รู้ไว้ใช่ว่า : 8 เรื่องน่ารู้ในศึกเพลย์ออฟเลื่อนชั้นของลีกแดนผู้ดี

 

 

ณ วันที่ 14 พฤษภาคม ปี 1987 คือวันที่มีการแข่งขันการเลื่อนชั้นขึ้นดิวิชั่นด้วยการเพลย์ออฟในลีกแดนผู้ดีเป็นครั้งแรก โดยแชมป์ในปีนั้นตกเป็นของ ชาร์ลตันในดิวิชั่นสอง, สวินดอน ทาวน์ในดิวิชั่นสาม และ อัลเบอร์ช็อคในดิวิชั่นสี่

 

ในตอนนี้ การแข่งขันเพลย์ออฟก็ยังดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งระยะเวลากว่า 32 ปีแล้ว และมีความตื่นเต้นเร้าใจไม่แพ้การแข่งขันบอลลีกฤดูกาลปกติหรือทัวร์นาเม้นต์ไหนๆเลย

 

ทาง UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปดู 8 เรื่องราวและสถิติที่น่าสนใจในรายการนี้ของลีกอังกฤษกันซักหน่อยว่ามีอะไรบ้าง ขอบอกเลยว่าเรื่องบางเรื่องนั้นจะทำให้ผู้อ่านไม่อยากเชื่อเลยว่ามันได้เกิดขึ้นจริงๆ

 

 

คำสาปทีมแดง-ขาว

 

 

สโมสรที่มีเสื้อสี-ขาวเป็นหลักพร้อมกับกางเกงสีดำคือทีมที่มีสถิติน่าเศร้าที่สุดในการแข่งขันเพลย์ออฟของแดนผู้ดี ไม่ว่าจะเป็น เบรนท์ฟอร์ด (8 ครั้ง), เอ็กเซเตอร์ ซิตี้ (2 ครั้ง), ลินคอห์น ซิตี้ (6 ครั้ง), เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (8 ครั้ง), เซาธ์แฮมป์ตัน (1 ครั้ง) และ ซันเดอร์แลนด์ (4 ครั้ง) ทีมเหล่านี้เล่นรอบเพลย์ออฟรวมกัน 29 ครั้ง แต่ไม่มีซักทีมที่คว้าชัยในนัดชิงชนะเลิศได้เลย

 

แต่มีข้อยกเว้นอยู่ครั้งนึง เมื่อซันเดอร์แลนด์พ่ายให้กับ สวินดอน ทาวน์ ในนัดชิงเพลย์ออฟเลื่อนชั้นปี 1990 แต่ทว่าทีมนกโรบินส์ถูกปฏิเสธการเลื่อนชั้นเนื่องจากมีปัญหาทางด้านการเงิน ทำให้สิทธิ์เลื่อนชั้นตกมาอยู่ทีมแมวดำ แทน ตามหลัง ลีดส์ ยูไนเต็ด และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่เลื่อนชั้นขึ้นไปก่อนหน้านี้

 

 

แพ้ปีนี้ยังมีปีหน้า

 

 

ถ้านับรวมลีกอังกฤษทุกระดับ จะพบว่ามี 11 สโมสรที่ผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟได้ 2 ปีติดต่อกัน และมี 9 ทีมที่กลับมาชนะในปีต่อมาได้ นั่นก็คือ ทรานเทียร์ โรเวอร์ส ปี 1990-91 (ดิวิชั่น 3), แบล็คพูล ปี 1991-92 (ดิวิชั่น 4), เลสเตอร์ ซิตี้ ปี 1993-94 (ดิวิชั่น 1), คริสตัล พาเลซ ปี 1996-97 (ดิวิชั่น 1), จิลลิ่งแฮม ปี 1999-00 (ดิวิชั่น 2), เวสต์แฮม ปี 2004-05 (แชมเปี้ยนส์ชิพ), มิลวอลล์ ปี 2009-10 กับ ปี 2016-17 (ลีกวัน) และ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ปี 2011-12 (ลีกวัน)

 

  โดยในฤดูกาลนี้มีแอสตัน วิลล่า ที่เข้ามาเล่นได้รอบเพลย์ออฟ 2 ปีติดกัน และหวังจะชิงตั๋วสู่ลีกสูงสุดใบสุดท้ายมาให้ได้ หลังพ่ายให้ฟูแล่มไปเมื่อฤดูกาลก่อน ซึ่ง 2 ทีมที่ไม่สามารถทำได้อย่างที่กล่าวไปข้ามต้นนั้นคือ เลสเตอร์ในปี 1992 และ สวินดอน ทาวน์ ปี 1993 แต่ว่าทีมนกโรบินส์ก็สามารถคว้าชัยในนัดชิงรอบเพลย์ออฟได้หลังเข้ามา 3 ปีติดกัน เช่นเดียวกับ เอ็กเซเตอร์ ปี 2017 และ โคเวนทรี ปี 2018 ที่ทำได้เหมือน สวินดอน ทาวน์

 

 

ผู้ชมในสนามที่บอลโลกก็ยังเป็นรอง

 

 

การแข่งขันเพลย์ออฟได้ดึงดูดผู้ชมทั่วโลกได้มากมายมานานหลายปีแล้ว โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้ชมทั่วโลกรวมกันราวๆ 11 ล้านคนในฤดูกาลนี้ และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการย้ายสนามเพลย์ออฟใหม่เป็น นิว เวมบลีย์ ยอดผู้ชมในนัดชิงก็สูงขึ้นทุกๆปี

 

และสถิติยอดผู้ชมในนัดชิงเพลย์ออฟของแชมเปี้ยนส์ชิพในสนามเมื่อฤดูกาล 2018 มีจำนวนถึง 85,243 คน ซึ่งเป็นนัดที่ฟูแล่มเฉือนเอาชนะแอสตัน วิลล่าไปได้ 1-0 นั้นมีผู้ชมมากกว่านัดชิงในฟุตบอลโลกที่รัสเซียซะอีกที่มีสักขีพยานในนัดที่ฝรั่งเศสทุบโครเอเชียไป 4-2 แค่ 78,011 คน เท่านั้น

 

 

ฟอร์มช่วงท้ายสำคัญกว่าตำแหน่งในฤดูกาล

 

 

แม้จะไม่สูตรสำเร็จที่มองเห็นได้ง่ายๆหรือชัดเจน แต่สโมสรที่ทำอันดับได้ดีที่ในรอบเพลย์ออฟไม่ได้หมายความพวกเขาจะชนะนัดชิงและได้เลื่อนชั้นไปแบบง่ายๆเสมอไป และถ้าคิดเป็นเปอร์เซนต์ในแชมเปี้ยนส์ชิพมีแค่ 37 เปอร์เซนต์เท่านั้นที่ทำได้ รวมไปถึงลีกวันที่มีแค่ 28 เปอร์เซนต์ และ ลีกทู 44 เปอร์เซนต์

 

เพราะฉะนั้น ฟอร์มการเล่นในช่วงท้ายฤดูกาลจึงเป็นสิ่งที่ทำทีมประสบความสำเร็จในการเล่นเพลย์ออฟมากที่สุด ซึ่งทีมที่ได้เปรียบที่สุดในแชมเปี้ยนส์ชิพตอนนี้คือ แอสตัน วิลล่า ของดีน สมิธ ที่แม้จะแพ้ในเกมลีกนัดสุดท้าย แต่ชัยชนะ 10 นัดรวดก่อนหน้านี้ก็ไม่คู่แข่งทีมไหนสามารถทำได้เช่นสิงห์ผงาดอีกแล้วล่ะในตอนนี้

 

 

ยิงกันยับ

 

 

1,225 ลูก คือจำนวนประตูทั้งหมดที่เกิดขึ้นจาการแข่งขันเพลย์ออฟ 492 นัด โดยปีที่ยิงกันเยอะมากที่สุดคือฤดูกาล 1988 (19 นัด), 2007 และ 2015 (15 นัดทั้งคู่) ซึ่งซัดไปถึง 51 ประตูรวมทุกนัดในปีนั้น ส่วนฤดูกาลที่ยิงกันน้อยที่สุดคือปี 2009 ที่ยิงกันแค่ 23 ลูกเท่านั้น

 

สำหรับนัดชิงที่ยิงเยอะที่สุดนับตั้งแต่มีเพลย์ออฟในยุค 90 เป็นต้นมา ถือปี 2001 ที่จัดนัดชิงในสนาม มิลเลนเนี้ยม สเตเดี้ยม เป็นปีแรก ซึ่งยิงถึง 14 ประตูรวมนัดชิงเพลย์ออฟทุกระดับ และปีที่ยิงกันน้อยี่สุดก็จัดที่สนามแห่งนี้เช่นกัน แต่ดันทำประตูกันแค่ 2 นัดเท่านั้น ให้ตายสิ!

 

 

เกิน 100 ทีมในเพลย์ออฟ

 

 

ในฤดูกาลนี้ นิวพอร์ท คือสโมสรที่ 101 ในการแข่งขันเพลย์ออฟของลีกแดนผู้ดี และในวันต่อมา ฟอเรสต์ กรีน โรเวอร์ส ก็กลายเป็นสโมสรที่ 102 ในรายการนี้เช่นกัน

 

ในด้านทีมที่เข้ารวมรายการเพลย์ออฟมากที่สุดคือ เปรสตัน ที่แข่งขันไปแล้ว 10 ครั้ง แต่ว่าชนะแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเขาในปี 2015 โดยเอาชนะสวินดอน ทาวน์ 4-0 ในนัดชิงของลีกวัน

 

ส่วน แบล็คพูล และ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ คือ 2 สโมสรเท่านั้นในเกาะอังกฤษที่ชนะรอบเพลย์ออฟมาแล้วทั้ง 3 ดิวิชั่น

 

 

ชนะไปใช่ว่าจะรอด

 

 

การเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ด้วยการเพลย์ออฟมักจะจบลงไม่ค่อยสวยนัก เมื่อฟูแล่มคือแชมป์เพลย์ออฟทีมที่ 19 ที่ตกชั้นจากลีกสูงสุดในปีต่อมา จากทั้งหมด 32 ทีมทั้งหมดที่ทำได้ ซึ่งเป็นสถิติเกือบๆ 60 เปอร์เซนต์เลยที่ต้องร่วงไปแชมเปี้ยนส์ชิพอีกครั้ง

 

ค่าเฉลี่ยที่ทีมเลื่อนชั้นจากการเพลย์ออฟจากอยู่บนลีกสูงสุดอยู่ที่ 3 ฤดูกาล โดย โบลตันคือทีมเพลย์ออฟที่อยู่บนพรีเมียร์นานลีกที่สุด 11 ฤดูกาล หลังจากเอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตันได้ในนัดชิงปี 2001 และในฤดูกาลหน้านี้ เวสต์แฮมจะเป็นทีมเพลย์ออฟที่อยู่ในพรีเมียร์ลีกนานถึง 8 ฤดูกาลติดต่อกันนับตั้งแต่ชนะรอบเพลย์ออฟในปี 2012 ขณะที่ คริสตัล พาเลซ ก็เข้าสู่ปีที่ 7 แล้วในลีกสูงสุด หลังจากคว้าชัยมาได้ในปี 2013

 

 

แฮ็ตทริกฮีโร่ที่น้อยมากๆ

 

 

การแข่งขันเพลย์ออฟมีแล้วเกือบ 500 นัด แต่ไม่น่าเชื่อว่ามีนักเตะที่ทำแฮตทริกได้ในนัดชิงแค่ 3 คนเท่านั้น นั่นก็คือ ไคลฟ์ เมนดอนก้า ในปี 1998 ในเกมที่เขาช่วยชาร์ลตันเอาชนะจุดโทษซันเดอร์แลนด์ หลังจากที่เสมอกันในช่วงต่อเวลา 4-4 ของศึกเพลย์ออฟของดิวิชั่นหนึ่ง และทั้งคู่จะพบกันอีกในศึกเพลย์ออฟนัดชิงของลีกวันฤดูกาลนี้

 

สก็อต ซินแคลร์ คือนักเตะคนที่ 2 ที่ทำแฮ็ตทริกได้ในนัดชิงช่วยให้สวอนซีเอาชนะเร้ดดิ้งได้ในปี 2011 และคนที่ 3 คือ เจอร์เมน เบ็คฟอร์ด ที่กดแฮตทริกให้เปรสตันในนัดชิงลีกวันเมื่อปี 2015