ร็อบโบ้มีหนาว : เจาะเหตุผลทำไมหงส์ถึงคว้า “คอสตาส ซิมิคาส”

 

หลังจากปล่อยให้คู่แข่งร่วมลีกเคลื่อนไหวกันอย่างสนุกสนานในตลาดซื้อขาย ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ได้นักเตะใหม่คนแรกในช่วงซัมเมอร์นี้มาแล้วเรียบร้อย นั่นก็คือ คอสตาส ซิมิคาส แบ็คซ้ายดีกรีทีมชาติกรีซ ที่หงส์แดงกระชากมาจาก โอลิมเปียกอส ด้วยค่าตัว 11.75 ล้านปอนด์ พร้อมเซ็นสัญญายาว 5 ปี

 

อันที่จริง แนวรับจากแดนเทพนิยายไม่ใช่ตัวเลือกแรกของ ลิเวอร์พูล โดยหงส์แดงได้ลิสต์ชื่อ จามาล ลูอิส ไว้เป็นเป้าหมายเบอร์ 1 ที่จะดึงเข้ามาเติมเต็มในตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่ทาง นอริช ซิตี้ ที่เพิ่งตกชั้นกลับเรียกสินสอดสูงถึง 20 ล้านปอนด์ ทำให้แชมป์พรีเมียร์ลีกตัดสินใจกำตังไปถอย ซิมิคาส มาแทน

 

ทว่าคำถามที่หลายคนอาจอยากรู้ก็คือ ซิมิคาส มีดีอะไร? ทำไม เจอร์เก้น คล็อปป์ ถึงต้องรีบตะครุบหมอนี่ตั้งแต่เนิ่นๆ? วันนี้เราจะพาคุณมาหาคำตอบกัน

 

ทำความรู้จักกันก่อน

 

ซิมิคาส มีส่วนสูง 178 เซนติเมตร เกิดที่กรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของประเทศกรีซ เริ่มเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังกับสโมสรท้องถิ่นอย่าง เนอาโปลี เธสซาโลนิกี้ เมื่อตอนอายุ 14 ปี ก่อนที่จะถูกดึงไปฝึกฝีเท้ากับทีมเยาวชนของ แพนเซอร์ไรกอส และหลังจากอยู่ที่นี่ได้ 3 ปี เขาก็ได้ย้ายไปซบอกสโมสรเบอร์ 1 ของประเทศอย่าง โอลิมเปียกอส ในปี 2014

 

แม้เจ้าตัวจะใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวในการพาตัวเองขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ แต่กว่าจะได้เป็นตัวหลักของทีมจริงๆก็ต้องรอจนถึงฤดูกาล 2018-19 โดยก่อนหน้านั้นเขาถูกปล่อยไปเก็บประสบการณ์กับ เอสเบิร์ก สโมสรจากเดนมาร์ก และ วิลเล่ม ทเว ทีมในลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์

 

โดยในฤดูกาลนี้ ซิมิคาส ได้รับโอกาสลงสนามไปทั้งหมด 46 นัดรวมทุกรายการ พร้อมฝากผลงานไว้ที่ 7 แอสซิสต์ และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์กรีซ ซูเปอร์ลีกได้สำเร็จ

 

 

สไตล์การเล่น

 

ซิมิคาส เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายเป็นหลัก แต่ก็สามารถขยับขึ้นไปเล่นเป็นปีกซ้ายได้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งตามข้อมูลจากเว็บไซต์ WhoScored เจ้าตัวเป็นนักเตะที่ชื่นชอบในการเล่นเกมรุกมากกว่าเกมรับ มีจุดแข็งอยู่ที่การเลี้ยงบอล , การเข้าแทคเกิ้ล และการครอสบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย แต่ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่จุดอ่อนของเขากลับเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกับจุดแข็งอย่างการผ่านบอล และการครองบอลไว้กับตัว

 

ขณะที่ในซีซั่นนี้ ดาวเตะวัย 24 ปีได้ปะทะกับสโมสรจากพรีเมียร์ลีกมาแล้วถึง 3 ทีม ครั้งแรกคือการเจอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ส่วนครั้งที่ 2 และ 3 คือการดวลกับ อาร์เซน่อล และ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในยูโรปา ลีก ซึ่งทั้ง 6 ยกต้องบอกว่าเจ้าตัวสามารถทำผลงานได้น่าประทับใจเลยทีเดียว

 

 

คนอื่นว่าอย่างไร

 

ซิมิคาส ติดทีมชาติกรีซไปแล้ว 3 นัด และเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายใหญ่ของทัพเทพนิยายอย่าง จอห์น ฟานท์ ชิพ ก็ได้หล่นความเห็นถึงลูกทีมรายนี้ว่า “เขาเป็นนักเตะที่เก่ง เป็นแบ็คจอมบุกดาวรุ่งที่เล่นได้ดีมาก”

 

“เขามีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม และได้รับโอกาสออกสตาร์ทอย่างสม่ำเสมอ ผมเข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่ ถ้า นาโปลี คือหนึ่งในนั้น มันก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้”

 

ทีมที่เคยให้ความสนใจ

 

ก่อนหน้าที่จะลงเอยกับ ลิเวอร์พูล 2 สโมสรที่เคยมีข่าวเชื่อมโยงกับ ซิมิคาส มากที่สุดคือ นาโปลี และ เลสเตอร์ ซิตี้

 

ยอดทีมจากเนเปิ้ลส์ เคยเป็นตัวเต็งที่จะได้ลายเซ็นของ ซิมิคาส เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังจากเจ้าตัวจัดการปล่อยของให้กับแมวมองของอัซซูร่าได้เห็นในศึก UCL ขณะที่ทางจิ้งจอกสยาม ก็ได้เล็งเด็กปั้นโอลิมเปียกอสไว้เป็นตัวแทนของ เบน ชิลเวลล์ ที่มีแนวโน้มจะย้ายไปสวมเสื้อเชลซีในช่วงหน้าร้อนนี้

 

ไม่เพียงเท่านั้น ซิมิคาส ยังเคยมีข่าวประปรายกับ อาร์เซน่อล และ สเปอร์ส ด้วย ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าหงส์แดงได้นักเตะที่ผ่านการตรวจสอบจากหลายสโมสรดังเรียบร้อยแล้ว

 

 

บทบาทกับหงส์แดง

 

เมื่อนักเตะที่ขวางทาง ซิมิคาส อยู่คือหนึ่งในแบ็คซ้ายที่เก่งที่สุดของโลกอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แน่นอนว่าบทบาทของเจ้าตัวจะต้องเริ่มต้นจากการเป็นอะไหล่ของกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์อย่างไม่ต้องสงสัย

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือการแข่งขันภายในทีม และ ซิมิคาส จะเปรียบเสมือนไฟที่คอยลนไม่ให้ก้นของ ร็อบโบ้ หย่อนต่ำลงกว่ามาตรฐาน

 

“โรเบิร์ตสัน เป็นหนึ่งในนักเตะที่มีพรสวรรค์อย่างมาก สำหรับผมแล้ว ผมจะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อแข่งขันกับเขา” ซิมิคาส กล่าวหลังจากเปิดตัวกับ ลิเวอร์พูล

 

“ผมรู้ว่า โรเบิร์ตสัน เป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดในโลก แต่นี่ก็ทำให้ผมมีแรงกระตุ้นเป็นพิเศษในการทำงานหนัก”

 

 

ขณะที่ คล็อปป์ ได้กล่าวต้อนรับลูกทีมคนใหม่ว่า “เราเฝ้าดู คอสตาส มานานแล้ว และเรามีความสุขมากที่เขาย้ายมาอยู่กับเรา มันเป็นข่าวที่เพอร์เฟ็คต์ก่อนที่เราจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเร็วๆนี้”

 

“เขาเป็นนักฟุตบอลที่ดีมาก ซึ่งมาพร้อมกับทัศนคติแห่งชัยชนะและความต้องการที่จะแข่งขัน ผมชอบแนวคิดของเขามาก มันเข้ากันได้อย่างเพอร์เฟ็คต์กับอารมณ์ และความกระหายที่เรามีในห้องแต่งตัวอยู่แล้ว”

 

“คอสตาส รู้จากประสบการณ์ส่วนตัวว่าอะไรคือสิ่งจำเป็นสำหรับการท้าทาย รวมถึงการประสบความสำเร็จทั้งในประเทศและในแชมเปียนส์ ลีก เขามีความทะเยอทะยานที่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเหมือนกับเรา”