ด้วยฟอร์มที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ในสีเสื้อเรอัล มาดริด เป็นเหตุให้เบลถูกเด็กวัย 18 ปีแย่งตำแหน่งในทีม และมันมีแค่เหตุผลนั้นจริงๆหรือ?
ฤดูกาล 2018-19 ถูกใครหลายคนมองว่าถึงเวลาที่ แกเร็ธ เบลจะได้เฉิดฉายซักที หลังโชว์ฟอร์มเด่นในเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่แล้ว รวมถึงสตาร์ดังคนเก่าอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ย้ายไปโชว์ฝีเท้าในตูรินแทน
เมื่อ ฆูเลน โลเปเตกี เข้ามารับหน้าที่ในซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ปีกวานรถูกวางตัวให้เป็นนักเตะเบอร์หนึ่งเขา ตั้งแต่เริ่มฤดูกาล ขณะเบอร์ 7 ที่เว้นว่างไว้หลังจากแข้งชาวโปรตุกีสลาทีมไป เบอร์นั้นก็ตกเป็นของ มาเรียโน่ ดิอาซ แข้งใหม่หน้าเก่าที่ย้ายเข้าในซัมเมอร์ที่ผ่านมา
เบลตอบแทนความไว้ใจของอดีตนายใหญ่ทีมชาติสเปนได้อย่างยอดเยี่ยม หลังทำประตูไป 4 ประตูและแอสซิสต์อีก 3 ลูก ใน 6 เกมแรกของฤดูกาล ช่วยให้ต้นสังกัดเปิดตัวได้อย่างสวยงาม โดยคว้า 10 แต้มจาก 4 เกมแรก ตามหลังคู่อริตลอดกาลอย่างบาร์เซโลน่าแค่ 2 แต้มเท่านั้น
แต่ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร…
กราฟชีวิตที่พลิกผัน
หลังจากเปิดตัวได้เหมือนฝัน ลูกทีมของโลเปเตกีก็ฟอร์มฝืดดื้อๆ โดยพวกเขาเก็บได้แค่แต้มเดียวเท่านั้นใน 5 เกมต่อมา ส่งผลให้ตัวเขาต้องเก็บข้าวของบอกลาทีมเมืองหลวงสเปนอย่างรวดเร็ว
ความกดดันของทัพ โลส บลังโกส ในยุคที่ไร้เงาของโรนัลโด้ ค่อยๆก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ แต่กว่าทุกคนจะรู้ตัวทุกอย่างก็ดูสายเกินแก้แล้ว แข้งแนวรุกในทีมไม่สามารถฝากความหวังในการทำประตูได้เลย โดยเฉพาะแข้งชาวเวลส์วัย 29 ปีคนนี้
ในช่วงวันที่ 15 กันยายน จนถึงวันที่ 9 ธันวาคม ปีที่แล้ว เบลไม่สามารถทำประตูในลีกได้เลยแม้แต่ลูกเดียว รวมไปแอสซิสต์จากปลายสตั๊ดของเขา แฟนบอลมาดริดก็ไม่ได้เห็น ซึ่งรวมเป็นเวลามากถึง 651 นาทีในลาลีก้าที่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประตูที่ทีมทำได้เลย
ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้สาวกมาดริดิสต้าทุกหมู่เหล่าวิพากษ์วิจารณ์ว่า เบลไม่สมควรอยู่ในทีมอีกต่อไป เสียงโห่ดังไปทั่วซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ยามที่เขาลงเล่นไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือตัวสำรอง เอาจริงๆ เบลก็เคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนหน้านี้แล้วในสมัยที่เขาย้ายมาค้าแข้งที่สเปนใหม่เมื่อปี 2013
แต่ในฟุตบอลรายการยุโรป แข้งชาวเวลส์ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม รวมไปถึงรายการชิงแชมป์สโมสรโลก เขาก็ทำแฮตทริกได้ในรอบตัดชือกของรายการนั้นด้วย
ในที่สุดเบลก็กลับมาทำประตูในลีกได้กับเกมพบกับ ฮูเอสก้า เมื่อเดือนธันวาคม ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บบริวเณน่องทำให้เขาต้องหายหน้าไปจากทีมอย่างช่วยไม่ได้อยู่พักนึง
และการขาดหายไปของเบลกลับทำให้นักเตะดาวรุ่งตัวใหม่ได้ฉายแววเด่นจนถูกแย่งตำแหน่งตัวจริงไปได้อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
หมด Passion
เวนิซิอุส จูเนียร์ ดาวเตะดาวรุ่งคนใหม่ของราชันชุดขาว โดยย้ายมาจากฟลาเมงโก้ สโมสรชื่อดังในลีกบราซิล และตอนนี้เขาก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงแทนปีกชาวเวลส์เรียบร้อยแล้ว
ส่วนเบล นับตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บและหายกลับมา เขาก็ถูกปรับสถานะให้เป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น และตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา เบลได้ลงสนามเป็นตัวจริงแค่เกมเดียวเท่านั้นในลาลีก้า
ในฐานะตัวสำรอง เบลก็ยังโชว์ฟอร์มได้ดีกว่าช่วงที่ผ่านมา โดยทำไป 3 ประตูในเกมลีก 4 นัดหลังสุด แต่ทว่าปีดาวรุ่งชาวบราซิลก็ยังได้โอกาสลงเป็นตัวจริงอยู่ดี อย่างในเกมล่าสุด เอล กลาซิโก้ เวอร์ชั่นโคปา เดล เรย์ เวนิซิอุส ก็ยังเป็นตังเลือกอันดับแรกเหนือเบลอยู่ ขณะที่ลูคัส บาสเกซ ได้ลงเล่นอยู่ฝั่งขวาในเกมนั้น
แน่นอนว่าเบลรับกับบทบาทใหม่นี้ไม่ได้อยู่แล้ว ในเกมสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ลงเล่นเกมในบ้านและช่วยให้ต้นสังกัดเอาชนะเลบานเต้ไปได้ด้วยลูกโทษที่มาจาก VAR
ทันทีที่ลูกบอลเข้าซุกอยู่ก้นตาข่าย เพื่อนร่วมทีมต่างเข้ามาร่วมยินดีเหมือนปกติ แต่เบลที่กำลังที่หน้าบึ้งบูดอยู่นั้น กลับวิ่งกลับไปที่ฝั่งตัวเอง แถมยังปัดมือลูคัส บาสเกซออก ตอนที่มาแสดงความยินดีด้วยซะงั้น
รูปแบบนี้ยังเกิดขึ้นในเกมที่โลส บลังโกส เอาชนะเกมมาดริด ดาร์บี้ กับ แอตเลติโก มาดริด ด้วย ทั้งที่เขาเป็นคนทำประตูในเกมนั้น ทำให้หลายๆคนฟันธงว่า เบลไม่มีความสุขกับทีมอีกต่อไปแล้วในตอนนี้
แม้แต่เพื่อนร่วมทีมของเบลก็ยังแฉถึงปัญหาของเบลให้คนอื่นรับรู้ ซึ่งธิโบต์ กูร์ตัวส์ ได้ออกมาเผยว่า เบลเป็นที่รู้จักในห้องแต่งตัวว่า “หนุ่มนักกอล์ฟ” เนื่องจากเขาคลั่งไคล้ในกีฬาชนิดนี้มากๆ
บทสัมภาษณ์ของมาร์ก้า สื่อในเปน มาร์เซโล่ก็ออกมาเผยว่าเบลไม่พูดภาษาสเปนเลยในห้องแต่งตัว โดยแบ็คซ้ายแซมบ้ากล่าวว่า “นับตั้งแต่โรนัลโด้และ กีโก้ กาซีย่า ผมก็ไม่มีคนอยู่ด้วยเลย เบลอยู่อีกฝั่งนึงก็จริง แต่เขาพูดแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น”
ด้วยเหตุนั้นทำให้แฟนบอลมองว่า พวกเขาต้องการให้เบลพูดภาษาสเปนออกมาให้ได้ แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะขาดความพยายาม (หรือไม่ก็หลีกเลี่ยงความอับอายหากพูดผิด) เช่นเดียวกับการที่เขาขาดความหลงใหลกับสโมสรและประเทศนี้ไปแล้ว
ทางเลือกต่อไป
ณ ตอนนี้ แข้งวัย 29 ปีก็ยังต่อสู่เพื่อทวงตำแหน่งตัวจริงของเขาคืนมา แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะได้กลับไปอยู่ในจุดที่เขาเคยเป็นอยู่
เราลองนึกเล่นๆว่า ถ้าเรอัล มาดริด บ้าเลือดทุ่มทุนคว้าตัวนักเตะแบบ เอเด็น อาซาร์ หรือ คริสเตียน อิริคเซ่น มาร่วมทีมจริงๆในฤดูกาลหน้า ชีวิตของเบลในสเปนคงยากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวแน่นอน
คำถามสำคัญที่ตามมาก็คือ อดีตแข้งสเปอร์จะมีความอดทนกับสถานะในทีมและเลือกที่จะสู้ต่อไปหรือไม่?
หรือบางที สโมสรอาจจะหมดความอดทนในตัวเบลก่อนก็เป็นได้ และมันมีโอกาสเกิดขึ้นมากๆในอนาคตอันใกล้นี้