รับจดหมายมั้ย! 10 มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลในวงการลูกหนัง

 

มหาเศรษฐีถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีฐานะร่ำรวยกว่าคนทั่วไป และมักจะมีหน้ามีตาหรือสถานะทางสังคมค่อนข้างสูงเป็นพิเศษ 

 

ในฐานะที่เป็นผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีมากๆ บางครั้งก็จะถูกร้องขอหรืออ้อนวอนให้ช่วยเหลือผู้คนหรือประชาชนในช่วงวิกฤต อย่างเช่น นายกรัฐมนตรีในประเทศหนึ่งที่ส่งจดหมายให้กับ 20 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศเพื่อรับฟังความคิดเห็น และขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาโรคระบาดไวรัสโควิด-19

 

นั่นทำให้  UFA ARENA ลองหันมามองในวงการฟุตบอลก็มีมหาเศรษฐีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรและมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงโลกลูกหนัง ไม่ว่าจะเป็นในทิศทางที่ดี หรือ ทิศทางที่แฟนบอลร้องยี้ก็ตาม

 

และนี่คือ 10 มหาเศรษฐีผู้มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลในวงการลูกหนังยุคโลกาภิวัตน์

 

 

โรมัน อับราโมวิช | เชลซี

 

 

สาเหตุหลักๆที่ เชลซี ก้าวขึ้นมาเป็นระดับต้นๆของอังกฤษและทวีปยุโรป ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะ เงินมากมายมหาศาลของ โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ที่ทำให้พวกเขาเป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบันนี้

 

เสี่ยหมี เข้ามาเทคโอเวอร์สิงห์บลูตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งนับตั้งแต่นั้นทีมจากลอนดอนก็ก้าวเข้าสู่ยุคทองอย่างแท้จริง โดยกวาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีกคัพ 3 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย และ ยูโรป้า ลีก 2 สมัย

 

อย่างไรก็ตาม มหาเศรษฐีแดนหมีขาวไม่เดินทางเข้าแดนผู้ดีตั้งแต่ปี 2018 เนื่องจากถูกทางการปฏิเสธเรื่องต่อวีซ่า โดยมีสันนิษฐานเรื่องข้อพิพาทระหว่างประเทศ อังกฤษ-รัสเซีย อยู่เบื้องหลัง

 

 

ตระกูลเกลเซอร์ | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

 

เกลเซอร์ ตระกูลมหาเศรษฐีจากอเมริกัน ได้เข้ามาซื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2005 แต่เงินจำนวนมากมมายมหาศาลที่พวกเขานำมาเทคโอเวอร์สโมสรนั้นดันมาจากการกู้จากธนาคาร และเกิดกระแสต่อต้านจากแฟนบอลพอสมควร แม้ทีมประสบความสำเร็จเหมือนยุคก่อนก็ตาม

 

ทว่าหลังสิ้นสุดยุคของ  เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ภาพลักษณ์ของตระกูลผู้มั่งคั่งจากแดนลุงแซมกลับแย่ลงกว่าเดิม เนื่องจากผลงานที่ตกลงจะห่างหายจากการลุ้นแชมป์ไปนานหลายปีที่ดูเหมือนว่าเน้นผลประกอบการในสโมสร มากกว่าผลงานในสนามเสียอีก

 

นอกจากนี้ แฟนบอลปีศาจแดงส่วนใหญ่ตราหน้าตระกูลเกลเซอร์ว่าไม่ต่างจากปลิงที่คอยสูบเงินสโมสรเพื่อเอาไปใช้หนี้ของตัวเอง (ที่เอามากู้ซื้อสโมสร) และเอาไปจุนเจือธุรกิจอื่นของตัวเองแบบดื้อๆ

 

 

ชีค มานซูร์ | แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

 

‘เพื่อบ้านน่ารำคาญ’ คือฉายาที่แฟนบอลยูไนเต็ด เรียกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมอริร่วมเมืองที่คอยส่งเสียงโวยวายอยู่ข้างๆ แต่ไม่มีความสำเร็จอะไรมาเทียบเคียงได้เลย จนกระทั่งการเข้ามาของ มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน ในปี 2008 ทำให้พวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

 

ชีค มันซูร์ พร้อมด้วยกลุ่มทุ่นอาดูดาบี กรุ๊ป ได้ทุ่มทุนให้ เรือใบสีฟ้า กลายเป็นยอดทีมเบอร์ต้นๆในพรีเมียร์ลีก โดยคว้าแชมป์ได้ถึง 4 สมัย พร้อมทั้งยังบริหารด้านอื่นควบคู่ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานศึกษา, ที่อยู่อาศัย และอคาเดมีฟุตบอลสำหรับเยาวชนซึ่งเป็นไอเดียที่สามารถต่อยอดทางธุรกิจไปได้อีกไกล

 

แต่อภิมหาเศรษฐีวัย 49 ปี ไม่ได้เป็นเจ้าของสโมสรแค่ทีมเดียวเท่านั้น  ยังมี อัลจาซีร่า , เมลเบิร์น เอฟซี และ นิวยอร์ก ซิตี้ แถมยังเป็นเจ้าของการแข่งขันขี่ม้าทัวร์นาเมนต์ชื่อดังในตะวันออกกลาง  

 

 

จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ | ลิเวอร์พูล

 

 

ในปี 2010 เดอะ ค็อป หลายคนคงมองว่า จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ และเฟนเวย์ สปอร์ตส กรุ๊ป ก็ตงไม่ต่างจาก ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ต 2 เจ้าของทีมร่วมคนก่อนที่คอยสูบเลือดสูบเนื้อสโมสรให้อยู่ในช่วงตกต่ำจนเกือบล้มละลาย

 

ช่วง 2-3 ปีแรก นักธรุกิจหนุ่มใหญ่จากแดนมะกัน ดูทุลักทุเลไม่น้อย เนื่องจากต้องสะสางเรื่องเก่าๆที่เจ้าของทีมคนเก่าทิ้งไว้ โดยเฉพาะเรื่องเงินที่ต้องเคลียร์ตัวเลขให้กลับมาปกติ แต่หลังจากนั้น หงส์แดงก็ค่อยๆกลับมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อีกครั้ง

 

 แม้จะชวดแชมป์ลีกอย่างน่าเจ็บใจในยุคของ แบรนแดน ร็อดเจอร์ส ปี 2014 แต่ในปัจจุบันผลผลิตจากความทุ่มเทของ เฮนรี่ ก็ออกดอกออกผลในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ กุมบังเหียน ที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2019 และกำลังคว้าแชมป์ลีกที่รอคอยกว่า 30 ปีได้ในฤดูกาลนี้

 

 

สแตน โครเอนเก้ | อาร์เซน่อล 

 

 

ครั้งสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้คือปี 2004 หรือที่ใครๆรู้จักกันในชุดแชมป์ไร้พ่าย แต่หลังจากนั้นก็เคยได้สัมผัสโทรฟี่นี้อีกเลย ซึ่งเดอะ กูนเนอร์ส หลายคนมองว่าจุดเปลี่ยนสำคัญคือการเข้ามาของ นักธุรกิจสัญชาติอเมริกาที่ชื่อว่า สแตน โครเอนเก้น ในปี 2007

 

โครเอนเก้ กว้านซื้อหุ้นของผู้ถือหุ้นคนอื่นในปืนใหญ่ไปเรื่อยๆจนกระทั่งในปี 2019 เขาก็กลายเป็นผู้ถือของสโมสรแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งหมายความว่า เขาสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้โดยไม่มีหุ่นส่วนคนอื่นๆขัดคออีกต่อไป

 

ถ้า โครเอนเก้ เป็นเหมือนเจ้าของทีมเชลซี หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สาวกปืนโตก็คงไม่ว่าอะไร แต่กลับกันตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยที่จะควักเงินตัวเองให้กับสโมสรเลย ซึ่งงบประมาณการเสริมทัพนักเตะของทัพแต่ละปีจะมาจากกำไรที่สโมสรทำได้ในฤดูกาลก่อนหน้าแบบหักค้าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว

 

แต่ทีมอเมริกันฟุตบอลของ โครเอนเก้ อย่าง แอลเอ แรมส์ กลับทุ่มทุนมหาศาลแบบไม่มีกั๊กจนเข้าชิงซูเปอร์โบวล์ในปี 2019 ไม่แปลกที่แฟนบอลปืนใหญ่จะเกลียดนักธุรกิจใหญ่วัย 72 ปี เข้ากระดูกดำ

 

 

ตระกูลศรีวัฒนประภา | เลสเตอร์ ซิตี้

 

 

เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักคิงพาวเวอร์ กิจการค้าปลีกสินค้าปลอดอากรของไทยที่บริหารงานหลักโดย เจ้าสัววิชัย และครอบครัวศรีวัฒนประภา แต่บทบาทที่ทำให้พวกเขาโด่งดังไปทั่วโลกคือการเป็นเจ้าของทีม เลสเตอร์ ซิตี้

 

มหาเศรษฐีชื่อดังจากไทย ได้ปลุกปั้นให้ทีมระดับล่างจากอังกฤษขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของประเทศได้อย่างยิ่งใหญ่ มากไปกว่านั้นพวกเขาได้สร้างปาฏิหารย์สุดเหลือเชื่อด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2016 ทั้งๆที่ปีก่อนเป็นทีมรอดตกชั้นแท้ๆ

 

ทว่าปี 2018 ได้เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นเมื่อ นายวิชัย เสียชีวิตจากประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกข้างสนาม ทำให้อัยยวัฒน์ ลูกชายคนเล็กของตระกูลรับบทบาทเป็นประธานสโมสรจิ้งจอกสีน้ำเงินแทนจนถึงปัจจุบัน

 

 

นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี | เปแอชเช

 

 

เนย์มาร์ จะไม่มีทางย้ายมาค้าแข้งในฝรั่งเศสได้เลย หากไม่มีชายที่ชื่อ นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี ประธานหน่วยงานลงทุนด้านกีฬาของกาตาร์ สปอร์ต อินเวสต์เม้นต์ นั่งแท่นบอร์ดบริหารและซีอีโอของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในตอนนั้น

 

 กลุ่ม QSI เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมเมืองหลวงแดนน้ำหอมในปี 2011พร้อมลงทุนซื้อนักเตะสตาร์ดังเข้าทีมมากมายจนกลายเป็นตัวเต็งแชมป์ลีกเอิงในทุกฤดูกาลนับตั้งแต่นั้น เหลือแค่เพียงแชมป์ระดับทวีปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก ที่พวกเขายังไม่คว้ามาเชยชมไม่ได้เท่านั้น

 

ไม่แค่สโมสรฟุตบอลเท่านั้นที่ นักธรุกิจชาวกาตาร์มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเขายังเป็นบริษัทและซีอีโอของ บีอิน มีเดีย กรุ๊ป ช่องกีฬาในบ้านเกิดที่ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกดังของยุโรปมากมาย พร้อมกับมีข่าวเตรียมซื้อ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมยักษ์หลับของอังกฤษอีกด้วยในช่วงที่ผ่านมา

 

 

ไมค์ แอชลี่ย์ | นิวคาสเซิล

 

 

เป็นเวลา 13 ปีมาแล้วที่เหล่า ทูน อาร์มี่ ต้องระทมกับแนวทางบริหารทีมของ ไมค์ แอชลี่ย์ เศรษฐีชื่อดังอันดับต้นๆในอังกฤษ 

 

แอชลี่ย เข้ามาเทคโอเวอร์นิวคาสเซิลในปี 2007 ซึ่งทุกอย่างที่เริ่มต้นได้สวยงาม แต่ทุกอย่างก็ค่อยๆแย่ลง ทั้งผลงานในสนาม,นโยบายการเสริมทัพ, การบริหาร ที่ทำให้แฟนบอลสาลิกาดงหลายคนคอยขับไล่ไสส่งจนเหนื่อยหัวใจ

 

อย่างไรก็ตาม สาวกทีมแดนอีสานอาจได้รับข่าวดีเร็วๆนี้ เมื่อสื่อในแดนผู้ดีรายงานว่า แอชลี่ย์ ใกล้ปิดดีลขายทีมให้กับ อแมนดา สเตฟลีย์ นักธุรกิจหญิงชาวอังกฤษและกลุ่มทุนจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ในราคา 300 ล้านปอนด์ ในเร็วๆนี้   

 

 

จาง จินตง | อินเตอร์ มิลาน

 

 

จาง จินตง เป็นเศรษฐีเบอร์ต้นในประเทศจีนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกลุ่มบริษัทซู่หนิง โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป และเข้ามาบริหารดูแล อินเตอร์ มิลาน ในปี  2016 แทนที่ เอริค ตอฮีร์ นักลงทุนจากอินโดนีเซีย

 

หลังจากนั้นอีก 2 ปี ต่อมา ทีมงูใหญ่ ได้ประกาศแต่งตั้ง สตีเว่น จาง บุตรชายของ จาง จินตง ขึ้นมาเป็นประธานสโมสรคนที่ 21 ในหน้าประวัติศาสตร์ 110 ปีของสโมสร พร้อมลั่นพาทีมเข้าสู่ยุคใหม่และประสบความสำเร็จเหมือนในอดีต

 

แม้จะยังไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆมาครองได้ แต่ทิศทางของเนรซซูรี่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และในฤดูกาลนี้กำลังลุ้นคว้าแชมป์เซเรียอาครั้งแรกในรอบ 10 ปี กับ ลาซิโอ และ ยูเวนตุส 

 

 

ตระกูลอันเญลี่ | ยูเวนตุส

 

 

อันเญลี่ ถือเป็นหนึ่งตระกูลมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในอิตาลี หลังสร้างชื่อด้วยการเป็นผู้ผลิด เฟียต รถยนต์ยี่ห้อดังแดนมักกะโรนี และการเป็นเจ้าของทีมยูเวนตุส มาตั้งแต่ปี 1947 ก็ช่วยเสริมสร้างความยิ่งใหญ่ของพวกเขาไปอีก

 

เอโออาร์โด้ อันเญลี่ เป็นคนแรกของตระกูลที่นั่งแท่นประธานสโมสรในปี 1935 แต่ จานนี่ คือคนแรกที่นั่งแทนประธานในยุคที่ตระกูลอันเญลี่เป็นเจ้าของทีมในปี 1947 และส่งต่อให้ อุมแบร์โต้ น้องชายทำหน้าที่ต่อในปี 1955 ถึงปี 1962 ก่อนที่คนนอกจะเข้ามาทำหน้าที่แทนเรื่อยมา

 

จนเมื่อปี 2010 อันเดรีย อันเญลลี่ ได้กลายเป็นตระกูลอันเญลี่คนแรกในรอบ 48 ปีที่รับบทบาทเป็นประธานสโมสร ซึ่งแม้ปีแรกอาจจะดูขรุขระไปบ้าง แต่หลังจากที่ดึง อันโตนิโอ คอนเต้ มากุมบังเหียนในปี 2012  ยอดทีมจากตูรินก็ไม่เคยห่างหายจากแชมป์ลีกอีกเลย