สบายดีหรือเปล่า : เช็กสถานะ 10 แข้งสุดพังจากดีลเซอร์ไพรส์

 

ในทุกๆตลาดการซื้อขายนักเตะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงซัมเมอร์หรือช่วงหน้าหนาวมักจะมีดีลประหลาดๆที่ไม่น่าเกิดขึ้นปรากฏให้แฟนบอลเห็นอยู่เป็นประจำ

 

ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆไม่แพ้กันก็คือ นักเตะเหล่านั้นมักจะล้มเหลวกับต้นสังกัดใหม่ ไม่ว่าจะเรื่องฝีเท้า, ความสามารถ, ทัศนคติ หรือ เหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้ไม่สามารถแจ้งเกิดกับทีมเหล่านั้นได้

 

แต่ทว่าในฐานะพวกเขาเคยเป็นข่าวใหญ่และสร้างความจดจำให้แก่ผู้คนทั่วโลก ทำให้มีแฟนบอลไม่น้อยที่สงสัยว่านักเตะเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรในปัจจุบัน  

 

ทาง UFA ARENA จะพาผู้อ่านทุกท่านไปเช็กสถานะ 10 แข้งสุดพังจากดีลเซอร์ไพรส์ในวงการลูกหนังว่าพวกเขาเหล่าจะยังโลดแล่นในอาชีพค้าแข้งหรือลาขาดจากวงการนี้แล้วไปทำมาหากินอะไรต่อผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

 

อาลี เดีย (เซาธ์แธมป์ตัน)

 

 

ในปี 1996 แกรม ซูเนสส์ ซึ่งดำรงตำแหน่งกุนซือของทีมนักบุญ ได้คว้าตัว อาลี เดีย นักเตะที่อ้างว่าเป็นญาติกับ จอร์จ เวอาห์ ตำนานแข้งทีมชาติไลบีเรีย ก่อนที่นี่จะกลายเป็นดีลเสริมทัพที่งี่เง่าที่สุดในประวัติศาสตร์วงการลูกหนัง เพราะ อาลี เดีย ไม่ได้เป็นญาติกับ อดีตดาวเตะเปแอเช ไม่เคยเล่นให้ให้ทีมชาติบ้านเกิด และ เคยค้าแข้งอยู่ในลีกระดับล่างของฝรั่งเศสและเยอรมันเท่านั้น

 

หลังจากได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกถึง 53 นาที อีก 14 วันต่อมา เขาก็ถูกนักบุญยกเลิกสัญญา และย้ายไปเล่นในทีมระดับล่างๆของแดนผู้ดี นับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครรับรู้เรื่องราวของ แข้งลวงโลกผู้นี้ในวงการลูกหนังอีกเลย

 

หากอยากทราบข่าวคราวของอดีตแข้งนักบุญ เราคงต้องลองไปถาม ไซม่อน เดีย ลูกชายของเขาที่กำลังค้าแข้งกับ โปลิศ เทโร อยู่ในปัจจุบันดูแล้วล่ะ

  

 

เบเบ้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

 

 

นี่น่าจะเป็นดีลเสริมทัพที่ย่ำแย่ที่สุดในอาชีพผู้จัดการทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังไปคว้าตัว เบเบ้ มาจากวิตอเรีย กิมาไรส์ ด้วยค่าตัวราวๆ 7.4 ล้านปอนด์ในปี 2010 โดยที่ไม่เคยเห็นฟอร์มการเล่นแม้แต่ครั้งเดียว ไม่แปลกใจที่แข้งชาวโปรตุกีสจะล้มเหวลอย่างสิ้นเชิงในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 

 

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ เบเบ้ ถอดเครื่องแบบปีศาจแดงทิ้งไป เขาก็พอจะเอาตัวรอดในเส้นทางลูกหนังต่อไปได้ และมีโอกาสไปค้าแข้งกับทีมในสเปนทั้ง คอร์โดบ้า, เออิบาร์ และ ปัจจุบัน แข้งวัย 29 ปีก็โลดแล่นในอาชีพนี้ต่อไป กับ ราโย บาเยกาโน่ ในเซกุนด้า ลีกรองของแดนกระทิง

 

 

กาเบรียล โอแบร็กต็อง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

 

 

อีกหนึ่งดีลที่แฟนปีศาจแดงอยากจะลืมไปจากความทรงจำไม่แพ้กัน เมื่อยูไนเต็ดไปคว้า กาเบรียล โอแบร็กต็อง จากบอร์กโดซ์ ด้วยค่าตัว 3 ล้านปอนด์ในปี 2009 และอย่างที่คาด ปีกชาวฝรั่งเศสไม่สามารถเบียดขึ้นชุดใหญ่และพัฒนาฝีเท้าได้อย่างที่ควรจะเป็นเลย ส่งผลให้เขาถูกโละออกจากสโมสร โดยมี นิวคาสเซิล มารับช่วงต่อในปี 2011

 

แม้จะทำได้ดีในช่วงแรกกับสาลิกาดง ด้วยอาการบาดเจ็บที่รบกวนบ้อยครั้ง ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปโชว์เก่งได้ ก่อนถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรพร้อมๆกับ ซิลแว็ง มาร์กโวซ์ เพื่อนร่วมชาติในทีม เมื่อปี 2016

 

ปัจจุบัน โอแบร็กต็อง ในวัย 30 ปีก็กำลังค้าแข้งอยู่ไม่ต่างจากเดิม โดยอยู่กับ เออร์ซูลัมสปอร์ สโมสรดังจากลีกตุรกี ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังก่อนหน้านี้ได้พนเจรไปทั่วทั้งใน รัสเซีย,อังกฤษ และ บัลเกเรีย

 

 

จูเลียน โฟแบร์ (เรอัล มาดริด)

 

 

“เอเย่นต์ของเขาควรได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินจากสมเด็จพระราชินีเลยนะ” พอล เมอร์สัน นักข่าวชื่อดังจากสกาย สปอร์ต พ่นคำนี้ด้วยความประหลาดใจ หลังทราบข่าวว่า เรอัล มาดริด เซ็น จูเลียน โฟแบร์ แข้งธรรมดาจากเวสต์แฮมไปร่วมทีม แม้จะเป็นแค่ดีลยืมตัวก็ตาม

 

แต่เมื่อโอกาสได้ย้ายไปร่วมทีมใหญ่เกินตัว กองกลางเลือดน้ำหอมกลับนั่งหลับในม้านั่งสำรอง และ ขาดซ้อมกับทีม(ด้วยความเข้าใจผิด) ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าทำไม ราชันชุดขาวถึงไม่เซ็นเขาไปร่วมทีมถาวร

 

ทุกวันนี้ อดีตแข้งเวสต์แฮม, บอร์กโดซ์ ก็ยังคงเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ในวัย 36 ปี โดยย้ายไปค้าแข้งกับ เฟรฌูส แซงต์ ราฟาเอล ทีมระดับสมัครเล่นในฝรั่งเศส ในเดือนมิถุยายนที่ผ่านมา

 

 

ปาปี้ ฌิโลโบฌี (เชลซี)

 

 

แม้ ปาปี้ ฌิโลโบฌี จะลงเล่นให้กับ น็องต์ส มาเกือบๆ 200 นัด แต่ลางร้ายกับต้นสังกัดใหม่กับเชลซีก็เริ่มขึ้นหลังจากเพิ่งย้ายมาแค่ 10 วัน เมื่อโชเซ่ มูรินโญ่ บ่นพึมพัมว่า “เราคงโชคไม่ดี ถ้าเราต้องใช้ ฌิโลโบฌี ทั้งๆที่เรามีทั้ง จอห์น เทอร์รี่, แกรี่ เคฮิลล์, ซูม่า และ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช”

 

กองหลังชาวเซเนกัลลงเล่นในสิงห์บลูแค่นัดเดียวในลีกเท่านั้น และโดนปล่อยให้ เวเดอร์ เบรเมน ยืมไปใช้งานช่วงสั้น ก่อนที่ซันเดอร์แลนด์จะคว้าไปร่วมแบบถาวร แต่อยู่ได้แค่ 2 ปี ก็โดนแมวดำฉีกสัญญาหลังเดินทางกลับมารายงานตัวซ้อมล่าช้ากว่ากำหนด 1 เดือน และมีความฟิตไม่ถึงเกณฑ์

 

ความหวังที่กลับมาสดใสในเส้นทางนี้ของแข้งวัย 30 ปี ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น หลังได้ลงสนามให้แก็งก็องแค่ 4 นัดเท่านั้น และไม่รับสัญญาระยะยาว จึงต้องระหกระเหินได้ค้าแข้งกับสโมสรในตุรกีกับ กาซิเชเฮียร์ กาเซียนเท็ป เมื่อปลายเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา  

 

 

อังเดร ซานโตส (อาร์เซน่อล)

 

 

10 ปีสุดท้ายที่ อาร์เซน เวนเกอร์ คุมทีมอาร์เซน่อล ดูเหมือนว่า สายตาที่เคยเฉียบแหลมในการเสริมทัพจะหดหายไปหลายเท่า เนื่องจากเขามักจะคว้าตัวผู้เล่นแปลกๆเข้ามาบ่อยครั้ง และไม่ได้ทำผลงานเข้าตาเลยซักนิด หนึ่งในนั้นคือ อังเดร ซานโตส 

 

แบ็คชาวบราซิลย้ายร่วมทีมปืนใหญ่ในซัมเมอร์ปี 2011 แค่ฟอร์มการเล่นการเล่นก็ทำเอาเหล่า กูนเนอร์ส เอือมระอาแล้ว แต่หนักไปกว่านั้น เขาดันไปแลกเสื้อกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ อดีตกัปตันที่ย้ายไปอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่จบครึ่งแรกแบบหน้าตาเฉย

 

นับตั้งแต่นั้นเป็นมา ซานโตสก็ชีพจรลงเท้าอย่างเต็มตัว เพราะหากตนเองไม่ย้ายกลับไปค้าแข้งในบราซิลบ้านเกิด ก็ย้ายกลับมาในยุโรป หรือไม่ก็แว็บไปเอเชียบ้างเล็กน้อย เอฟซี กัว และล่าสุดเขากลับมาในยุโรปอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เล่นให้กับ โบลูสปอร์ ทีมจากแดนไก่งวง โดยเซ็นสัญญากับทีม 2 ปีด้วยกัน

    

 

โธมัส กราเวอเซ่น (เรอัล มาดริด)

 

 

โธมัส กราเวอเซ่น กลายเป็นที่รักของแฟนท็อฟฟี่อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ย้ายมาเอฟเวอร์ตันในปี 2000 และเป็นหัวใจในแดนกลางช่วยให้ต้นสังกัดคว้าอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีกมาครองได้อย่างเหนือความคาดหมาย แต่เนื่องด้วยเจ้าตัวเหลือสัญญาเพียงไม่มากทำให้สโมสรจำใจขายเขาออกไปให้ เรอัล มาดริด ในราคาถูกแสนถูกแค่ 2.5 ล้านปอนด์ ในเดือนมกราคมปี 2005

 

น่าเสียดายที่ตัวรับชาวเดนส์ไปได้ไม่สวยนักกับ โลส บลังโกส และอยู่ได้เพียงปีเศษๆก็โดนปล่อยให้เซลติกคว้าตัวไป ก่อนใช้เวลาช่วงบั้นปลายอาชีพที่นั่นและประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 2008 ด้วยวัยเพียง 33 ปี

 

 อย่างไรก็ตาม กราเวอเซ่นในตอนนี้ดูมีชีวิตที่แฮปปี้กว่าตอนค้าแข้งเสียอีก หลังกลายเป็นนักเล่นโป็กเกอร์มืออาชีพ, มีทรัพย์สินส่วนตัวมากกว่า 100 ล้านยูโร แถม อาศัยอยู่ลาส เวกัส กับ คามิลล่า เพิร์ซ นางแบบสาวแสนสวยลูกครึ่งเช็ก-อเมริกันอีกต่างหาก

  

 

ดิมิโทร ชิกรินสกี้ (บาร์เซโลน่า)

 

 

ใครว่าเป็ป กวาร์ดิโอล่า ไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดในอาชีพกุนซือ เพราะในปี 2009 ตอนที่คุมบาร์เซโลน่า เขาได้คว้า  ดิมิโทร ชิกรินสกี้ กองหลังดาวรุ่งจากชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 18.75 ล้านปอนด์ เพื่อหวังให้เขาเป็นตัวแทนของ การ์เลส ปูโยล ที่อยู่ในวัยโรยรา แต่ไปๆมาๆ กองหลังชาวสแปนิชกลับทำผลงานได้เข้าท่าจน สโมสรต้องขายเขากลับไปให้ทีมเก่าด้วยราคาแค่ 11.25 ล้านปอนด์เท่านั้นในปีต่อมา 

 

แต่การย้ายกลับไปยังต้นสังกัดเก่าครั้งที่ 2 ไม่ได้ช่วยปราการชาวยูเครนกลับมาเป็นคนเดิม จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ทีมอริร่วมลีกกับ ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค ในปี 2015 (ปัจจุบันล้มละลายไปแล้ว) แต่ก็อยู่ได้แค่ปีเดียวก็ย้ายมาค้าแข้งกับ เออีเค เอเธนส์ ในประเทศกรีซแทน และอยู่ยาวมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

เดล เจนนิ่ง (บาเยิร์น มิวนิค)

 

 

ถือเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่เกินตัว เมื่อ เดล เจนนิ่ง แข้งดาวรุ่งจาก ทรานสเมียร์ โรเวอร์ส ทีมเล็กในอังกฤษ ได้โอกาสย้ายไปร่วมทีมยักษ์ใหญ่ในบุนเดสลีก้าอย่าง บาเยิร์น มิวนิค แม้จะได้ไปเล่นในทีมชุดสำรองก่อน แต่ด้วยฝีเท้าที่มี หลายคนก็หวังว่า แข้งชาวผู้ดีจะก้าวขึ้นเล่นชุดใหญ่ให้ทีมได้ซักครั้งนึง

 

ทว่าตลอด 2 ปีในถ้ำเสือใต้ อดีตแข้งเยาวชนของลิเวอร์พูลกลับทำได้แค่โชว์ฝีเท้าในทีมชุดเล็กเท่านั้น แถมยิงได้ลูกเดียวต่างหาก จึงต้องจำใจเก็บกระเป๋าย้ายกลับมาเล่นกับ บาร์นสลีย์ ในบ้านเกิดอีกครั้งแทน 

 

หลังโดนเอ็มเค ดอนส์ ยกเลิกสัญญาไปเมื่อปี 2016 เมื่อปีที่ผ่านมา เจนนิ่งตัดสินกลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีกครั้ง โดยตอนนี้กำลังค้าแข้งกับทีมนอกลีกอย่าง รันคอร์น ทาวน์ แต่โอกาสที่จะกลับมาแจ้งเกิดและโดดเด่นเหมือนสมัยเป็นดาวรุ่งคงจะมีไม่เท่าไหร่แล้วล่ะ

 

 

ปารค์ ชู ยอง (อาร์เซน่อล)

 

 

ณ เดือนสิงหาคมปี 2011 ปาร์ค ชู-ยอง กำลังเตรียมย้ายจากโมนาโกไปค้าแข้งกับ ลีลล์ และคงจะเสร็จสิ้นเรียบร้อย หากอาร์เซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซน่อลตอนนั้นไม่ได้โทรมากล่อมให้เขาย้ายไปเล่นในอังกฤษซะก่อน

 

และนั่นดูเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ของแข้งโสมขาว เนื่องจากตนเองได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกแค่ 7 นาทีเท่านั้น ในเกมที่พ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 และส่งผลให้เส้นอาชีพของเขาแทบดับวูบลงภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น

 

โชคดีที่ เอฟซี โซล สโมสรเก่าที่ ปารค์ ชู ยอง แจ้งเกิดดึงเขากลับไปร่วมทีมอีกครั้งในปี 2015 ซึ่งหัวหอกวัย 34 ปีก็ไม่ทำให้ต้นสังกัดผิดหวัง หลังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เกาหลีในปี 2015 และ แชมป์เคลีกในปี 2016 ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเจ้าตัวก็อยู่ยาวค้าแข้งในเมืองหลวงแดนกิมจิจนถึงปัจจุบัน