โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รังเหย้าสุดแข็งแกร่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และขึ้นชื่อว่ายากอสมควรหากทีมคู่แข่งหวังจะมาเก็บแต้มหรือคว้าชัยชนะออกไปจากสนามแห่งนี้ ในยุคที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุมบังเหียนทีมอยู่
ทว่านับตั้งแต่เฟอร์กี้วางมือจากตำแหน่งกุนซือของปีศาจแดงไป โรงละครแห่งความฝัน ที่เคยเป็นดั่งป้อมปราการสุดแกร่งของทีมก็ค่อยๆลดความน่าเกรงข่ามลงแบบไม่น่าเชื่อ ซึ่งในฤดูกาลที่ผ่านมาเก็บแต้มในบ้านได้น้อยที่สุดจากบรรดาทีมท็อปซิกซ์ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อนแค่ 36 คะแนนเท่านั้น แย่ถึงขนาดที่ทีมระดับล่างในพรีเมียร์ลีกสามารถบุกมาเก็บ 3 แต็มได้อยู่บ่อยครั้งในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา
และล่าสุด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่คนปัจจุบันก็พาทีมพ่าย คริสตัล พาเลซ คาบ้าน 2-1 ในเกมลีกฤดูกาลปัจจุบัน ซึ่งพลาดท่าต่อ ปราสาทเรือนแก้ว เป็นครั้งแรกในยุคพรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้ และครั้งสุดท้ายที่ เดอะ อีเกิ้ลส์ เอาชนะที่สนามนี้ได้ต้องย้อนกลับไปในปี 1989 โน้นเลย
ทาง UFA ARENA จะพาทุกท่านย้อนไปดู 8 ทีมระดับกลางค่อนไปเล็กที่บุกมาตบผีถึงโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังหมดยุคของบรมกุนซือชาวสก็อตตั้งแต่ปี 2013
เวสต์บรอม 2-1 (ฤดูกาล 2013-14)
แพ้ในบ้านครั้งแรกในรอบ : 35 ปี
ปีศาจแดงในยุคของ เดวิด มอยส์ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่แฟนผีทุกข์ทรมานที่สุดแล้ว หลังเฟอร์กี้ลาทีมไป ซึ่งแค่เวลาไม่ถึงปี เขาก็สร้างสถิติมากมายให้กับทีมสีแดงจากแมนเชสเตอร์มากมาย แย่หน่อยที่ตัวเลขเหล่านั้นออกมาในแง่ที่ไม่ดีซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเกมเหย้าของพวกเขา
ในเดือนกันยายนปี 2013 ยูไนเต็ดเปิดบ้านพบกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ซึ่งโดนยิงประตูขึ้นไปก่อนจาก มอร์แกน อมัลฟิตาโน่ ทว่า เวย์น รูนี่ย์ ก็ตามตีเสมอให้ทีมได้ในเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ทีมของมอยส์ก็โดนทีเด็ดจาก ไซโด้ เบราฮิโน่ ในช่วงท้ายเกม ทำให้พวกเขาพ่ายในบ้านเป็นเกมแรกในฤดูกาลนั้น และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน
เอฟเวอร์ตัน 1-0 (ฤดูกาล 2013-14)
https://www.youtube.com/watch?v=vfMUOITBLJ4
แพ้ในบ้านครั้งแรกในรอบ : 21 ปี
ถัดมาจากนั้นอีก 2 เดือนเศษๆ มอยส์ก็สร้างสถิติสุดย่ำแย่ในบ้านเป็นครั้งสอง เมื่อโดน เอฟเวอร์ตัน ทีมเก่าของเขาบุกมาเหยียบจมูกถึงถิ่น ทั้งที่ปีศาจแดงก็มีโอกาสทำประตูในเกมนั้นมากมาย แต่โอกาสของ รูนี่ย์ และ แดนนี่ เวลเบ็คดันแม่นเสาแม่นคานเกินไปหน่อย
จากประตูชัยของไบรอัน โอเวียโด้ ในช่วงท้ายเกม ทำให้ท็อฟฟี่ทำสถิติคว้าชัยในโรงละครแห่งความฝันได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1992 หรือ 21 ปีก่อนหน้านี้
นิวคาสเซิล 1-0 (ฤดูกาล 2013-14)
แพ้ในบ้านครั้งแรกในรอบ :41 ปี
อีก 3 วันต่อมาดูเหมืนผู้เล่นปีศาจแดงยังไม่ฟื้นจากอาการ หลังพวกเขาพ่ายให้กับ นิวคาสเซิล 1-0 จากลูกยิงสุดสวยของ โยฮัน กาบาย ส่งผลให้ทีมคว้าชัยไม่ได้มา 4 เกมติดแล้ว และทำได้แค่ 2 แต้มเท่านั้น จากทั้งหมด 12 แต้มที่ควรทำได้
ที่แย่ไปกว่านั้น นี่เป็นชัยชนะครั้งแรกของทีมสาลิกาดงในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในรอบ 41 ปี จนโอกาสลุ้นติดท็อปโฟร์ของยูไนเต็ดในลีกสูงสุดแดนผู้ดีค่อยๆเลื่อนลางจางหายไป
สวอนซี 2-1 (ฤดูกาล 2013-14)
แพ้ในบ้านครั้งแรกในรอบ : 83 ปี
ใครว่าเรื่องราวอันเลวร้ายในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จะหยุดอยู่แค่ในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น เพราะรายการบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง เอฟเอ คัพ มอยส์ก็จัดให้แฟนปีศาจแดงต้องอับอายชาวประชากันต่อไป
ในช่วงต้นเดือนมกราคมปี 2015 พวกเขาเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ สวอนซี ในบอลถ้วยรายการดังกล่าว ซึ่งแพ้ไปด้วยสกอร์ 2-1 จากลูกยิงท้ายเกมของ วิลเฟร็ด โบนี่ ส่งผลให้ทีมเจ้าบ้านตกรอบเอฟเอ คัพไปตั้งนัดแรกที่ลงเล่นในฤดูกาลนั้น
นอกจากนี้ นี่เป็นยังเป็นครั้งแรกที่ทีมหงส์ขาวบุกมาเอาชนะ ปีศาจแดงถึงในบ้าน หลังก่อนหน้านี้ทำได้แค่เสมอไป 2 เกมเท่านั้น จาการเจอกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดทั้งหมด 10 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 1931
ซันเดอร์แลนด์ 1-0 (ฤดูกาล 2013-14)
แพ้ในบ้านครั้งแรกในรอบ : 46 ปี
ด้วยผลงานโดยรวมที่ย่ำแย่และไม่มีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้สโมสรปลด เดวิด มอยส์ ออกจากตำแหน่งกุนซือ พร้อมกับดัน ไรอัน กิ๊กส์ ขึ้นมาเป็นนั่งเก้าอี้ชั่วคราวแทนในช่วงปลายเดือนเมษายน โดยทำหน้าที่ 4 นัดสุดทายในลีกของฤดูกาลนั้น
แต่ถึงจะเป็นตำนานของสโมสร ปีกพ่อมดก็มีประวัติด่างพร้อยในการคุมทีมปีศาจแดงอยู่เหมือนกัน หลังเปิดบ้านพ่ายให้กับ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 จากประตูชัยของ เซบาสเตียน ลาร์สสัน
นอกจากนี้นี่ยังเป็นชัยชนะครั้งแรกในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดของทีมแมวดำ นับตั้งแต่ปี 1968 แล้ว 3 แต้มที่ได้ในนัดนี้ยังช่วยให้พวกเขาหนีรอดจากโซนตกชั้นในพรีเมียร์ลีกได้แบบฉิวเฉียดอีกด้วย
เซาแธมป์ตัน 1-0 (ฤดูกาล 2014-15)
แพ้ในบ้านครั้งแรกในรอบ : 27 ปี
เมื่อถึงคราวที่ หลุยส์ ฟาน กัล เข้ามานั่งเก้าอี้ในรั้วปีศาจแดง ดูเหมือนอนาคตของทีมจะกลับมาสดใสอีกครั้งในช่วงพรีซีซั่น แต่ทว่าทันทีที่เริ่มฤดูกาลนั้นจริงๆ ความหวังที่จะกลับไปลุ้นแชมป์ก็ค่อยๆหายวับไปกับตา และทำได้แค่ลุ้นทำอันดับไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกเท่านั้น
แน่นอนว่าสถิติแย่ๆกับเกมในบ้านก็มีให้เห็นอยู่ในยุค กุนซือฉายา ‘ทิวลิปเหล็ก’ แม้จะไม่มากเท่าช่วงที่ มอยส์ อยู่ก็ตาม หลังพ่ายให้กับเซาแธมป์ตัน 1-0 ในเดือนมกราคมปี 2015
ความพ่ายแพ้ของยูไนเต็ดในครั้งนั้นทำให้นักบุญหยุดสถิติ 27 ปีที่ไม่คว้าชัยในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ลงได้ และดูเหมือนทีมจากตอนใต้ของอังกฤษจะได้ใจ เพราะในฤดูกาลถัดมาพวกเขาก็บุกมาชนะในสนามแห่งนี้ด้วยสกอร์เดียวกัน
นอริช 2-1 (ฤดูกาล 2015-16)
แพ้ในบ้านครั้งแรกในรอบ : 26 ปี
ในฤดูกาล 20ๅ5-16 คงไม่มีใครว่าทีมน้องใหม่ในพรีเมียร์ลีกปีนั้นอย่าง นอริช จะบุกมาเอาชนะแมนฯยูไนเต็ดในโอลด์แท็รฟฟอร์ดได้แน่นอน แค่โอกาสแบ่งแต้มไปก็เป็นไปได้ยากแล้ว
ทว่าทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อนกลับหักปากกาเซียนทั่วเกาะอังกฤษด้วยการยิงประตูออกไปก่อน 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก แม้ว่าทีมของฟาน กัล จะยิงประตูตีไข่แตกได้ในครึ่งหลัง แต่ก็ไม่ทันการ ส่งผลให้ปีศาจแดงพ่ายในบ้านเป็นเกมแรกของฤดูกาลนั้นไป
น่าเสียดายที่ปีนั้น นอริช ต้องตกชั้นกลับไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ชิพอีกครั้ง แม้เกมนั้นเขาจะทำสถิติคว้าชัยในโรงละครแห่งควาามฝันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1989 ก็ตาม
คาร์ดิฟฟ์ 2-0 (ฤดูกาล 2018-19)
แพ้ในบ้านครั้งแรกในรอบ : 65 ปี
โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อดีตนักเตะเก่าของทีมเข้ามาเป็นกุนซือขัดตาทัพ แทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ที่โดนไปก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวของเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมคว้าชัยได้ 10 จาก 13 นัดในลีก ส่งผลให้โซลาได้รับสัญญาถาวรไปในช่วงปลายเดือนมีนาคมปี 2019
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ได้เป็นกุนซือปีศาจแดงเต็มตัว ผลงานที่เคยไฉไลก็ย่ำแย่ลงแบบน่าใจหาย พ่ายไปถึง 4 จาก 7 เกมสุดท้ายในลีก ซึ่งหนึ่งนัดคือนัดปิดฤดูกาลที่แพ้ให้กับ คาร์ดิฟฟ์ ทีมเก่าของโซลชาในฐานะผู้จัดการ 2-0 ส่งผลให้ปีศาจแดงอันดับ 6 ในลีกและอดไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งในฤดูกาลหน้า
และจากเกมล่าสุดที่พ่ายพาเลซในบ้าน แฟนปีศาจแดงคงหวังว่าในฤดูกาลนี้ โซลชา จะไม่เดินตามรอยกุนซืออย่าง เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟานกัล และโชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งเป็นนักทำลายสถิติของผีแดงในทางที่ไม่ดีนัก
