เมื่อไหร่ที่พูดถึงแชมเปี้ยนส์ลีก เราคงนึกภาพนักเตะชั้นนำมากมายในทวีปยุโรป รวมไปถึงเหตุการณ์ต่างที่สำคัญที่ผ่านมา เช่นภาพของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เซร์กิโอ้ รามอส ชูถ้วยหูยานตลอด 3 ฤดูกาลติดต่อกัน หรือ ลีลาการลากเลื้อยที่เพลินตาของลิโอเนล เมสซี่ หรือ เนย์มาร์
แต่นักเตะนอกสายตาที่แฟนบอลอาจจะมองข้ามไปจำนวนไม่น้อยเลยที่เป็นฟันเฝืองสำคัญในการพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้
เพื่อเป็นการยกย่องและช่วยผู้คนสนใจพวกเขามากขึ้น UFA ARENA จึงได้รวบรวม 11 แข้งในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฤดูกาลที่ถูกประเมินค่าต่ำกว่าความสามารถจริงๆของพวกเขามาให้แฟนบอลได้รับรู้กัน โดยเราจะไม่เลือกผู้เล่นจากสโมสรไหนเกินหนึ่งคนเป็นอันขาดจากทีมที่แข่งขันในรอบนี้
มาร์ค-อังเดร สเตเก้น (บาร์เซโลน่า)
หากมีใครซักคนถกเถียงกันว่าผู้รักษาประตูคนไหนเจ๋งที่สุดในโลก ชื่อของนายทวารชาวเยอรมันมักจะถูกมองข้ามเสมอตลอดเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา
สเตเก้นโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับบาร์เซโลน่าใน 2 ฤดูกาลล่าสุด โดยในรอบแบ่งกลุ่มปีนี้เขาเสียประตูแค่ 4 ลูกเท่านั้นจากการลงสนาม 5 นัด ซึ่งจะเสียให้สเปอร์ถึง 2 ลูกแต่เขาก็เซฟเป็นพัลวันก่อนที่ทีมของเขาจะเอาชนะไปได้ 4-2 ในท้ายที่สุด
เจา คันเซโล่ (ยูเวนตุส)
ปัจจุบันตำแหน่งแบ็คขวาตัวท็อปที่มีชื่อเสียงยังมีไม่มากเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม คานเซโล่ก็ไม่ใช่นักเตะที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง แม้จะเล่นให้กับยูเวนตุสแล้วก็ตาม แต่ว่าทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปในไม่ช้า
แข้งชาวโปรตุกีสวัย 24 ปีเป็นนักเตะที่สามารถไว้วางได้มากๆเลย โดยในปีนี้เขาแอสซิสต์ให้ทีมม้าลายในรายการนี้ถึง 3 ลูกด้วยกัน และมุ่งมั่นอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ต้นสังกัดเข้าไปเล่นรอบชิงในมาดริดให้ได้
มาร์คินญอส (เปแอชเช)
แม้ตำแหน่งจริงของมาร์คินญอสคือกองหลังตัวกลาง แต่ในปีนี้เขาก็โยกไปเล่นเป็นกองกลางอยู่บ่อยครั้ง หลังจากแดนกลางในทีมบาดเจ็บ แถมเขายังทำผลงานได้ดีใช้ได้เลย
มาร์โก แวร์รัตติได้รบเครดิตส่วนใหญ่ในเกมที่เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในการแข่งขันนัดแรกมาได้ แต่ถ้ามองกันดีๆ แข้งชาวบราซิลเลียนคืออีกคนที่ควรได้รับเครดิตนั้นด้วย หลังตัดเกมรุกคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจัดการกับพอล ป็อกบา ให้แผลงฤทธิ์ไม่ออกตลอดทั้งเกมด้วย
อายเมริค ลาปอร์ต (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆที่ อายเมริค ลาปอร์ต ยังไม่ได้ลงเล่นในทีมชาติฝรั่งเศสซักที ซึ่งเรื่องนั้นก็พอเข้าใจได้การที่มีการถกเถียงกันว่าเขาควรเล่นให้ฝรั่งเศสหรือสเปน แต่เรื่องที่เขาเป็นนักเตะที่ถูกมองข้ามก็ยังไม่จางหายไปไหน
กองหลังวัย 24 ปีพิสูจน์ว่าเขาคือนักเตะที่เรือใบสีฟ้าขาดไม่ได้ในฤดูกาลนี้ โดยอดีตแข้งบิลเบาลงเล่นให้ซิตี้ครบทั้ง 6 นัดในรอบที่ผ่านมา และทำ 2 ประตูสำคัญให้ตัวแทนจากอังกฤษเข้ารอบต่อไปมาได้
นิโคลัส ทาเกลียฟิโก้ (อาแจ็กซ์)
แข้งชาวอาร์เจนไตน์ซัดไป 3 ประตูใน 6 นัดแรกในรอบแบ่งกลุ่ม โดยทำได้ในเกมที่ทุบ เออีเค เอเธนส์ 2-0 และยิงประตูตีเสมอในนาทีสุดท้ายกับเกมที่เสมอบาเยิร์น มิวนิค 3-3 ถือว่ายอดเยี่ยมเลยสำหรับนักเตะที่เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย
ฟอร์มของ ทาเกลียฟิโก้น่าประทับมากกว่านั้นในเกมที่พบเรอัล มาดริดในรอบ 16 ทีมนัดแรก ซึ่งแข้งวัย 26 ปี ปั่นป่วนเกมรับของราชันชุดขาวจนเป๋ไปอยู่พอสมควรเหมือนกัน และเกือบมีชื่ออยู่สกอร์บอร์ด น่าเสียดายที่ลูกนั้นถูก VAR มองว่าเป็นการฟาวล์ซะก่อน
โธมัส พาร์เตย์ (แอตเลติโก มาดริด)
โธมัส พาร์เตย์ คืออีกหนึ่งแข้งที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกา ด้วยสไตล์การเล่นของพาร์เตย์พอจะอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงไม่ได้รับการพูดถึงเท่าๆกับ โกเก้ หรือ ซาอูล แดนกลางเพื่อร่วมทีมตราหมี
แข้งชาวกานามีพลังงานเหลือล้นเสมอในทุกเกมที่เขาลงเล่น โดยเขาลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่มไป 5 นัด และช่วยให้ยักษ์ใหญ่จากลาลีก้าผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบสบายๆ
อักเซล วิตเซล (ดอร์ทมุนด์)
ก่อนย้ายมาสวมเครื่องแบบเสือเหลืองเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา วิตเซลใช้เวลาค้าแข้งในรัสเซียและจีนถึง 6 ปีเต็มๆ ทำให้แฟนบอลอาจจะได้เห็นผีเท้าของเขาจริงๆแค่ตอนเล่นในทีมชาติเบลเยี่ยมเท่านั้น
แต่ดอร์ทมุนด์จับตาเขาอย่างใกล้ชิด ก่อนจะคว้าตัวมาร่วมทีมและกลายเป็นกองกลางคนสำคัญของลูเซียง ฟาฟร์ แม้ว่าเขาจะลงเล่นในเกมที่แพ้ให้สเปอร์ 3-0 ในนัดแรกที่ผ่านมา แต่ผลงานของเขาในเยอรมันก็ทำให้หลายสโมสรต้องน้ำตาตกเมื่อเมินฝีเท้าของวิตเซลหลังฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่ผ่านมา
จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม (ลิเวอร์พูล)
แดนกลางคือตำแหน่งที่เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของหงส์แดงพยามค้นหาผู้เล่นที่ดีที่สุดในตำแหน่งนั้นให้ได้ในทุกๆปี แต่ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม คือนักเตะที่คล็อปป์มองข้ามมาตลอด ก่อนจะยึดตัวจริงได้อย่างถาวรในปีนี้
ด้วยสไตล์การเล่นที่วิ่งขึ้นลงไม่มีหมด ทำให้แข้งชาวดัชต์ได้ลงเล่นครบทั้ง 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม และเขาจะกลายเป็นนักเตะคนสำคัญแน่นอนหากลิเวอร์พูลสามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง
ซอน เฮือง-มิน (สเปอร์)
มีนักเตะอยู่ไม่กี่คนหรอกที่ฟอร์มโดดเด่นกว่าแข้งหมายเลข 7 ของไก่เดือยทอง จนเหล่ายิด อาร์มี่ขนานนามให้เขาว่า ซอนนัลโด้ เลย เนื่องจากสามารถถล่มประตูได้หลายนัดติดต่อกัน
ซอน เฮือง-มิน โชว์ผลงานได่อย่างสะเด่าทั้งในลีกหรือระดับทวีป โดยในนัดล่าสุดแข้งโอปป้าเป็นผู้เบิกสกอร์แรกในเกมที่พวกเขาถล่มดอร์ทมุนด์คาเวมบลีย์ 3-0 ทำให้ม้ามืดจากอังกฤษมีโอกาสไม่น้อยที่ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่สองในรายการนี้
คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด)
แม้เขาจะมีสถิติในการทำประตูที่น่าอิจฉา แต่คาริม เบนเซม่าก็ไม่ใช่กองหน้าเบอร์ 9 ยุคใหม่ที่แฟนพูดถึงเป็นอันดับแรกๆ และชื่อของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, หลุยส์ ซัวเรส และ แฮร์รี่ เคน มักจะโผล่มาเหนือชื่อของเขาเสมอ
กองหน้าชาวฝรั่งเศสคว้าแชมป์ในรายการนี้ไป 4 ครั้ง ยิงไป 60 ประตูจากการลงเล่นในรายการนี้ 110 นัด เป็นรองแค่ราอูล (71), ลิโอเนล เมสซี่ (106), และอดีตเพื่อร่วมทีมของเขาอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (121) เท่านั้น
เอดิน เชโก้ (โรม่า)
ด้วยรูปแบบเกมที่เปลี่ยนไปทำให้กองหน้ายุคใหม่ต้องผสมผสานการเล่นแบบเพลย์เมคเกอร์และการจบสกอร์ไปพร้อมๆกัน ส่งผลให้กองหน้าล่าตาข่ายแบบเก่าถูกมองข้ามไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาเหล่านี้อาจจะได้รับการยกย่องหากทำประตูได้มากพอ แต่ไม่ใช่กับชายที่ชื่อ เอดิน เชโก้
แม้จะมีตัวเลขในการทำประตูมารองรับ แต่เมื่อไหร่ที่มีการพูดถึงกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้บ่อยครั้งเราก็ไม่ยินชื่อของแข้งชาวบอสเนียนอยู่เลย ทั้งๆที่ในรายการเชโก้ ยิงประตูได้ถึง 5 ลูก เป็นรองแค่ เมสซี่ (6) และ เลวานดอฟสกี้ (8) เท่านั้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งประตูที่เขาทำช่วยให้หมาป่ากรุงโรมผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์มาได้