อดีตมิดฟิลด์วันเดอร์คิดของปืนใหญ่ เผยเขาไมได้รู้สึกว่าตัวเองเล่นดีเลยในเกมชนะยอดทีมจากสเปนเมื่อ 9 ปีก่อน
แจ็ค วิลเชียร์ อดีตมิดฟิลด์ของ อาร์เซนอล ออกมาเปิดใจว่าตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเล่นแค่น่าพอใจ ในเกมเปิดบ้านชนะ บาร์เซโลน่า 2-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2011 ก่อนที่จะมาได้รางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังจบเกม
เกมดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นรอบน็อกเอาท์ นัดแรก ซึ่งเจ้าบ้านได้ประตูจาก อังเดร อาร์ชาวิน และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ แซงชนะ 2-1 แต่สุดท้ายก็ตกรอบอยู่ดีเพราะนัดที่สอง บาร์ซ่า ชนะคืนได้ 3-1
อย่างไรก็ตามเกมดังกล่าวแฟนบอลชื่นชมผลงานของ วิลเชียร์ อย่างมาก รวมทั้งสื่อและนักเตะ บาร์เซโลน่า เองด้วย โดยในปี 2015 ชาบี้ ก็เอ่ยปากถึง วิลเชียร์ เช่นกันว่า “เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมที่เจอกับเรา (2011) ต้องไม่ลืมว่าเขาอายุเพียง 20 หรือ 21 ปีเท่านั้น มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่เขาบาดเจ็บอย่างมากมายในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา”
ขณะที่ วิลเชียร์ ย้อนอดีตเกมนั้นผ่านทาง ลอนดอนพ็อดแคส ที่ถ่ายทอดเสียงผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ อาร์เซนอล ว่า “ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่เคยคิดว่าผมเล่นได้ดี ผมคิดว่าผมทำได้แค่น่าพอใจ เมื่อเรามาถึงครึ่งทาง ผมจัดการบางสิ่งได้ดีในครึ่งแรก แต่ผมรู้สึกเหมือนพวกเขาครองเกมได้ดีกว่า”
“พวกเขามีแนวทางที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังวิ่งเป็นวงกลมแบบไม่มีเหตุผล พวกเขาใช้การจ่ายบอลสั้นๆ ในแผงมิดฟิลด์ และคุณไม่รู้ว่าจะต้องกดดันหรือล่าถอยและรอให้พวกเขามาหา”
“มันไม่จนกระทั่งหลังจบเกมจริงๆ (ที่ผมจะรู้ว่าตัวเองเล่นดีแค่ไหน) พอล เอเคอร์ส เจ้าหน้าที่ชุดแข่งเป็นคนบอกผมว่า ‘คุณเพิ่งทำให้ตัวเองดูเหนือกว่า ชาบี้ และ อิเนียสต้า’ ผมบอกกลับว่า ‘ไม่เลย’ และเขาบอกว่า ‘ผมกำลังบอกคุณเนี่ยไง’ หลังจากนั้นผมก็ได้แมน ออฟ เดอะ แมตช์”
“มันยากเมื่อคุณอยู่ในเกมที่จะรู้ว่าคุณเล่นดีแค่ไหน และสิ่งที่ผู้คนกำลังคิดเกี่ยวกับเกมนั้น”
