ระบบ ฟอลส์ ไนน์ กองหน้ายุคใหม่ที่ใช้ยากใช้เย็น

ปัจจุบันการเล่นใช้หน้าต่ำแบบ ฟอลส์ ไนน์ ไม่มีทีท่าจะลดความนิยมแต่อย่างใด หนำซ้ำการเล่นแบบนี้ยังได้รับความนิยมมากขึ้นๆเรื่อยๆ สิ่งที่ยืนยันเรื่องได้ดีก็คือ การที่เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือของสเปอร์ เตรียมใช้กองหน้าตัวหลอกเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดกองหน้าแท้ๆในทีม หรือในเชลซีเอง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก็พยายามดัน เอเด็น อาซาร์ มาเล่นเป็นหน้าเป้า หลังกองหน้าของแท้ในทีมต่างพากันปืนฝืดไปหมด

ทาง GAMEOVER จึงถือโอกาสพูดถึงการเล่นฟุตบอลในตำแหน่ง ฟอลส์ ไนน์ นี้ซักหน่อยว่าคืออะไร มีที่มาที่ไปอย่างไร และสถาณการณ์ในตอนนี้รวมถึงอนาคตของฟอลส์ ไนน์ มีแนวโน้มเป็นอย่างไรบ้าง

 

ฟอลส์ ไนน์ คืออะไร?

ก่อนที่จะรู้ว่าตำแหน่ง ฟอลส์ ไนน์คืออะไร ลองมาดูกันที่ตำแหน่งกองหน้าหมายเลข 9 แบบปกติกันก่อน ในอดีตเบอร์ของนักเตะมักจจะถูกวางไว้ว่าเล่นตำแหน่งอะไรกัน อย่างเช่นนายทวารก็ต้องเบอร์ 1 ตัวริมเส้นฝั่งขวาก็ต้องเบอร์ 7 และแน่นอนกองหน้าดั้งเดิมก็ต้องสวมใส่เบอร์ 9 โดยหน้าที่หลักๆของตำแหน่งนี้ก็คือ ยิงประตูให้ทีม อีกทั้งยังมีร่างกายสูงใหญ่ ยืนชนกองหลังฝ่ายตรงข้ามได้ และ ปักหลักในกรอบเขตโทษ รวมถึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการจ่ายบอลเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นลูกโด่งหรือการจ่ายทะลุช่องก็ตาม

 ในทางกลับกัน ฟอลส์ ไนน์ นั่นหมายถึงกองหน้าในทีมที่ไม่ได้เล่นแบบกองหน้าทั่วไป ไม่ได้รูปร่างสูงใหญ่เป็นจุดแข็ง พวกเขาจะยืนต่ำแทบจะเท่าๆกับกองกลางในทีม ไม่ประจำอยู่ในกรอบเขตโทษ เพื่อที่จะคอยสร้างความปั่นปวนในแผงหลังคู่แข่ง และเปิดช่องว่างให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้สะดวกขึ้น รวมถึงมีอิสระกับเกมรุกมากกว่ากองหน้าแบบปกติทั่วไปด้วย

 

ประโยชน์ของฟอลส์ ไนน์

การใช้ ฟอลส์ ไนน์ จะทำให้ทีมไม่มีกองหน้าตัวเป้า แต่จะใช้ กองหน้าตัวกว้าง,กองกลาง และ ปีก เป็นตัวเติมขึ้นไปในแดนหน้า โดยนักเตะตำแหน่งนี้จะเป็นนักเตะที่คอยดึงกองหลังให้หลุดจากตำแหน่ง และให้ตำแหน่งอื่นๆขึ้นทำประตู นอกจากนี้ ฟอลส์ ไนน์ ยังเป็นตำแหน่งที่คอยเชื่อมเกม ไม่ยืนเป็นหน้าค้ำ แต่จะยืนต่ำลงมา เพื่อคอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นคนที่คอยจูนจังหวะของเกมให้ช้า หรือ เร็ว และจะมีประสิทธิภาพมากแน่นอนมากขึ้น

ข้อดี ของกองหน้าตัวหลอกก็คือ พวกเขาจะทำให้เกมลื่นไหล และคล่องตัวในการทำเกม แต่ก็ใช่ว่าตำแหน่งนี้จะไม่มีข้อเสียเลย ที่หลายคนที่เห็นได้ชัดก็คือ หากทีมฝ่ายตรงข้ามเล่นตรึงแผงหลังแน่นๆ มีวินัย ไม่ให้หลุดจากตำแหน่งที่ตัวเองได้รับหมอบหมาย ก็อาจจะส่งผลให้ ผู้เล่นฟอลส์ ไนน์ ไม่สามารถทำอะไรคู่แข่งได้มากนัก และมีน้อยคนมากๆที่จะเล่นในตำแหน่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ประวัติศาสตร์การเล่นแบบ ฟอลส์ ไนน์

หลายคนอาจจะคิดว่า ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะบาร์เซโลน่า ไม่ก็ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ แข้งตำนานของโรม่า เป็นผู้เล่นชุดแรกๆที่ได้เล่นเป็นกองหน้าตัวหลอกนี้ แต่จริงๆแล้วมันเกิดขึ้นครั้งแรกในยุค 1930 โดยนักเตะทีมชาติอสสเตรียที่มีชื่อว่า มัทไธอัส ซินเดอลาร์ ที่มาได้เล่นตำแหน่งนี้เพราะข้อจำกัดทางด้านร่างกายที่ไม่สูงใหญ่เหมือนกองหน้าปกติทั่วไป จึงทำให้เขาเลือกยืนต่ำกว่าปกติเพื่อคอยสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมเข้าไปทำประตู

ต่อมา นานดอร์ ฮิเดกูติ แข้งทีมชาติฮังการีก็เป็นอีกคนที่เล่นในตำแหน่งนี้ ในยุค 1950 ซึ่งพวกเขาทั้งคนต่างพาชาติบ้านเกิดเล่นงานทีมชาติอังกฤษที่มีกองหน้าสไตล์ดั้งเดิมแบบย่อยยับในยุคนั้น ก่อนที่การเล่นแบบนั้นจะค่อยๆถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา

แต่ทว่าในปี 2006 การเล่นแบบฟอลส์ ไนน์ก็เริ่มกลับมาเห็นอีกครั้ง ในยุคที่โรม่ามีลูเซียโน่ สปัลเลตติ คุมอยู่ โดยเขาวางให้ต็อตติ สตาร์ดังของทีมเล่นในตำแหน่งนี้ แม้ว่าเจ้าตัวจะดูเหมือนกองกลางตัวรุกที่คอยสร้างสรรค์เกม มากกว่ากองหน้าที่ลงมายืนต่ำก็ตาม

กองหน้าตัวหลอกรุ่งเรืองสุดขีดในยุคที่เป็ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุมบาร์เซโลน่า เมื่อปี 2008 และได้ปั้นให้ลิโอเนล เมสซี่ เป็นฟอลส์ ไนน์ที่ดีที่สุดในโลก และทำให้สเปนนำการเล่นแบบนั้นมาปรับใช้ในทีมชาติจนทำให้พวกเขาคว้าแชมป์โลกในปี 2010 และแชมป์ยูโร ปี 2012 ไปครองได้

 

ทีมไหนใช้บ้าง

ในตอนนี้ทีมที่ใช้อยู่มากพอสมควรทั้งสโมสรในสเปน รวมถึงหลายประเทศด้วย โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นทีมที่ไม่มีกองหน้าสูงใหญ่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี หรือเป็นทีมที่เน้นการเล่นแบบครองบอล และบาร์เซโลน่าคือหนึ่งในทีมต้นแบบและยังคงใช้ระบบกองหน้าตัวหลอกอยู่ โดยมีลิโอเนล เมสซี่ เป็นคนครองตำแหน่งนี้ในทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีเป็ป กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือก็ถูกปรับเปลี่ยนให้กองหน้าในทีมรับบทบาทในตำแหน่ง ซึ่งมีทั้ง เซร์กิโอ อเกวโร่ และกาเบรียล เฆซุส ที่คอยสลับผลัดเปลี่ยนกันรับหน้าที่นี้ในทีม

ส่วนอีกทีมที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ที่ได้ดัดแปลง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แข้งแซมบ้าที่เล่นในตำแหน่งกลางรุกธรรมชาติ ให้กลายเป็นกองหน้าแบบฟอลส์ ไนน์ ซึ่งส่งผลให้เพื่อนร่วมทีมอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ยิงได้เป็นกอบเป็นกำในฤดูกาลที่แล้ว รวมไปถึงฤดูกาลปัจจุบันด้วย

 

ฟอลส์ ไนน์ในปัจจุบัน

แน่นอน การวางระบบกองหน้าตัวหลอกๆนี้ ถือเป็นแผนที่น่าสนใจไม่น้อย แต่ปัญหาหลักๆของมันก็คือคือ มีคนที่เล่นได้ดีไม่กี่คนหรอก และในตอนนี้แฟนบอลก็ยังมองว่า เมสซี่เป็นนักเตะที่เล่นในตำแหน่ง ฟอลส์ ไนน์ ได้สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีนักเตะคนอื่นได้เล่นได้ดีเลย อย่างที่บอกไปในข้างบนว่า อเกวโร่ หรือ ฟีร์มีโน่ ต่างก็ทำหน้าที่ตรงนี้ออกมาได้ดีพอสมควร

มีนักเตะอยู่มากนักที่ไม่สามารถแสดงศักยภาพในตำแหน่งได้ดี เนื่องจากจะต้องยิงประตูได้ดีแบบกองหน้าแล้ว เขายังต้องลงมาเชื่อมเกมได้ จ่ายบอลได้ดี วิ่งทำทางเพื่อสร้างโอกาส หรือ เปิดช่องว่างให้เพื่อนร่วมทีมเข้ามาจู่โจมได้

ในกรณีล่าสุดอย่าง เอเด็น อาซาร์ คือตัวอย่างที่ไม่ดีนักในการจับเขามาเล่นเป็นฟอลส์ ไนน์ หลายคนจะเข้าใจว่าที่กุนซือสิงห์บลูทำแบบนั้น เพราะกองหน้าในทีมนั้นฝืดเกินกว่าจะรับได้ แม้ว่าเขาจะได้ดีในช่วงแรกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็ค่อยๆชัดเจนว่าอาซาร์คือนักเตะที่ล้มเหลวในการเล่นตำแหน่งนี้ แม้จะมีทักษะครบเครื่องมากๆก็ตาม และนั่นก็ส่งผลกระทบต่อทีมจนทำให้เกมรุกดูตื้อตันกว่าเดิม อย่างที่เราเห็นเชลซีในนัดล่าสุดที่แพ้ให้กับอาร์เซน่อล โดยที่ดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยมแทบจะไม่ได้สร้างอันตรายอะไรให้ปืนใหญ่เลย

ด้วยรูปแบบการเล่นที่ต้องเน้นความสามารถและความสมบูรณ์แบบในทุกๆอย่าง เชื่อว่าหลังจากหมดยุคเมสซี่ไป เราอาจจะไม่ได้เห็นกองหน้าตัวหลอกที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ไปอีกพักใหญ่ๆเลยล่ะ