โจน ลาปอร์ตา ประธานสโมสร บาร์เซโลน่า ออกมาเผยถึงสถานการณ์ การเงินของสโมสร เจ้าบุญทุ่ม ในเวลานี้เข้าขั้นวิกฤติแล้ว หลังจากมีหนี้สูงถึง 1.15 พันล้านปอนด์ (ราว42,000 ล้านบาท)
โดย บาร์ซ่า ที่ต้องเสีย ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะระดับตำนานไปให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แบบไร้ค่าตัว หลังจากไม่สามารถต่อสัญญาฉบับใหม่ได้ เนื่องจากใช้งบเกินเพดานเงินของ ลาลีกา ไปแล้ว ขณะเดียวกันแข้งในทีมหลายราย นำโดย เกราร์ด ปิเก้ จำเป็นต้องลดค่าเหนื่อยลง เพื่อให้สามารถลงทะเบียนนักเตะที่ดึงตัวเข้ามาเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ด้วย
ล่าสุด ลาปอร์ต้า ได้ออกมาเผยถึงวิกฤติของสโมสรในเวลานี้ว่า มีหนี้สะสมทะลุ 1.15 พันล้านปอนด์เข้าไปแล้ว
“เราพบว่าตัวเองอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างยิ่งในสถานการร์ที่จะเจรจาต่อสัญญานักเตะใหม่ๆ ”
“ค่าเหนื่อยนักเตะในสโมสรคิดเป็น 103% ของรายรับทั้งหมดของสโมสร เราจ่ายเงินส่วนนี้มากกว่าสโมสรคู่แข่งในลีก 20-25% สิ่งแรกที่เราทำหลังจากเข้ามารับตำแหน่งคือกู้เงิน 80 ล้านยูโร ถ้าเราไม่ทำแบบนั้น เราจะไม่มีเงินจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะ คำพูดของบอร์ดบริหารชุดก่อนเต็มไปด้วยคำโกหก”
“เราพบว่านโยบายค่าเหนื่อยมันย้อนแย้งกับรูปแบบที่ควรจะเป็น นักเตะอาวุโสกลับได้รับสัญญาระยะยาว ขณะที่นักเตะดาวรุ่งได้รับสัญญาระยะสั้น ไม่เคยมีการปรับลดค่าเหนื่อยเกิดขึ้น นอกจากนี้ เรายังพบอีกว่ามีการจ่ายเงินแพงเกินจริงให้กับคนกลางในด้านต่างๆด้วย”
สำหรับ บาร์เซโลน่า ประเดิมสนามในลาลีกา สเปน ไปแล้ว เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการเปิดรัง คัมป์ นู ถล่มเอาชนะ เรอัล โซเซียดาด 4-2
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ชปล.ไว้ทีหลัง! คูมันเผยบาร์ซ่าขอเน้นลาลีก้าก่อนถ้วยยุโรป