ละอายไหม! 10 กองหน้าที่ยิงน้อยกว่า‘เซร์คิโอ รามอส’

 

 

คงจะเป็นไปได้ยากหากจะมีกองหลังสักหนึ่งคนที่มีสถิติการยิงประตูเทียบเท่ากับศูนย์หน้าอาชีพหรือมากกว่าเหล่าตัวรุกหรือพวกจบสกอร์ทั้งหลาย แต่เรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้นได้ที่ทุกคนอาจจะไม่เชื่อว่ามันเป็นไปแล้ว เมื่อ เซร์คิโอ รามอส เซนเตอร์แบ็คตัวเก่งของ ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด เป็นกองหลังคนเดียวในซีซั่นนี้ที่กดประตูไปแล้วถึง 16 ลูกให้กับต้นสังกัดของตัวเองและในนามทีมชาติ ซึ่งมากกว่ายอดดาวยิงซุปเปอร์สตาร์ทั้งหลายใน 5 ลีกหลักของยุโรปเลยทีเดียว และวันนี้ทีมงาน UFA Arena.com จะนำพาทุกคนไปเบิ่งกันว่ามีใครกันบ้างที่อาจจะต้องม้วนเสื่อกลับบ้านเก่าไปแบบล้อฟรี

 


มาร์คัส แรชฟอร์ด (15ประตู)

 

 

มาร์คัส แรชฟอร์ด กำลังสนุกกับฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพของเขาในเรื่องของการทำประตูเมื่อเขายิงไปแล้ว12 ลูกใน 38 เกมให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรวมทุกถ้วยทุกรายการในซีซั่นและยังซัดไปอีก 3 เม็ดให้กับทีมชาติอังกฤษในช่วงฤดูกาล 2018/19

แม้ว่า 2 ใน 3 ประตูของแรชฟอร์ดที่ยิงให้ทีมสิงโตคำรามในฤดูกาลนี้จะเป็นการกดใส่ทีมชาติสเปนของเซอร์คิโอรามอส แต่เขายังยิงน้อยกว่าแนวรับของเรอัล มาดริดผู้นี้อยู่ 1 ลูก

 


โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ (15 ประตู)

 

 


โรแบร์โต้ ฟีร์เมียโน่ เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของ ลิเวอร์พูลอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆภายใต้การคุมทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แม้ว่าคล็อปป์จะใช้เขาเป็นกองกลางตัวรุกในเกมไม่กี่เกมในฤดูกาลนี้ แต่ศูนย์หน้าละตินก็ยังคงก็เล่นได้ดี

 

ดาวเตะชาวบราซิลทำประตูให้หงส์แดงไปแล้วในซีซั่นนี้ 13 ลูกจากการสนามไป 38 เกมซึ่งน้อยกว่าปีก่อนที่เขาทำไว้ 27 ลูกกับ 54 นัดที่ลงเล่น

 


นอกเหนือจาก 13 ประตูที่แข้งแซมบ้ารายนี้ทำให้กับลิเวอร์พูลแล้วเขายังส่องให้ทีมชาติบราซิลได้อีก 2 ลูก รวมเบ็ดเสร็จจนถึงตอนนี้เจ้าตัวยิงรวมไป 15 ดอก


เมมฟิส เดอปาย (15 ประตู)

 


อดีตยอดแข้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรายนี้เป็นผู้เล่นคนสำคัญของโอลิมปิก ลียงที่จะขาดไม่ได้เลย เพราะเขาเป็นจุดศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเกมรุกให้กับทีมมาโดยตลอดในระยะหลังรวมทั้งในทีมชาติฮอลแลนด์ของเขาด้วย โดยในฤดูกาลนี้แข้งขาใหญ่ส่งให้เพื่อนยิงประตูไปถึง 14 ลูกและยิงได้ 8 ประตูจาการลงสนามไปทั้งหมดรวมทุกถ้วย 37 นัด

 

สำหรับผลงานในระดับนานาชาตินั้น เจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้อย่างแจ่มแจ๋วเมื่อซัดให้อัศวินสีส้มไปถึง 7 ลูกใน 8 เกมีของฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงยิงน้อยกว่ารามอสอยู่ 1 ลูก

 

เอดิน เชโก้ (15 ประตู)

 

 


เอดิน เชโก้เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ทำประตูได้อย่างน้อย 50 ประตูกับ 3 ประเทศใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป ดาวยิงวัย 32 ปีได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้เล่นจบสกอร์คมมากๆส่วนในระดับประเทศเขายิงไป 55 ประตูจาก 101 เกมให้กับทีมชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา

 

ฤดูกาลนี้เชโก้ยิงได้เพียง 7 ลูกจากการลงสนามไป 23 เกมในลีกให้กับทางโรม่า แต่เขาก็ยังถือว่าทำผลงานได้อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่งเมื่อนับรวมประตูทุกรายการแล้วเขาทำไปทั้งหมด 12 ลูกจาก 30 นัดรวมถึง 5 ประตูจาก 6 แมตช์ในแชมเปี้ยนส์ลีก


นอกจากนี้อดีตผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้รายนี้ยังทำ 3 ประตูให้กับชาติบ้านเกิดอย่างบอสเนียจนทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งที่ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของประเทศ

 


อัลวาโร โมราต้า (14 ประตู)

 

 

เป็นเรื่องยากลำบากเสียเหลือเกินสำหรับอัลวาโร โมราต้าตั้งแต่ย้ายเข้ามาร่วมทีมเชลซีในปีแรก โดยเขาทำประตูได้เพียง 9 ลูกจาก 24 นัดในครึ่งฤดูกาลแรกซึ่ง 5 ประตูในนั้นมาจากเกมในลีก

 

หลังจากย้ายไปอยู่กับแอตเลติโก มาดริดในสัญายืมตัวดางยิงหน้าหล่อลงเล่นให้ตราหมีไป 8 เกมซัดไปได้ 3 ลูก นอกจากนี้ในระดับทีมชาติเขาก็ยิงให้สเปนถึง 2 ลูกในแมตช์ที่คัดยูโรล่าสุดที่พบกับมอลต้า ซึ่งรวมแล้วเจ้าตัวยิงไปได้ 14 ลูกในฤดูกาลนี้


 
อเล็กซานเดอร์ ลากาแซ็ต (14ประตู)

 

 


อเล็กซานเดอร์ ลากาแซ็ต ยิงไป12 ประตูในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้โดย 9 ประตูที่เขาทำได้นั้นเป็นเกมที่ทีมอาร์เซน่อลได้สามแต้มทั้งหมดและไม่มีผู้เล่นคนใดในลีกทำประตูได้มากกว่าดาวยิงชาวเฟร้นแมนรายนี้แล้ว

 


โดยในการแข่งขันทั้งหมดรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ ศูนย์หน้าชาวเมืองน้ำหอมทำไป 14 ประตูใน 38 เกมให้กับปืนใหญ่ซึ่งเป็นผลงานที่ดีในระดับหนึ่งแต่ก็ยังไม่ดีพอเมื่อเทียบกับค่าตัว 46.5 ล้านปอนด์ ที่ทีมจากกรุงลอนดอนลงทุนไปซื้อมาจากโอลิมปิก ลียง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่ได้ถูกเลือกไปติดทีมชาติฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2017

 


ดรีส์ เมอร์เท่นส์ (13 ประตู)

 

 


ดีส เมอเท่นส์ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในการเปลี่ยนจากตัวริมเส้นทางฝั่งซ้ายมาเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าให้กับนาโปลีและกดไป 34 และ 22 ลูกในฤดูกาล 2016/17 และ 2017/18 ตามลำดับ  ส่วนในฤดูกาลนี้ภายใต้โค้ชคนปัจจุบันอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ เขาไม่ได้รับบทบาทดังกล่าวมากนักและทำประตูไปได้ 12 ประตูจาก 36 เกมในทุกรายการ

 


ส่วนในระดับชาติดาวเตะร่างเล็กทำได้เพียงลูกเดียวจากการรับใช้ทีมชาติเบลเยี่ยม ทำให้ยอดรวมประตูของเขาเขาอยู่ที่ 13 ประตูเท่านั้นในฤดูกาลนี้

 

 

เจมี่ วาร์ดี้ (12 ประตู)

 

 


เจมี่ วาร์ดี้ ยิงไปมากกว่า 20 ลูกให้กับเลสเตอร์ใน 2 ปีหลังและเป็นซีซั่นที่ 6 ของเขาแล้วสำหรับการรับใช้สโมสรแห่งนี้ลงเล่นในศึกพรีเมียร์ลีก

 

โดยในฤดูกาลนี้ดาวเตะวัย 32 ปียิงไป 12 ลูกในพรีเมียร์ลีกให้กับสุนัขจิ้งจอกและนั่นคือจำนวนประตูทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตัวเขา หลังจากประกาศเลิกเล่นทีมชาติอังกฤษหลังเสร็จศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย

 


กอนซาโล่ อิกวาอิน (11 ประตู)

 

 


กอนซาโล่ อิกวาอิน ชายผู้มีค่าตัวถึง 90 ล้านยูโรเมื่อ 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา กลับทำผลงานได้ค่อนข้างแย่ในฤดูกาลนี้ในการรับใช้สโมสรที่เขาไปเล่นให้

 

ดาวยิงชาวอาร์เจนติน่าใช้เวลาครึ่งฤดูกาลแรกกับการยืมตัวที่เอซี มิลาน ซึ่งเขาทำประตูให้ปีศาจแดงดำไป 8 ลูกจากการสัมผัสเกมไป 22 นัด ก่อนที่จะย้ายแบบยืมตัวอีกทีครั้งมาอยู่กับเชลซีในช่วงตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา ทว่าเขากลับโชว์ผลงานได้น่าผิดหวังโดยการซัดไปแค่ 3 ประตูจาก 10 เกมที่ส่งลงสนาม

 

ศูนย์หน้าวัย 31 ปีเพิ่งประกาศเลิกเล่นทีมชาติอาร์เจนติน่าไปเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งแข้งฟ้าขาวรายนี้ไม่ได้ยิงประตูให้กับอดีตแชมป์โลก 2 สมัยเลยตั้งแต่ปี 2016 โดยรวมแล้วเขาซัดไปทั้งหมด 11 ลูกจาก 32 เกมในฤดูกาลนี้

 



เปาโล ดิบาล่า (10 ประตู)

 

 

เปาโล ดิบาล่า ได้รับการยกย่องว่าเป็นศูนย์หน้าระดับโลกของวงการฟุตบอลในปัจจุบันเมื่อเขายิงไปได้ถึง 23,19 และ 26 ประตูใน 3 ฤดูกาลแรกให้กับยูเวนตุส อย่างไรก็ตามในฤดูกาลนี้ดาวยิงอีซ้ายต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างหนักในการรักษาตำแหน่งของเขาโดยแข้งอาร์เจนไตน์ทำไปแค่ 4 ประตูใน 25 เกมในลีกเซเรียอาและ 9 ประตูจาก 35 นัดรวมทุกถ้วยทุกรายการให้กับไอ้ม้าลาย

 

แม้ว่าเขาจะมีค่าเฉลี่ยในการทำประตูให้กับยูว่ได้ดีสำหรับการเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าแต่ในการรับใช้ทีมชาติอาร์เจนติน่าดิบาล่ากลับทำได้แค่ลูกเดียว ซึ่งประตูที่เขาทำให้กับทีมฟ้าขาวนั้นเกิดขึ้นในเกมที่พบกับเม็กซิโกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2018