วันนี้ที่รอคอย : อดีต 3 แข้งวันเดอร์คิดผู้ถูกชุบชีวิตใหม่ในโซเซียดาด

 

นอกเหนือจาก เกเตเฟ่ แล้ว เรอัล โซเซียดาด ยังเป็นทีมม้ามืดอีกทีมที่ขึ้นมาลุ้นพื้นที่ไปลุยฟุตบอลยุโรปฤดูกาลหน้า หลังรั้งอันดับ 4 ในลาลีก้าตอนนี้ และเช้าชิงถ้วยโกปา เดล เรย์ อีกด้วย ก่อนที่การแข่งขันจะถูกระงับไปเพราะโควิด-19 

 

ทีมดังจากแคว้นบาสก์มีดาวเด่นที่ทำผลงานได้ดีหลายคนในฤดูกาลล่าสุด ไม่ว่าจะเป็น อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ กองกลางกัปตันทีม, วิลเลี่ยน โจเซ่ ดาวยิงคนสำคัญ หรือ มิเกล โอยาร์ซาบัล ปีกจอมพริ้วประจำทีม

 

แต่อีกจุดที่น่าสนใจคือ โซเซียดาดชุดปัจจุบันอุดมไปด้วยอดีตดาวรุ่งที่ล้มเหลวหรือไปไม่สุดในเส้นทางค้าแข้งถึง 3 คน ก็คือ อัดนาน ยานาไซจ์, มาร์ติน โอเดการ์ด และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค แต่กลับมาแจ้งเกิดได้อีกครั้งพร้อมๆกันในฤดูกาลนี้อย่างไม่มีใครคาดคิด

 

UFA ARENA จะพาแฟนบอลทุกท่านไปย้อนดูช่วงเวลาที่แข้งทั้ง 3 ถูกหลายคนยกให้เป็นดาวรุ่งอนาคตไกลที่ล้มเหลวกับทีมใหญ่ๆในยุโรป ก่อนจะเกิดใหม่อีกหนในสโมสรจากสเปนแห่งนี้

 

 

อัดนาน ยานาไซจ์ : อดีตดาวดับจากปีศาจแดง

 

 

ในช่วงเริ่มต้นค้าแข้ง อัดนาน ยานาไซจ์ ถูกคาดหวังว่าจะก้าวมาเป็นอนาคตใหม่ในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในยุค เดวิด มอยส์ แต่ตำแหน่งกุนซือผลัดเปลี่ยนมาอยู่ในมือของ หลุยส์ ฟาน กัล เขาก็ถูกตัดสินว่ายังไม่คู่ควรกับทีมเท่าไหร่

 

แข้งเชื้อสายโคโซโว-เบลเยี่ยม ย้ายไปเล่นกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แบบยืมตัว ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จนัก รวมถึง ซันเดอร์แลนด์ในปีที่ตกชั้นด้วย ก่อนจะถูกโละออกจากปีศาจแดงอย่างถาวรในยุคที่ โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียน

 

แต่ทีมที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวบิสเคย์ เมืองซาน เซบาสเตียน อย่าง เรอัล โซเซียดาด กลับกลายเป็นสถานที่ที่ ยานาไซจ์ กลับมาเกิดใหม่ในวงการลูกหนังอีกครั้ง นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในปี 2017

 

กุนซือ โซเซียดาด อิมานอล ลากัวซิล สมควรได้รับเครดิตมากๆในการชุบชีวิตค้าแข้งของ ยานาไซจ์ หลังแสดงความเชื่อใจในแข้งชาวเบลเยี่ยมเต็มที่ตลอดปีที่ผ่านมาเหมือนอย่างที่ มอยส์ เคยทำตอนอยู่ในโอลด์  แทร็ฟฟอร์ด ควบคู่ไปมอบความมุ่งมั่น และความรักแบบทรหดที่เขาควรจะได้จาก ฟาน กัล หรือ มูรินโญ่ ด้วยซ้ำ

 

 

ยานาไซจ์ กลับมาเล่นได้ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมเหมือนเมื่อก่อน แม้จะไม่โดดเด่นจนสามารถแบกทีมได้เหมือน เอเด็น อาซาร์ รุ่นพี่ในทีมชาติ แต่ฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวามากขึ้น และมีส่วนร่วมทีมเสมอ 

 

ช่วงครึ่งแรกของลาลีก้าฤดูกาลล่าสุด เขาลงสนามโดยมีค่าเฉลี่ยความสามารถจาก Whoscored อยู่ที่ 6.62 ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่โดดเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่แม้แต่นิด ด้วยทำไป 6 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ จาก 22 นัดในฤดูกาลนี้

 

มากกว่าสิ่งอื่นใด การคงความมั่นใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และเขาตอบแทนสโมสรและผู้จัดการทีมต่อความไว้ใจและความเชื่อมั่นที่มีให้ ด้วยการปฏิเสธข้อเสนอจาก มิลาน และ  โรม่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่ออยู่ค้าแข้งใน อานอยต้า สเตเดี้ยม ต่อไป

 

 

มาร์ติน โอเดการ์ด : วันเดอร์คิดผู้ถูกลืมของราชันชุดขาว

 

 

กราฟชีวิตขึ้นๆลงๆ และขึ้นอีกครั้งของ ยานาไซจ์ ถูกสะท้อนให้เห็นจากเพื่อนร่วมทีมอย่าง โอเดการ์ด เช่นกัน ผู้ที่กลายเป็นตัวหลักของ โซเซียดาด ในฤดูกาลนี้ ขณะที่ย้ายมาเล่นแบบยืมตัวจาก เรอัล มาดริด

 

เมื่อปี 2015 ดาวรุ่งชานอร์เวย์ คงต้องแบกความคาดหวังมากกว่าแข้งรุ่นเดียวกันหลายเท่าตัว เมื่อสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกด้วยการย้ายมาร่วมทีม เรอัล มาดริด ตั้งแต่อายุ 16 ปี ทั้งๆที่เพิ่งแจ้งเกิดกับ สตรอมกอดเซต ทีมในบ้านเกิดได้ไม่นาน

 

2 ปีผ่านไป โอเดการ์ด ยังคงโชว์ฝีเท้าในกาสติลย่า ทีมสำรองของราชันชุดขายเป็นหลัก ซึ่งน่าแปลกไม่น้อยที่เขาได้ซ้อมกับทีมชุดใหญ่แท้ๆ แต่กลับต้องไปเล่นในทีมชุดเล็กแทน

 

คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของมาดริดในตอนนั้น เคยพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาไม่ประทับใจแข้งชาวนอร์เวย์เท่าไหร่ ถึงขั้นอ้างว่าการคว้าเขามาร่วมทีมเป็นการโฆษณาขั้นสุดยอดของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร

 

อันเช่ เขียนใน Quiet Leadership หนังสือของเขาว่า “เมื่อ ฟลอเรนติโน่ ซื้อนักเตะชาวนอร์เวยเข้ามา คุณต้องยอมรับแต่โดยดี” 

 

“มากไปกว่านั้น ประธานคอยตัดสินใจว่าเขาต้องลงเล่น 3 นัดกับทีมชุดใหญ่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการโปรโมตที่น่าตื่นเต้น”

 

ทว่าในวัย 21 ปี โอเดการ์ด ก็ค้นพบฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งช่วงแรกกับ โซเซียดาด ฤดูกาลนี้ และมีหลายคนรู้สึกว่า เขาสมควรติดผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของ ลาลีก้า ฤดูกาลนี้ด้วย

 

 

ในฐานะหัวใจสำคัญในเกมรุกของ โซเซียดาด โอการ์ด ทำผลงานได้สมราคา เมื่อได้ค่าเฉลี่ยฟอร์มจาก Whoscoed ไป 7.29 โดยทำไป 7 ประตู กับ 8 แอสซิสต์ หนึ่งในนั้นคือลูกที่ช่วยให้เอาชนะ เรอัล มาดริด 4-3 ในศึกโกปา เดล เรย์ ในเดือนกุมพาพันธ์ด้วย ซึ่งบทบาทหลักของเขาในทีมคือ เพลย์เมกเกอร์ คอยสร้างสรรค์เกม คล้ายๆกับ หน้าที่ ลูก้า โมดริช ในโลส บลังโกส

 

เรื่องนี่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ แข้งชาวโครแอต กำลังอยู่ในช่วงท้ายอาชีพค้าแข้ง ณ ถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว หลังได้ออกสตาร์ทเพียง 14 นัดเท่านั้นในฤดูกาลนี้ ทำให้มีความรู้สึกว่า โอเดการ์ด เป็นคนที่พร้อมจะเข้ามาแทนที่เขาในทีมราชันชุดขาวแล้ว

 

แต่ในขณะเดียวกัน ตำนานแข้งโซเซียดาด โรเบิร์ต โลเปซ อูฟาร์เต้ ได้เปรียบ โอเดการ์ด กับ กองกลางระดับตำนานผู้เคยค้าแข้งกับ โซเซียดาด และ เรอัล มาดริด อย่าง ชาบี อลอนโซ่ ไว้อย่างน่าสนใจ

 

“ชาบี อลอนโซ่ เป็นกองกลางที่จ่ายบอลได้อย่างยอดเยี่ยม และใช่ เขา (โอเดการ์ด) ก็มีหลายๆอย่างที่คล้ายกัน และเขาอยู่ไม่ไกลจาก ชาบี เลย” อดีตแข้งชาวสแปนิช กล่าวกับ นอติซิอาส เด กิปุซโคอา เมื่อเดือนมีนาคม

 

เพราะฉะนั้นหาก ซีเนดีน ซีดาน กุนซือเรอัล มาดริด ใช้งาน โอเดการ์ด แบบจริงๆจังๆซักทีในฤดูกาลต่อไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และเป็นสิ่งที่แข้งชาวนอร์เวย์สมควรได้รับแล้วล่ะ 

 

 

อเล็กซานเดอร์ อิซัค : นิว ซลาตัน ที่ล้มเหลว 

 

 

เช่นเดียวกับ ยานาไซจ์ และ โอเดการ์ด กองหน้าร่างโย่ง อิซัค ก็เริ่มจัดการกับควาามกดดันในช่วงแรกของอาชีพค้าแข้งได้เหมือนกับเพื่อนร่วมทีมทั้ง 2 คนแล้ว

 

เขาถูกยกให้เป็น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช คนต่อไป ในวัย 17 ปี เมื่อยิงไป 13 ประตูในฤดูกาลแรกกับ เอไอเค ทีมดังจากสวีเดน ก่อนจะถูก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กระชากไปร่วมทีมก่อนใครในปี 2017

 

แต่หอกชาวสวีดิช ก็ถูกจับไปเล่นในทีมสำรองของเสือเหลือง และได้ลงสนามกับทีมชุดใหญ่เพียง 5 นัด รวมถึงต้องต่อสู้กับปัญหาอาการบาดเจ็บทำให้เขาโผล่ขึ้นมาเต็มที่แค่บนม้านั่งสำรองเท่านั้น

 

อิซัค ไย้ายมาเล่นในฮอลแลนด์แบบยืมตัวเหมือนกับ โอเดการ์ด และทำผลงานได้ยอดเยี่ยมด้วยการซัด 14 ประตูจาก 18 นัดในเอเรดิวิซี่ให้กับ วิลเล่ม ทู และกลายเป็นแข้งต่างชาติคนแรกของลีกแดนกังหันลมที่ยิงประตูได้ 12 ลูก ใน 12 นัดแรก

 

 

แม้ฟอร์มจะดีขนาดนั้น ก็ยังไม่เพียงพอที่โน้มน้าวให้ต้นสังกัดรั้งตัวเขาไว้กับทีมต่อไป  และถูกขายให้กับ โซเซียดาด ในซัมเมอร์ปี 2019 ด้วยราคาเพียง 5.8 ล้านปอนด์ น้อยกว่าตอนที่ ดอร์ทมุนด์ คว้าตัวเขามาร่วมทีมในสมัยเป็นดาวรุ่งหน้าใหม่เสียอีก

 

ปัจจุบัน อิซัค กลายเป็นดาวยิงคนสำคัญของทีมแคว้นบาสก์ ด้วยการซัดไปถึง 14 ประตู กับทำ 3 แอสซิสต์ ใน 37 นัดของฤดูกาลนี้ จนมีข่าวรายงานว่า บาร์เซโลน่า ให้ความสนใจในการคว้าตัวเขาไปเป็นตัวแทนของ หลุยส์ ซัวเรซ ในอนาคต

 

คำถามที่ตามมาในตอนนี้ก็คือ โซเซียดาด จะสามารถรั้งอดีตดาวรุ่งทั้ง 3 ผู้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งได้หรือไม่ในฤดูกาลต่อจากนี้ไปหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าคำตอบส่วนใหญ่คงโน้มเอียงว่าไม่น่าทำได้มากกว่า

 

แต่ทั้ง ยานาไซจ์, โอเดการ์ด และ อิซัค อาจจะต้องขอบคุณ โซเซียดาด ไปจนแขวนสตั๊ดแน่นอน สำหรับการช่วยชุบชีวิตค้าแข้งที่ถูกใครหลายคนหลงลืมไปให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็นตั้งแต่แรกอีกครั้งหนึ่ง