เห็น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดสนามสัปดาห์แรก ต้องบอกว่าคุ้มค่าการรอคอย เพราะมีหลายเกมที่น่าพูดถึง โดยเฉพาะบิ๊กแมตช์ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไล่ถล่ม เชลซี ไปแบบพลิกความคาดหมาย 4-0
สัปดาห์นี้มีอีกหนึ่งลีกที่ครบกำหนดที่จะกลับมาฟาดแข้งเช่นเดียวกัน นั้นก็คือ บุนเดสลีกา เยอรมัน หนึ่งในลีกชั้นนำของโลก และเป็นอีกลีกที่แฟนบอลชาวไทยติดตามอยู่ไม่น้อย
ซึ่งก่อนที่คู่เปิดสนาม แชมป์เก่า บาเยิร์น มิวนิค จะดวลเดือดกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ในเวลา 01.30 น.วันนี้
เราคัด 5 เหตุผลที่จะชวนคุณผู้อ่านรู้สึกว่า บุนเดสลีกา ฤดูกาลนี้ ทำไมถึงน่าติดตามมากกว่าหลายๆ ฤดูกาลที่ผ่านมา
1.พี่เสือไม่นอนมา
แม้ทำเนียบแชมป์ 7 ฤดูกาลหลังสุด บาเยิร์น มิวนิค จะผูกปีแชมป์มาตลอด ทว่าซีซั่นก่อนถือเป็นสัญญาณณที่ดีที่ทำให้แฟนบอลขารองมีลุ้นที่จะไม่ได้เห็นหนังม้วนเดิม
การพัฒนาของ ดอร์ทมุนด์ ภายใต้การคุมทีมของ ลูเซียน ฟาฟร์ นั้นทำได้ดีมากๆ การใช้ขุมกำลัง “หนุ่ม” สามารถยึดหัวตารางได้นานถึง 27 สัปดาห์ น่าเสียดายที่ไปตกม้าตายเพราะประสบการณ์ไม่เพียงพอ
บทเรียนมีไว้ให้จดจำหลายคนเชื่อว่า “เสือเหลือง” จะทำได้ดีกว่าเดิม ขุมกำลังที่ปรับแต่งใหม่นำทีมโดย มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์, ยูเลี่ยน บรันด์ท, ธอร์แก็น อาซาร์ และ นิโก้ ชูลซ์ ดูยังไงก็ยกระดับทีมได้แน่
เมื่อบวกกับคีย์แมนเดิมทั้ง มาร์โก รอยส์, ปาโก้ อัลคาแซร์ และ จาดอน ซานโช่ ดูแล้วไม่ได้เป็นสองรองใคร เห็นได้จาก เยอรมัน ซูเปอร์ คัพ ที่ซัดซะ บาเยิร์น จาก “เสือใต้” กลายเป็น “เสือร้องไห้” มาแล้ว
ดันนั้นหาก บาเยิร์น ภายใต้การคุมทีมของ นิโก้ โควัช ยังฟอร์มแกว่งเหมือนฤดูกาลก่อน บางทีบัลลังก์ที่ครองมานานอาจจะถึงเวลาเปลี่ยน “เจ้า” เสียที
2.เวทีของสายเลือดใหม่
7 จาก 18 ทีมในบุนเดสลีกา ฤดูกาล 2019-20 จะเริ่มต้นสตาร์ตฤดูกาลด้วยกุนซือใหม่ เรียกได้ว่าเป็นซีซั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงหัวเรือมากที่สุดในรอบ 10 ปีหรือตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 เลยก็ว่าได้
อันเต้ โควิช (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน), อัลเฟรด ชรอยเดอร์ (ฮอฟเฟนไฮม์), มาร์โก้ โรส (กลัดบัค), ดาวิด ฟากเนอร์ (ชาลเก้), โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ (โวล์ฟสบวร์ก), อูร์ส ฟิสเชอร์ (ยูนิโอน เบอร์ลิน), สเตฟเฟ่น เบาม์การ์ท (พาเดอร์บอร์น) และ อาชิม ไบเออร์ลอร์เซอร์ (โคโลญจน์) นี่คือเฟรชชี่ที่ไม่เคยคุมทีมในบุนเดสลีกามาก่อน
โดยทั้ง 7 คนเป็นกุนซือสายเลือดใหม่ที่อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 43.5 ปี เทียบกับอีก 11 คนที่เหลือที่อัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 48 ปี งานนี้บอกเลยสงครามคนหนุ่ม ดูแล้วข้างสนามจะเดือดไม่แพ้ในสนามเลยทีเดียว
3.สีสันตลาดซื้อขาย
แม้เม็ดเงินจะไม่ได้เยอะเท่าลีกผู้บ้าคลั่งอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ลา ลีกา สเปน ทว่าซัมเมอร์ที่ผ่านมาต้องบอกว่า บุนเดสลีกา มีการเสริมทัพที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
เริ่มกันที่ ดอร์ทมุนด์ ที่ทุ่มเงินถึง 127.5 ล้านยูโร คว้า 5 สตาร์ดังมาร่วมทีมไล่ตั้งแต่ ปาโก้ อัลคาแซร์ (ซื้อขาดถาวร), มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์, ธอร์แก็น อาซาร์, นิโก้ ชูลซ์ และ ยูเลี่ยน บรันด์ท มาหวังที่จะแย่งแชมป์บุนเดสลีกาให้ได้
ขณะที่ บาเยิร์น ก็ไม่น้อยหน้าอัดเงินถึง 115 ล้านยูโรคว้า ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ จากแอตเลติโก มาดริด และ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ ของสตุ๊ตการ์ต 2 แนวรับแชมป์โลกมาเสริมแกร่ง รวมถึงยืมตัวปีกฝีเท้าดีอย่าง อิวาน เปริซิซ มาจากอินเตอร์ มิลาน อีกด้วย
กลุ่มม้ามืดก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ไลป์ซิก ยอมจ่าย 31 ล้านยูโรซื้อใจดาวรุ่งฝีเท้าดีอย่าง อเดโมล่า ลุคแมน และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ส่วน เลเวอร์คูเซ่น ทุ่ม 32 ล้านยูโรได้ เคเรม เดมิร์บาย มาเป็นจอมทัพคนใหม่แทนที่ ยูเลี่ยน บรันด์ท
การเสริมทัพเหล่านี้ดูแล้วก็เป็น “สีสัน” ที่น่าสนใจ และน่าจะเติมเต็มให้ บุนเดสลีกา ฤดูกาลนี้ดูสนุกและเข้มข้นกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
4.แข้งผู้ดีเนื้อหอมจัด
นาทีนี้ชื่อของ จาดอน ซานโช่ ไม่ใช่นักเตะดาวรุ่งธรรมดาเสียแล้ว การทิ้ง “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ มาตายเอาดาบหน้าในดินแดนไส้กรอกต้องบอกว่าเป็นการเสี่ยงที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ที่สำคัญ ซานโช่ กลายเป็นโมเดลใหม่ของบุนเดสลีกา เป็นตัวต้นแบบที่ทำให้หลายๆ สโมสรหันมาสนใจนักเตะดาวรุ่งจากพรีเมียร์ลีก ชนิดเป็นปรากฎการณ์ จากเดิม 28 คนในรอบ 56 ปี ทว่าซีซั่นนี้มีถึง 9 คนในลีกสูงสุด และอีก 2 คนในลีกา 2
ตัวที่ชื่อพอคุ้นหูก็มี อเดโมล่า ลุคแมน ที่ย้ายมาอยู่กับ ไลป์ซิก แบบถาวร, เอธาน แอมปาดู จากเชลซี ก็เป็นอีกรายที่มาสมทบที่ ไลป์ซิก เลวิส เบเกอร์ ถูก ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ยืมใช้งาน รีซ อ็อกซ์ฟอร์ด โยกมาอยู่กับ เอาก์สบวร์ก แบบถวร และ จอนโจ้ เคนนี่ มาร่วมงานกับ แรบบี้ มาทอนโด้ แข้งทีมชาติเวลส์ ที่ชาลเก้ 04
Newcomers – the 56th Bundesliga member.
Union Berlin are off to big school ? pic.twitter.com/TmmeIltDOS
— Bundesliga English (@Bundesliga_EN) May 27, 2019
5.น้องใหม่ทีมที่56
จากชัยชนะในเกมเพลย์ออฟเหนือ สตุ๊ตการ์ต ทำให้ ยูนิโอน เบอร์ลิน สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรก และกลายเป็นทีมที่ 56 ที่ได้เล่นในบุนเดสลีกาเยอรมัน
นอกจากนี้ ยูนิโอน ยังเป็นทีมจากเมืองหลวงทีมที่ 5 ที่ได้เล่นในลีกสูงสุด และเป็นทีมแรกที่มาจากเบอร์ลินตะวันออก งานนี้บุนเดสลีกาเตรียมมีดาร์บี้แมตช์เพิ่มหลัง ยูนิโอน จะได้ฟาดแข้งกับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน
สนาม สตาดิโอ อันแดร์ อัลเท่น ฟอร์สเตอร์ไร อาจจะเล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 ของบุนเดสลีกา แต่เชื่อเถอะสนามแห่งนี้จะเป็นสนามที่ทำให้ลีกสูงสุดของเยอรมัน คึกคักไม่แพ้สนามใหญ่ๆ เลย