คริสมาสต์ถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยความสุขจากทั่วทุกมุมโลก แต่ทว่าไม่ใช่สำหรับทีมอาร์เซน่อลเท่าไหร่ในฤดูกาลนี้
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสโมสรเบอร์ต้น ๆ ในพรีเมียร์ลีก เจ้าของฉายา ‘ปืนใหญ่’ ต้องหล่นไปรั้งอันดับที่ 15 จาก 14 เกมแรกในลีกก่อนจะถึงคริสมาสต์ในปีนี้ และ มิเกล อาร์เตต้า ก็หวังว่าทีมของเขาจะทำผลงานได้ดีขึ้นหลังจากขึ้นปี 2021 ในเร็ววันนี้
แต่ อาร์เซน่อล ก็ไม่ใช่ทีมแรกเช่นกันที่พบกับวิกฤตในช่วงเทศกาลแบบนี้ ทาง UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านย้อนไปพบกับ 5 สโมสรใหญ่ในจมอยู่ครึ่งตารางล่างในพรีเมียร์ลีก และช่วงเวลาในครึ่งฤดูกาลต่อจากนั้นว่าเป็นอย่างไรต่อไป
อาร์เซน่อล ฤดูกาล 2019-20
นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมใหญ่ที่มีสภาพน่าเป็นห่วงมากที่สุด เมื่อพลพรรค กันเนอร์ส ในมือของ อูไน เอเมอรี่ ออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่ในฤดูกาล 2019-20 จนถูกปลดออกจากตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน หลังพาทีมชนะเพียง 4 จาก 13 นัดแรกในลีก
เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก ตำนานสโมสรที่เข้ามาเป็นกุนซือขัดตาทัพ ก็ทำผลงานไม่ดีขึ้นนัก เมื่อชนะนัดเดียว เสมอ 2 และแพ้อีก 2 ก่อนถึงช่วงคริสมาสต์ ทำให้ยอดทีมจากลอนดอนเหนือรั้งอันดับ 11 ในตาราง เก็บไปเพียง 23 แต้ม
มิเกล อาร์เตต้า เข้ามารับช่วงต่ออย่างเป็นทางการในวันบ็อกซิ่ง เดย์ พร้อมพาทีมจบอันดับ 8 และคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลแรกของอาชีพผู้จัดการทีม
เชลซี ฤดูกาล 2015-16
หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ เชลซี ในฤดูกาล 2014-15 โชเซ่ มูรินโญ่ กลับพาทีมโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่อย่างไม่น่าเชื่อ ซ้ำร้ายยังมีปัญหากับสต๊าฟในสโมสรอีกในช่วงต้นฤดูกาลต่อมา
นั่นกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ เดอะ สเปเชียล วัน ถูกปลดในช่วงกลางเดือนธันวาคมปี 2015 โดยที่ สิงห์บลู หล่นไปอยู่อันดับที่ 15 ในลีก ณ วันคริสมาสต์ มีคะแนนเหนือโซนตกชั้นเพียง 3 คะแนนเท่านั้น
โรมัน อับราโมวิช หันไปใช้บริการ กุส ฮิดดิ้ง อีกครั้ง ในฐานะกุนซือชั่วคราว แต่นายใหญ่ชาวดัตช์ ก็ช่วยให้ทีมดีขึ้นไม่มากเท่าไหร่ เมื่อจบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับ 10 อีกทั้งยังถูก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เขี่ยตกรอบน็อคเอ้าท์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รวมถึงแพ้ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก เอฟเอ คัพ อีกด้วย
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ฤดูกาล 2008-09
สเปอร์ส ทำผลงานได้ย่ำแย่สุด ๆ ตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่นภายใต้การดูแลของ ฮวนเด้ รามอส เมื่อเก็บได้เพียง 2 แต่มจาก 8 นัดแรกในลีกของฤดูกาล 2008-09
แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ เข้ามาแทนที่กุนซือชาวสแปนิช ในเดือนตุลาคม ปี 2008 แม้ผลงานจะดีขึ้นบ้าง แต่ ไก่เดือยทอง ก็ยังรั้งอันดับที่ 16 ช่วงคริสมาสต์อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มการเล่นของ สเปอร์ส ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังช่วงปีใหม่ และคว้าชัย 8 จาก 13 นัดสุดท้ายในลีก กระโดดขึ้นมาจบฤดูกาลด้วยอันดับ 8 มากไปกว่านั้น พวกเขายังทะลุถึงรอยชิงชนะเลิศลีก คัพ ในเดือนมีนาคมปี 2009 ด้วย แต่พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงดวลจุดโทษชี้ขาด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2008-09
แม้จะคว้าแข้งระดับโลกอย่าง โรบินโญ่ มาร่วมทีม หลังจาก ชีค มันซูร์ เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในเดือนกันยายนปี 2008 แต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่ได้พัฒนาหรือยกระดับทีมภายในเวลาชั่วข้ามคืน
เรือใบสีฟ้าในมือของ มาร์ค ฮิวจ์ส ในตอนนั้น พาทีมชนะ 5 เสมอ 3 และ แพ้ถึง 10 นัดจาก 18 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก และหล่นไปอยู่โซนตกชั้นในช่วงคริสมาสต์อย่างเลี่ยงไม่ได้
ต่อมาในเดือนมกราคม ซิตี้ เสริ่มทัพด้วยการคว้า เวยน์ บริดจ์, เคร็ก เบลลามี่, เชย์ กิฟเว่น และ ไนเจล เดอ ยอง ก่อนจะช่วยให้ทีมจบอันดับที่ 10 ในลีก แต่รายการบอลถ้วยก็ล้มเหลวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เอฟเอ คัพ ที่พ่ายให้กับทีมลีกรองอย่าง น็อตติ่งแฮม ฟอเรสต์ หรือ แพ้ให้กับ ฮัมบูร์ก ในยูฟ่า คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ฤดูกาล 2007-08
หลังจากรั้งอันดับที่ 5 มา 2 ฤดูกาลติด และเกือบคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนสลีกได้แบบฉิวเฉียดในปี 2006 สเปอร์ส กลับเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยการเก็บเพียง 7 แต้ม จาก 10 นัดแรกในลีก ของซีซั่น 2007-08 ส่งผลให้ มาร์ติน โยล โดนปลดในเดือนตุลาคมปี 2007
ฮวนเด้ รามอส เข้ารับช่วงต่อจาก กุนซือชาวดัตช์ และผลงานของทีมในลีกก็พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้น สเปอร์ส ก็ยังรั้งอันดับที่ 13 ในช่วงคริสมาสต์
ท้ายที่สุด ไก่เดือยทอง จบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 11 โดยที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ ร็อบบี้ คีน 2 คู่หูในแดนหน้าประสานงานกันอย่างยอดเยี่ยมด้วยการกดประตูในลีกคนละ 15 ตุง
แม้จะจบอันดับครึ่งตารางล่าง แต่นี่ก็เป็นถือเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จสำหรับ สเปอร์ส เมื่อพวกเขาคว้าแชมป์ลีก คัพ ด้วยการเอาชนะ เชลซี 2-1 ซึ่งนี่ถือเป็นแชมป์รายการสุดท้ายที่ทีมคว้ามาครองได้และยังไม่คว้าแชมป์รายการไหนไม่ได้เลยจนถึงปัจจุบัน
