ลุค นิลิส : อดีตยอดคู่ขา R9 ผู้โชคร้ายในแดนผู้ดี

 

ลุค นิลิส ถือเป็นยอดกองหน้าของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ที่เคยเล่นกับ โรนัลโด้ และ รุด ฟาน นิสเตลรอย แต่สำหรับ แอสตัน วิลล่า และฟุตบอลอังกฤษ กลับไม่เป็นเช่นนั้น

 

ดาวยิงชาวเบลเยี่ยม สร้างชื่อตั้งแต่ค้าแข้งในบ้านเกิดกับ อันเดอร์เลชท์ และโด่งดังขึ้นไปอีกขั้นกับ ยอดทีมในฮอลแลนด์ และช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ลีกดัตช์มาครองอีก 2 สมัย

 

แต่ในช่วงท้ายอาชีพค้าแข้ง นิลิส วัย 33 ปี ตัดสินใจย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษกับ แอสตัน วิลล่า ในซัมเมอร์ปี 2000 กับโอกาสสุดท้ายในการพิสูจน์ตัวเองในเวทีพรีเมียรลีก

 

นิลิสตบเท้าเข้ามาใน วิลล่า ปาร์ค ด้วยความหวังว่าประสบการณ์ของเขาจะช่วยให้ ทีมของ จอห์น เกรกอรี่ ผ่านเข้าไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกได้ ท้ายที่สุดแล้ว ตอนจบกลับไม่เป็นไปดั่งหวัง 

 

แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นคือ นิลิส ถึงขั้นปิดฉากอาชีพค้าแข้งแบบโชคร้ายสุดๆ 

 

 

ผู้มากับโชค

 

 

เจ้าของฉายา ‘ลัคกี้ ลุค’ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งอย่างเป็นทางการกับ วินเทอร์สแลก ในปี 1984 (ปัจจุบันคือ เกงค์) ซึ่งโดดเด่นกับทีมพอสมควร จนถูก อันเดอร์เลชท์ สโมสรยักษ์ใหญ่ในบ้านเกิดคว้าตัวไปร่วมทีม ขณะมีอายุเพียง 19 ปี

 

นิลิส ใช้เวลาค้าแข้งนาน 8 ปีในเมือง บรัสเซลส์ โดยยิงไป 127 ประตูจาก 224 นัดในลีก และคว้าแชมป์ลีกกับสโมสรถึง 4 สมัย บวกกับบอลถ้วยอีก 3 สมัย แต่นี่ยังไม่ใช่ช่วงที่ดีที่สุดของเขา

 

ในวัย 27 ปี นิลิส ได้บอกลาเบลเยี่ยมเพื่อย้ายไปค้าแข้งต่างประเทศเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้ห่างจากบ้านเกิดนัก เมื่อเขาเลือกซบ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในฮอลแลนด์เมื่อปี 1994 ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ โรนัลโด้ ย้ายมาค้าแข้งใน ฟิลิปส์ สตาดิโอน พอดี หลังได้รับคำแนะนำจาก โรมาริโอ กองหน้ารุ่นพี่ในทีมชาติบราซิล

 

ทั้งสองกลายร่างเป็นคู่ขาสุดอันตรายในแดนหน้าของ พีเอสวี โดยที่ โรนัลโด้ กดไป 30 ประตู  ครองดาวซัลโวเอเรดิวิซี่ ขณะที่ นิลิส คว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมของลีกฮอลแลนด์ หลังได้รับการโหวตจากนักเตะใน 2 ดิวิชั่นบนของแดนกังหันลม

 

แช้งชาวเบลเยี่ยมคว้ารางวัลนี้ไปครอง แม้ยิงได้น้อยกว่าคู่ขาในแดนหน้าถึง 18 ประตู อีกทั้ง พีเอสวี ยังคว้าอันดับ 3 ในลีกเป็นรองทั้ง อาแจ็กซ์ และ โรด้า เจซี เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความสามารถรอบด้านของ นิลิส อย่างแท้จริง

 

 

แน่นอนว่า นิลิส มีความสามารถในการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยมไม่เป็นสองรองใคร แต่มากกว่าการทำประตู ความไม่เห็นแก่ตัวทำให้เขาเป็นที่รักของกองหน้าคู่หู ทั้งกับ โรนัลโด้ และ รุด ฟานนิสเตลรอย ในปีต่อๆมา

 

อาการบาดเจ็บหัวเข่าที่รุนแรง รบกวนทั้ง นิลิส และ โรนัลโด้ พร้อมๆกันในฤดูกาล 1995-96 แต่ถึงกระนั้น ดาวยิงแดนช็อคโกแลต ก็จบฤดูกาลที่ 2 ในลีกดัตช์ด้วยกาาคว้าดาวซัลโวลีกที่ 21 ประตู แม้ พีเอสวี จะชวดแชมป์ลีกไปอีกปีก็ตาม

 

75 ลูก คือจำนวนประตูที่ นิลิส และ โรนัลโด้ ทำได้รวมกันภายใน 2 ฤดูกาลกับ พีเอสวี แต่มันก็ยังไม่พอที่จะโค่นล้ม อาแจ็กซ์ จากบัลลังก์ลูกหนังดัตช์ได้

 

ยอดทีมจากอัมสเตอร์ดัม คว้าทั้งถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกและ เอเรดิวิซี่ โดยไม่แพ้ใครในลีก ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟานกัล ในฤดูกาล 1994-95 ก่อนจะคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 3 ติด และเข้าชิงฟุตบอลยุโรปอีกหนในปีต่อมา

 

 

คู่ขาที่ดีที่สุดของ R9

 

 

ความสัมพันธ์คู่หูระหว่าง นิลิส และ โรนัลโด้ จบลง เมื่อดาวยิงชาวแซมบ้าย้ายไปเล่นกับ บาร์เซโลน่า ในปีซัมเมอร์ปี 1996 แต่เวลาแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ โรนัลโด้ มองว่าเขาเป็นคู่ขาในแดนหน้าที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้ง

 

“ผมเคยเล่นกับผู้เล่นดาวดังหลายคน เช่น ฟิโก้, โรมาริโอ, ซีดาน, เจอร์เกฟฟ์ และ ราอูล แต่ที่เข้าขากันที่สุดต้องเป็น นิลิส ที่ผมเคยเล่นด้วยกันใน พีเอสวี” R9 กล่าว

 

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของ นิลิส คือความหลากหลายในการเข้าทำประตู ไม่ว่าจะเป็นการปั่นโค้งๆให้บอลเสียบเสาไกล หรือ ลากเลื้อยผ่านกองหลัง 3-4 คนที่รายล้อมอยู่

 

ประตูจากฟรีคิก แข้งชาวเบลเยี่ยมก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน และด้วยความสูง 183 เซนติเมตร แต่เขาก็เล่นลูกกลางอากาศได้โดดเด่น ขณะที่การจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมก็เป็นสิ่งที่ นิลิส มีติดตัวเช่นกัน

 

 

การลาทีมของ โรนัลโด้ ไม่ได้ทำให้ นิลิส ฟอร์มตกลงแต่อย่างใด เมื่อเขากดไป 21 ประตูอีกครั้งในฤดูกาล 1996-97 ช่วยให้ พีเอสวี คว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ครั้งแรกในรอบ 5 ปี

 

เขาทำไป 13 ประตูจาก 24 เกมลีกในฤดูกาลต่อมา ก่อนจะได้ร่วมงานกับ ฟาน นิสเตลรอย วัย 22 ปี ที่เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน คว้ามาจากฮีเรนวีน และคู่หูดาวยิงก็กำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง

 

นิลิส และ ฟาน นิสเตลรอบ ทำประตูไป 24 และ 31 ลูกตามลำดับในปีแรกที่เล่นด้วยกัน ขณะที่ปีที่ 2 เขายิงรวมกัน 48 ประตู และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก โดยมีแต้มเหนือ ฮีเรนวัน ทีมอันดับ 2 ถึง 16 แต้ม

 

 

ดวงแตก ณ แดนผู้ดี

 

 

หลังประสบความสำเร็จกับพีเอสวีพอสมควร นิลิสในวัยแตะเลข 3 จึงตัดสินโยกย้ายอีกครั้ง โดยเบนเข็มสู่เกาะอังกฤษ เพื่อเข้าร่วมทีมแอสตัน วิลล่า แบบไร้ค่าตัวในปี 2000 และกลายเป็นหนึ่งในดีลที่แฟนบอลแดนผู้ดีพูดถึงอย่างมากในตอนนั้น

 

หอกชาวเบลเยี่ยม เคยแสดงฝีเท้าในแฟนบอลในอังกฤษได้ประจักษ์แล้วกับเกมที่ พีเอสวี บุกไปเยือน นิวคาสเซิล ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มปี 1997 ซึ่งเขาเป็นคนทำประตูในเกมนั้น และมีส่วนช่วยให้ทีมเอาชนะไป 2-0

 

และเมื่อย้ายมาเล่นในแดนผู้ดี เขาไม่เสียเวลาปรับตัวมากมาย เมื่อทำประตูได้ตั้งแต่ประเดิมเกมลีกครั้งแรกกับ เชลซี ก่อนจะยิงประตูได้อีกในเกมพบ ดุ๊คล่า ไพรบราม ในรายการ อินเตอร์โตโต้ คัพ

 

ทว่า แข้งผู้มากับดวงจาก ฮาสเซลท์ กลับต้องหมดโชคลงตั้งแต่เกมที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก เมื่อเขาเข้าปะทะอย่างรุนแรงกับ ริชาร์ด ไรท์ นายทวารอิปสวิช ทาวน์ จนเกิดภาพชวนสยองติดตาแฟนบอลในวันนั้นไม่รู้ลืม

 

 

ภาพดังกล่าวก็คือ หน้าแข้งขวาของหอกสิงห์ผงาดบิดงอไม่ได้รูปและหักเป็น 2 ท่อนจากการเข้าปะทะ พร้อมด้วยเสียงครวญครางของนิลิส ที่ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

แต่เดิมที นักกายภาพของ วิลล่า มีความหวังว่า นิลิส จะมีโอกาสหายกลับมา แต่ในเวลาต่อมาไม่นาน ความจริงต่างๆก็ชัดเจนขึ้นว่าคงไม่มีทางที่ กองหน้ามากประสบการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมในสนาม ถึงขนาดมีโอกาสตัดขาทิ้ง เนื่องจากติดเชื้อในกระดูก จนต้องจำใจแขวนสตั๊ดอย่างเลี่ยงไม่ได้

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมีช่วงเวลาที่แสนสั้นและขมขื่นใน แอสตัน วิลล่า นิลิส ก็เป็นที่จดจำของแฟนบอลรุ่นก่อนในฐานะกองหน้าที่ไร้ความเห็นแก่ตัว และช่วยยกระดับให้คู่ขาในแดนหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม

 

และคำยกย่องจากปากของ โรนัลโด้ ก็น่าจะเป็นหลักฐานยืนยันแล้วว่า นิลิส เป็นยอดนักเตะที่บังเอิญพบความโชคร้ายในฟุตบอลแดนผู้ดีเท่านั้น