ราบิโอต์เข้ามาอยู่ในถิ่นของตัวเองแบบไม่เสียตังค์สักแดงเดียว อย่างไรก็ตามการเซ็นสัญญาแบบฟรีเย่นต์ครั้งใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือ การได้ตัว อันเดรีย ปิร์โล่ มาจากเอซี มิลานเมื่อปี 2011

 

ถือว่าเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรส์และเสียหายมากสำหรับมิลานที่ยอมปล่อยห้องเครื่องอัฉริยะผู้นี้ออกมา เพราะหลังจากนั้นเขาก็ช่วยพายูเวนตุสกลับมาครองความยิ่งใหญ่ในลีกเซเรียอาอีกครั้งจวบจนถึงปัจจุบัน

 

ปิร์โล่ ลงเล่นให้ยูเวนตุสไปทั้งสิ้น 4 ฤดูกาลและมีส่วนร่วมคว้าแชมป์กับทีมถึง 7 รายการ รวมทั้งแชมป์สคูเด็ตโต้อีก 4 สมัย โดยในปี 2012 เขาได้รับเลือกให้คว้ารางวัลบัลลงดอร์เป็นลำดับที่ 7 และคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอมเยี่ยมของเซเรียอา 3 ครั้งติดต่อกันตั้งแต่ปี 2012 ถึง 2014

 

เมื่ออันเดรียบอกกับผมว่าจะย้ายมาอยู่ร่วมทีมเดียวกันกับผม สิ่งแรกที่ผมคิดก็คือ“พระเจ้ามาอยู่กับเราจริงๆ”จิอันลุยจิ บุฟฟ่อนกล่าวไว้ในตอนนั้น

 

1.โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้  (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไป บาเยิร์น มิวนิค ปี 2014)

 

 

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาบาเยิร์น มิวนิคได้เซ็นสัญญากับผู้เล่นคนสำคัญๆของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีมไม่ว่าจะเป็นมาริโอ เกิทเซ่ ,มัทซ์ ฮุมเมิลส์และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ซึ่งสองรายแรกนั้น ได้ย้ายกลับไปเล่นยังสโมสรเก่าเรียบร้อยแล้วจะเหลือก็เพียงหัวหอกชาวโปแลนด์ที่ยังคงเป็นกำลังหลักในถิ่นอลิอันซ์อารีน่าอยู่ ณ เวลานี้แม้ว่าจะผ่านมา 5 ปีแล้วก็ตาม

 

ในช่วงฤดูร้อนปี 2013 ดอร์ทมุนด์ปฏิเสธที่จะขายเลวานดอฟสกี้ให้กับทีมแห่งย่านบาวาเรีย จนกระทั่งเจ้าตัวหมดสัญญากับเสือเหลืองและย้ายไปร่วมทีมเสือใต้ในปีต่อมาแบบฟรีๆ และนับตั้งแต่ดาวยิงวัย 31 ปีได้เปิดตัวกับบาเยิร์น มิวนิค จนถึงตอนนี้เขาก็ลงสนามให้กับต้นสังกัดปัจจุบันไปแล้ว 255 เกมทำได้ 209 ประตูกับอีก 47 แอสซิสต์ และคว้าแชมป์กับทีมได้ถึง 10 รายการอีกทั้งยังกวาดรางวัลส่วนตัวอีกหลายครั้งรวมถึงคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลีกเมืองเบียร์ถึง 3 สมัย

 

 

สำหรับฤดูกาลนี้เขายังคงความเป็นยอดดาวยิงอย่างต่อเนื่องเมื่อซัดไปแล้ว 23 ประตูจากการลงเล่นไปเพียง 18 นัด

 

นอกเหนือจากที่กล่าวมา :ซามี เคดิร่า (เรอัล มาดริด ไป ยูเวนตุส ปี 2015),มิโรสลาฟ โคลเซ่ (บาเยิร์น มิวนิค ไป ลาซิโอ ปี 2011), โจเอล มาติป (ชาลเก้ 04 ไป ลิเวอร์พูล ปี 2016)และสลาตัน อิบราฮิโมวิช(ปารีส แซงแชร์แมง ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2016)