รีบแก้ไขก่อนจะสาย : 5 วิธีที่ ‘เอเมอรี่’ อาจซื้อใจแฟนปืนใหญ่กลับมาได้ 

 

สถานการณ์ในพรีเมียร์ลีกของ อาร์เซน่อล อาจจะดูสดใสอยู่บ้าง หลังรั้งอันดับ 5 ในตาราง แต่จริงๆแล้ว สภาพทีมในตอนนี้กลับดูไม่มีความกลมเกลียวหรือมั่นคงอยู่เลย

 

 ปืนใหญ่ตามหลัง เชลซี  ทีมอันดับ 4 อยู่ 5 แต้ม และยังไม่ชนะใครในลีกมา 2 เกมติด หลังแพ้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-0 และ เสมอกับกับ คริสตัล พาเลซ 2-2 โดยมีเกมยูโรป้า ลีกที่ชนะ วิตอเรีย กิมาไรส์ 3-2 จาก 2 ฟรีคิกของ นิโคลาส์ เปเป้ เป็นเกมคั่นกลางสัปดาห์

 

อูไน เอเมอรี่ ได้รับการแต่งตั้งในปี  2018 แทนที่ อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือคนเก่าที่ลาทีมไป ซึ่งนี่ควรจะกลายเป็นยุคใหม่ของสโมสรให้กลับมาลุ้นแชมป์ในอังกฤษอย่างเต็มตัวอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ 

 

แม้กุนซือชาวสแปนิชจะได้รับโอกาสมากมายในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่หลายอย่างในทีมก็ยังไม่ดีขึ้น ทั้งแนวทางการเล่นและผลงาน จนทำให้เหล่ากูนเนอร์สหลายคนเริ่มหมดความอดทน เรียกร้องให้ปลดเอเมอรี่ออกจากตำแหน่ง

 

ด้วยเหตุนี้ทาง UFA  ARENA จึงข้อแนะนำวิธีการช่วยให้เอเมอรี่ หยุดความบาดหมางกับแฟนบอล ด้วยการซื้อใจเหล่ากูนเนอร์สและกู้ศรัทธาให้ได้อีกครั้ง  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้

 

  

 ปลด ‘ชาก้า’ ออกจากตำแหน่งกัปตัน

 

 

ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นและเป็นที่พูดถึงในเกมที่เสมอกับ คริสตัล พาเลซ 2-2 แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของแฟนบอลและนักเตะในสโมสรนั้นย่ำแย่แค่ไหน และคนๆนั้นก็คือ กรานิต ชาก้า

 

กัปตันทีมปืนใหญ่ถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลังเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะที่เหล่ากูนเนอร์สในสนามต้องการให้แข้งชาวสวิตวิ่งออกสนาม เพื่อจะให้ บูคาโย่ ซาก้า เข้ามาในสนามทันที แต่ ชาก้า กลับค่อยๆเดินทอดน่องออกไป

 

จังหวะนั้นทำให้แฟนบอลปืนใหญ่โห่ใส่กัปตันทีมของพวกเขา แต่ตัวชาก้ากลับตอบโต้ด้วยการสบถใส่แฟนๆ พร้อมทั้งเอามือป้องหูราวกับเสียงโห่นั้นยังดังไม่พอ พร้อมกับถอดเสื้อทิ้งและเดินตรงเข้าไปในอุโมงค์สนามทันที

 

หลังจบเกมนั้น เอเมอรี่ได้ยืนยันว่าการกระทำของ ชาก้า ผิดเต็มๆ เพียงแต่สโมสรจะเป็นคนจัดการกับเรื่องภายในนี้เอง

 

อย่างไรก็ตาม เหล่ากูนเนอร์สทั่วโลกและอดีตนักเตะของอาร์เซน่อลได้ออกมาเรียกร้องให้ปลด ชาก้า ออกจากตำแหน่งกัปตันทีม และถ้าเรื่องราวนี้ยังดำเนินต่อไปแบบไม่มีการลงโทษเกิดขึ้น เชื่อว่าแฟนบอลในเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม จะไม่มีทางลืมการตัดสินครั้งนี้ของ เอเมอรี่ อย่างแน่นอน

 

ซึ่ง ไนเจล วินเทอร์เบิร์น อดีตแข้งปืน ได้กล่าวเรื่องนี้ไว้ใน Talkspor ว่า “ถ้าเขา (เอเมอรี่) หนุนหลังช้าก้า เขาจะรู้ว่าจริงๆแล้วอะไรคือสิ่งที่สนับสนุนอาร์เซน่อล เพราะถ้าแฟนบอลไม่เห็นด้วยกับเขา และชัดเจนว่าตอนนี้พวกเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการให้ชาก้าเป็นกัปตัน จากนั้นตำแหน่งผู้จัดการทีมของเขาก็จะยิ่งมีความกดดันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆด้วย”

 

นี่อาจจะดูรุนแรงกับ กองกลางวัย 27 ปีไปบ้าง แต่ต้องบอกว่ามันเป็นทางออกเดียวที่ไม่ทำให้เรื่องนี้บานปลายกว่าเดิมจริงๆ

 

 อาร์เซน่อลก็ยังมีตัวเลือกกัปตันทีมคนอื่นๆที่ดูเหมาะสมและไม่ค่อยถูกวิจารณ์เท่าไหร่ อย่างเช่น  ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ที่เป็นรองกัปตันของทีม, เป็นดาวยิงตัวหลักของสโมสรในฤดูกาลนี้ และได้รับคำชมจากเอเมอรี่ในสนามด้วย

 

 

รวมทีมให้ได้เป็นหนึ่งเดียว

 

 

คงเป็นงานลำบากแน่ หากเอเมอรี่ไม่ยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดัน และปล่อยให้ ชาก้า ทำหน้าที่กัปตันต่อไป ซึ่งอย่าลืมว่าใครเป็นคนแต่งตั้งให้ชาก้ารับตำแหน่งนี้ และใช้วิธีการอย่างไร

 

กุนซือชาวสแปนิชจะประกาศให้ ชาก้า เป็นกัปตันทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการในฤดูกาลนี้ หลังจากได้พูดคุยกับสมาชิกในทีม ซึ่ง ร็อบ โฮลดิ้ง เผยว่า มีการเลือกโดยคะแนนโหวต

 

“เขาให้เลือกกัปตันมา 5 คน เราทั้งหมดโหวตในสัปดาห์ก่อน ดังนั้นเราจะได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และใครได้คะแนนโหวตไป” โฮลดิ้งกล่าว “มันก็แค่เขียนชื่อลงและจากนั้นก็ส่งให้ผู้จัดการทีม และเขาจะเลือกจากข้อมูลเหล่านั้นและเราก็เห็นว่าเป็นอย่างไร”

 

แม้จะแสดงพฤติกรรมออกมาแบบนั้น ชาก้า ก็ได้รับการหนุนหลังจากเพื่อนร่วมทีม อย่างเช่น เอ็คตอร์ เบเยริน ที่โพสต์ลงโซเชียลเตือนแฟนบอลว่า ชาก้า ก็เหมือนคนทั่วไปที่มีอารมณ์และปฏิกริยาไม่ต่างจากแฟนบอลเท่าไหร่

 

อีกทั้งยังมีภาพที่ ลูคัส ตอร์เรย์ร่า ดูไม่พอใจเท่าไหร่ที่กัปตันทีมของเขาได้รับเสียงโห่จากแฟนบอล จนให้เขาปาดน้ำตาออกมาตรงบริเวณข้างสนาม

 

แต่ก็มีนักเตะที่เห็นด้วยกับแฟนๆเหมือนกันอย่าง อเล็กซ็องดร์ ลากาแซ็ตต์ ที่จู่ๆก็โผล่ไปกดไลค์รูปที่แฟนบอลอาร์เซน่อลรายหนึ่งโพสต์ในโลกออนไลน์ พร้อมกับข้อความไล่ ชาก้า และ เอเมอรี่ ออกจากทีม

 

แต่ไม่ว่าเอเมอรี่จะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องชาก้าอย่างไรก็ตาม เขาจำเป็นต้องรวมสปิริตของทีมให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง และถ้าหากมีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย นักเตะในทีมก็ไม่มีทางทำผลงานได้อย่างเต็มที่จนกว่าเรื่องนี้จะถูกแก้ไขให้ทันท่วงที

 

 

หันมาใช้ ‘โอซิล’

 

 

บางทีการที่แฟนบอลแสดงการต่อต้านต่อ เอเมอรี่ อาจเป็นเพราะ ชื่อของ เมซุต โอซิล ไม่ปรากฏแม้กระทั่งตัวสำรองในเกมนัดล่าสุด หรือในหลายๆเกมที่ผ่านมา

 

กองกลางชาวเยอรมันลงเล่นแค่ 142 นาทีในทุกรายการของฤดูกาลนี้ โดยแบ่งเป็น 71 นาทีในพรีเมียร์ลีก, 71 นาทีในคาราบาว คัพ และมีชื่อเป็นตัวสำรองถึง 10 นัดด้วยกัน

 

พอเข้าใจได้ว่าในช่วงแรกของฤดูกาลที่เขาหายหน้าไปจากทีม มีผลมาจากการที่เขาตกเป็นเหยื่อของการถูกโจรปล้นร่วมกับ ซีอัด โคลาซนัช แต่การที่โอซิลไม่มีชื่อในเกมต่อๆมาถือเป็นเรื่องประหลาดพอสมควร

 

แม้โอซิลจะไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้เหมือนคนเดิม แต่แข้งวัย 31 ปี ยังคงเป็นแข้งอาร์เซน่อลที่สร้างสรรค์โอกาสได้ดีที่สุดในด้านตัวเลข

 

นับตั้งแต่ที่ เอเมอรี่ เข้ามากุมบังเหียนปืนใหญ่ในซัมเมอร์ปี 2018 มีแค่ชาก้า (47) ที่สร้างโอกาสได้มากกว่า โอซิล (46) ในพรีเมียร์ลีก แต่กองกลางทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ลงเล่นมากกว่า 1,400  นาที ทำให้แข้งเมืองเบียร์มีค่าเฉลี่ยในการสร้างสรรค์โอกาสที่ดีกว่ามาก โดยอยู่ที่ 2.28 ครั้งต่อนัด

 

ถ้าหากเขาได้โอกาสลงสนามซักหน่อย มั่นใจได้ว่า โอซิล จะมีประโยชน์กับทีมได้มากกว่าตอนที่เขาชมเพื่อนร่วมทีมอยู่ที่บ้านหรือข้างสนามแน่นอน

           

 

 ใช้ ตอร์เรยร่า ในตำแหน่งที่เหมาะสม

 

 

อีกหนึ่งการเลือก 11 ตัวจริงของ เอเมอรี่ ที่สร้างความสับสนมึนงงให้กับแฟนบอลอาร์เซน่อล คือการที่เขาเลือกใช้งาน ตอร์เรย์ร่า น้อยเกินไป

 

กองกลางชาวอุรุกวัยเข้ามาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ปีก่อน และกลายเป็นขวัญของแฟนๆทันที  หลังสามารถปรับตัวเข้ากับทีมและลีกใหม่ พร้อมกับเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของปืนใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่ในฤดูกาลนี้ ตอเรย์ร่า กลับได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแค่ 2 นัดในพรีเมียร์ลีก รวมกับการลงเล่น  4 นัดในบอลถ้วยทุกรายการ เขาได้ลงเล่นทั้งหมด 202 นาทีเท่านั้น ซึ่งในบอลถ้วย แข้งวัย 23 ปี ได้รับบทบาทให้เล่นเป็นกองกลางตัวรับ คอยยืนสกรีนอยู่หน้าแผงหลัง

 

  ทว่า ยามได้โอกาสลงเล่นในลีก เอเมอรี่กลับเปลี่ยนวิธีการเล่นของตอเรย์ร่า จากตัวตัดเกมในแดนกลาง ให้กลายเป็นเพลย์เมกเกอร์ คอยสร้างโอกาสแบบโอซิล และด้วยสไตล์การเล่นของอดีตแข้งซามพ์โดเรีย การสร้างสรรค์เกมแบบนี้ไม่ใช้จุดเด่นของเขาเลย

 

กุนซือชาวสแปนิชอ้างว่า ตอร์เรย์ร่า มั่นใจพอที่จะเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก แต่ความมั่นใจเหล่านั้นก็ไม่สามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้เต็มที่ ทำให้ฟอร์มการเล่นของเขาไร้ความดุดดันและห่างไกลจากฤดูกาลก่อนพอสมควร

 

 

หาระบบหลักๆให้เจอ

 

 

เป็นไปได้ว่า 11 ตัวจริงที่ผันผวนในแต่ละเกมของ เอเมอรี่ นั้นมีสาเหตุมาจากการที่ อดีตกุนซือเซบีย่า ไม่สามารถหารูปแบบการเล่นหรือผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมได้เสียที

 

ใน 72 เกม นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมแทนอาร์เซน เวนเกอร์ เอเมอรี่ ใช้ระบบการเล่นไปแล้วกว่า 8 แผน โดยไม่มีการใช้แบบใดแบบหนึ่งในระยะยาวเลย

 

แม้การปรับแทคติกจะทำให้เราพอเห็นสัญญานของการเป็นกุนซือที่มีฝีมือได้ แต่ในเกมระดับสูง นั้นจำเป็นที่จะต้องมีแผนการเล่นหลักๆอยู่ และจะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นเลยในกรณีของ เอเมอรี่

 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เอเมอรี่ และแผนการเล่น 4-2-3-1 กลายเป็นของคู่กัน กุนซือวัย 47 ปี ยึดมั่นในแนวทางนี้มาตลอดในระหว่างปี 2008-2016 หรือในช่วงที่เขาคุม บาเลนเซีย, สปาร์ตัก มอสโก และ เซบีย่า แต่แผนนี้กลับใช้ไม่ถึงครึ่งจากเกมทั้งหมดที่เขาคุมอาร์เซน่อล

 

ในช่วง 6 นัดหลังสุด เอเมอรี่พยายามใช้ 4-4-2, 4-2-3-1, 4-1-4-1 และ 4-3-3 ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ อาร์เซน่อลชนะไป 3, เสมอ 2 และแพ้อีก 1 

 

การเปลี่ยนรูปแบบไปมาแบบนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อแข้งปืนใหญ่เลย เนื่องจากแผนการเล่นแต่ละอย่างต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นเกมรับหรือเกมรุก ซึ่งก่อนหน้านี้ อลัน สมิธ อดีตกองหน้าของทีมก็เคยพูดพาดพิงถึงเรื่องกลยุทธ์สุดสับสนของปืนใหญ่ชุดนี้

 

สมิธกล่าวไว่าในเดือนกันยายนว่า  “ผมได้ยินเสียงกระซิบกระซาบว่าผู้เล่นบางคนบ่นเรื่องระบบการเล่นของผู้จัดการเต็มไปด้วยความสับสน พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขา (เอเมอรี่) ต้องการให้พวกเขาทำอะไร”

 

“ถ้านั้นเป็นเรื่องจริงขึ้นมาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีเท่าไหร่ ความต้องการที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆเลย”