สาลิกาตามรอย? : 10 สูตรสำเร็จสโมสรดังหลังถูกเทคโอเวอร์

สาลิกา

นิวคาสเซิล กำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของสโมสรอย่างเต็มตัว จากการเปลี่ยนมือเจ้าของทีมเมื่อสัปดาห์ก่อน และการเทคโอเวอร์แบบเบิ้มๆลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในวงการฟุตบอลตลอดหลายปีที่ผ่านมา

แน่นอนว่าการเทคโอเวอร์สโมสรไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ไม่บ่อยเช่นกันที่สโมสรหนึ่งจะถูกขายให้กับกลุ่มที่มีเงินก้อนโตมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลกอย่างเช่น กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดิอาระเบีย (PIF) ที่ซื้อทีมแดนอีสานต่อจาก ไมค์ แอชลี่ย์ 

แต่ก็เช่นเดียวกับมหาเศรษฐีหรือกลุ่มเจ้าของสโมสรรายอื่นๆในอดีต พวกเขาต้องเจอกับเส้นทางการทดสอบว่าควรทำอย่างไรเมื่อเทคโอเวอร์ทีมได้ และไม่ใช่ทั้งหมดที่กลายเป็นยอดสโมสรเบอร์ต้นๆของประเทศตั้งแต่วันแรก และบ่อยครั้งที่ทีมส่วนใหญ่ที่มีเจ้าของฐานะร่ำรวยมากเป็นพิเศษเหล่านี้ต่างสะท้อนแนวทางการทำทีมให้เห็นเป็นตัวอย่างตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาไปดูกับ 10 ขั้นตอนสูตรสำเร็จของสโมสรหลังถูกเทคโอเวอร์ที่เป็นแม่แบบให้ ‘สาลิกาดง’ เจริญรอยตามในอนาคตอันใกล้นี้

 

เชื่อใจกุนซือหน้าเก่า (แค่ตอนนี้)

Steve Bruce 'deserves a chance' to prove himself as Newcastle manager  following takeover as 'he's not had money to spend in his career' | The  Paradise

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : ช่วงแรกหลังเทคโอเวอร์

ถึงเจ้าของทีมหน้าใหม่จะพยายามนำสิ่งใหม่เข้าในสโมสร แต่ก่อนอื่นพวกเขาก็พยายามให้โอกาสผู้จัดการทีมคนปัจจุบันให้ทำหน้าที่ต่อไป ไม่ว่าจะเป็น เคลาดิโอ รานิเอรี่ ของเชลซี หลังถูกซื้อโดย โรมัน อับราโมวิช ในปี 2003, มาร์ค ฮิวจ์ส กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ อองตวน กอมบูอาเร่ กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทั้งหมดนี้ไม่ได้ถูกปลดในทันที

‘สปาร์กี้’ ได้เวลา 1 ฤดูกาลครึ่งในการกุมบังเหียน ‘เรือใบสีฟ้า’ ขณะที่ ‘ทิงเกอร์แมน’ คุม ‘สิงห์บลูส์’ 1 ปีหลังเทคโอเวอร์ แม้กระทั่ง กอมบูอาเร่ เอง ก็ได้เวลาใน ปาร์ค เดส์ แพรงส์ ราวๆ 2 เดือน

บางทีเจ้าของทีมอาจทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้รบกวนจังหวะในสโมสรหรือทำให้แฟนๆ ปั่นป่วนเกินไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า สตีฟ บรูซ จะได้เป็นกุนซือของ ‘สาลิกาดง’ ไปแบบยาวหรอกนะ

 

ระเบิดคลังคว้าซุปตาร์จากอเมริกาใต้

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : เมื่อเปิดตลาดซื้อขายนักเตะ

การมโนจัดทีมในฝันขึ้นมาบนโลกอนนไลน์ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทีมที่มีเจ้าของเป็นเศรษฐีเบอร์ต้นของโลก และบางทีเรื่องแบบนี้คงเกิดแล้วใน นิวคาสเซิล

แต่ในกรณีของ เชลซี, ซิตี้ และ เปแอสเช พวกเขามักทำการคว้ายอดแข้งจากอเมริกาใต้มาร่วมทีมทันทีที่ตลาดซื้อขายเปิดทำการเพื่อแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานในทีม เช่น เฮอร์นาน เครสโป ที่ย้ายมาเล่นกับ เชลซี ในปี 2003 หรือ ซิตี้ กับ โรบินโญ่ ในปี 2008

แม้แต่ การเซ็นสัญญารายแรกของ เปแอสเช ในยุคของกลุ่มทุนกาตาร์ ก็เป็น แม็กซ์เวลล์ แบ็คจอมบุกชาวบราซิลเลี่ยน เช่นเดียวกับทีมอย่าง อันชี่ มาคัชคาล่า หรือ มาลาก้า ก็คว้าทั้ง โรแบร์โต้ คาร์ลอส หรือ ฮูลิโอ้ บาปติสต้า ตามลำดับ หลังเปลี่ยนเจ้าของสโมสรใหม่

บางที การเสริมทัพรายแรกของ นิวคาสเซิล ในยุคของกลุ่มทุนซาอุดิอาระเบีย อาจเป็น ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ สตาร์ฟอร์ตกจาก บาร์เซโลน่า ก็เป็นได้

 

ฟอร์มการเล่นพัฒนาขึ้น

Newcastle United: The new Newcastle United ready to further strengthen  English football | Marca

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : ตั้งแต่เริ่มแรก

บรูซ อาจไม่ใช่คนที่ใครคาดหวังว่าจะดลบรรดาลความสำเร็จให้ทีมได้เท่าไหร่นักกับ นิวคาสเซิลในยุคกลุ่มทุนซาอุฯ แต่ก็มีการคาดการณ์ว่า บรูซ จะทำผลงานได้ดีเพียงใดต่อจากนี้

เพราะกุนซือหน้าเก่าหลายคนก็ทำผลงานได้ดีขึ้นหลังการเทคโอเวอร์ทีม ทั้ง รานิเอรี่ ที่พา เชลซี ไปถึงรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนโชคร้ายเสียงานให้กับ โชเซ่ มูรินโญ่ ในเวลาต่อมา หรือทาง กอมบูอาเร่ ในเปแอสเช เขาก็ถูกปลดในขณะที่พาทีมขึ้นเป็นจ่าฝูง ลีกเอิง ด้วยซ้ำ

เพราะฉะนั้นจึงโอกาสที่ ‘สาลิกาดง’ จะพลิกฟอร์มให้กลับมายอดเยี่ยมอีกครั้งให้สมกับการเปลี่ยนเจ้าของทีมใหม่

 

ดึงกุนซือชื่อดังร่วมทีม

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : 1 ปี หรือมากกว่านั้น

ช่วงนี้คือส่วนที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อ มูรินโญ่เข้ามายกระดับ เชลซี ได้ภายในปีเดียว หรือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่พา อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ 2 ปีติด ก็เข้ามาที่ ฮิวจ์ส ในแมนฯซิตี้

เปแอสเช หันไปดึง คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามากุมบังเหียน, อันชี่ จ้าง กุส ฮิดดิ้งค์ หรือ ย้อนกลับไปในยุค 90 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ก็ได้ เคนนี่ ดัลกริช เข้ามาคุมทีมใน อีวู้ด ปาร์ค ช่วงยุคที่ แจ็ค วอล์คเกอร์ เป็นเจ้าของทีม ‘กุหลาบไฟ’

สำหรับ นิวคาสเซิล ณ ตอนนี้ คงไม่มีกุนซือคนไหนถูกพูดไปมากกว่า อันโตนิโอ คอนเต้ อีกแล้วในการเข้ามาสร้างมาตรฐานและยกระดับทีมขึ้นมาใหม่ใน เซนต์ เจมส์ ปาร์ค 

 

ประสบความสำเร็จในประเทศ, สปอนเซอร์ใหม่เข้า

QSI - 10 years already! | Paris Saint-Germain

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : ใน 2 ฤดูกาล

โดยทั่วไปแล้ว เจ้าของสโมสรใหม่จะเริ่มเห็นผลของการลงทุนในช่วงสองฤดูกาลด้วยความสำเร็จบางอย่าง

เชลซีคว้าแชมป์ลีก คัพ และแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาลที่ 2 ของอับราโมวิชเป็นเจ้าของ ขณะที่ความสำเร็จครั้งแรกของ แมนฯซิตี้ คือเอฟเอ คัพ 2011 ภายใต้การคุมทีมของ มันโช่ ส่วน คาร์โล อันเชล็อตติ ก็พาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรกในปารีสเช่นกัน

ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด นิวคาสเซิล ก็อาจตามรอยทีมเหล่านี้ด้วยการคว้าแชมป์บอลถ้วยได้ภายใน 2 ปีหรือมากกว่านั้น รวมไปถึงสปอนเซอร์หลักของ ‘สาลิกาดง’ ก็จะถูกเปลี่ยนแปลงไปตามแนวทางของเจ้าของใหม่เช่นกัน อย่างที่เกิดขึ้นกับหลายๆทีมในเวลาต่อมา

 

สถานะทีมต่างๆในลีกเปลี่ยนไป

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : ภายใน 2-4  ฤดูกาล

ฤดูกาลแรกอาจดูเป็นเรื่องใหม่ในการเข้าไปแข่งขันลุ้นแชมป์สักรายการ แต่ปีที่ 2 พวกเขาก็จะเริ่มชินกับมันมากขึ้น และปีที่ 3 เป้าหมายใหม่ก็จะเกิดขึ้น

พรีเมียร์ลีก เคยเป็นการชิงชัยระหว่าง 2 ขั้วอำนาจระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล จนกระทั่ง เสี่ยหมีเข้าเทคโอเวอร์ เชลซี ในปี 2003 คำว่า ‘ท็อปโฟร์’ ก็ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยเพิ่ม ลิเวอร์พูล เข้าไปอีกทีม ก่อนมีการขยายขึ้นเป็น ‘ท็อปซิกซ์’ จะการขึ้นมาเป็นแชมป์ลีกของ ซิตี้ ช่วงปี 2011 โดย สเปอร์ส ถูกเพิ่มเข้ามารายหลังสุด

เปแอสเช เปลี่ยน ลีกเอิง ให้กลายเป็นลีกของตัวเองด้วยการผงาดคว้าแชมป์ลีก 7 สมัยจาก 10 ปีหลังสุด โดยมีผู้ท้าชิงโผล่ขึ้นมาเพียงชั่วครู่ชั่วคราว หรือย้อนกลับไปในอิตาลีช่วงทศวรรษก่อนก็ช่วยให้ เซเรียอา สร้างท็อปซิกซ์ของพวกเขาขึ้นมา โดยประกอบไปด้วย เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส, โรม่า, อตาลันต้า และ ลาซิโอ

นิวคาสเซิล อาจสอดแทรกเข้ามาอยู่ใน ‘บิ๊กซิกซ์’ ของลีกอังกฤษ หรือไม่ก็เป็น ‘บิ๊กเซเว่น’ หรือ กลับมาเป็นบิ๊กไฟว์ ด้วยการเขี่ย อาร์เซน่อล กับ สเปอร์ส ให้หลุดวงโคจรไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากกลายเป็น ‘ท็อปเอท’ ในท้ายที่สุด เนื่องจาก เลสเตอร์ ก็ถูกพิจารณาให้เป็นทีมลุ้นไปเล่นบอลยุโรปเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคู่แข่งในลีกก็ได้รับผลกระทบจากการเทคโอเวอร์ของเจ้าของทีมใหม่เช่นกัน

 

ปรัชญาการเล่นที่ชัดเจนมากขึ้น

Manchester City and Pep Guardiola mocked after CL game against RB Leipzig:  “Emptyhad” - tamilecho

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : หลังผ่านไป 5 ฤดูกาล

เมื่อทีมของคุณเริ่มลุ้นแชมป์หรือประสบความสำเร็จในรายการต่างๆแล้ว เจ้าของส่วนใหญ่มักจะต้องการเห็นลีลาการเล่นที่เพลิดเพลินจำเริญใจในสนามเช่นกัน

แมนฯซิตี้ ดึงทั้ง ชิกิ เบกิริสไตน์ มานั่งแทนผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร ก่อนดึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาในตำแหน่งกุนซือ พร้อมให้อิสระในการสร้างทีมแบบเต็มที่ ทาง เปแอสเช ก็เลือกแยกทางกับ อูไน เอเมอรี่ หลังล้มเหลวในบอลยุโรป ด้วยการคว้า โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาสร้างวัฒนธรรมในทีม แต่สุดท้ายจะแยกทางกันไม่สวยก็ตาม

ขณะที่การแต่งตั้งกุนซือหลายๆคนของ เชลซี ในทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น เมาริโอ ซาร์รี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด หรือ ทูเคิ่ล ก็แต่ละคนก็พยายามสร้างแนวทางการเล่นในทีมของตัวเองขึ้นมาที่คิดว่าจะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้

ส่วน ลิเวอร์พูล ครั้งหนึ่งก็เคยเลือก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้มีทีเด็ดกับการทำทีมที่เน้นการครองบอลเป็นหลัก และในขณะที่อันโตนิโอ คอนเต้ อาจเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ นิวคาสเซิล ในยุคกลุ่มทุนซาอุฯ แต่ก็ไม่ต้องแปลกใจที่เห็นกุนซือที่ชื่นชอบการครองบอลเข้าทำหน้าที่ ณ ถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ในอนาคต

 

ความลำบากในการขยายสนาม

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : ภายใน 5-10 ฤดูกาล

ส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำให้สโมสรเหล่านี้น่าครอบครองก็คือสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดมีครบครันอยู่แล้ว และสโมสรหลายแห่งที่มหาเศรษฐีรายใหญ่ที่สุดซื้อคือสโมสรที่มีสนามใหญ่โตโอ่อ่าพร้อมมาตรฐานระดับสากลโลก แต่ก็มีปัญหาตามมาเช่นกัน

การขยายสนาม ปาร์ค เดส์ แพรงส์ ถูกพับแผนไปก่อนศึกโอลิมปิกปี 2024 ที่ปารีสเป็นเจ้าภาพ, เชลซีได้เตรียมแผนการที่จะขยายที่นั่งเพิ่มเติมใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ประสบปัญหาในโครงการ

ในขณะที่บางทีมกลับไม่มีปัญหาในจุดนี้ เช่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สามารถ ขยายสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม จนมีความจุมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ในพรีเมียร์ลีก แม้แต่ตระกูลเกลเซอร์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เคยเพิ่มความจุโอลด์ แทรฟฟอร์ด รวมถึงปรับปรุงส่วนต่างๆมาแล้ว นับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการสโมสรในปี 2005

เพราฉะนั้นการเปลี่ยนสนามเดิมให้เพิ่มเติมไปด้วยสิ่งใหม่ๆ มักเป็นปัญหาไม่คุ้นเคยสำหรับเหล่ามหาเศรษฐี และคำถามนี้อาจเกิดขึ้นที่ เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ในอนาคตอันใกล้

 

กลายเป็นสโมสรลุ้นแชมป์ในทุกรายการ

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : หลังผ่านไป 10 ฤดูกาล

เชลซี ผงาดขึ้นมาคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 2 สมัยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาเป็นทีมแชมป์ทีมเดียวในศตวรรษที่ 21 ที่ไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ได้มาก่อนในศตวรรษที่ 20

แมนฯ ซิตี้ และ เปแอสเช ที่ต่างมีเจ้าของทีมจากกลุ่มทุนตะวันออกกลาง ต่างวางแผนโครงการผงาดเป็นเจ้ายุโรปมานานนับ 10 ปีแล้ว และตอนนี้พวกเขากลายเป็นตัวเต็งเบอร์ต้นๆในการลุ้นถ้วยบิ๊กเอียร์มาครองในหลายฤดูกาลที่ผ่านมา แถมเคยผ่านเข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ยังต้องตั้งตารอต่อไป

แต่นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อทุกอย่างในสโมสรลงตัว ทั้งหมดนี้อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับ นิวคาสเซิล ได้เช่นกัน เพียงแต่แฟนๆ ‘สาลิกาดง’ คงต้องอดทนรอจนกว่าทีมรักของพวกเขาจะก้าวไปถึงจุดนั้น

 

ทีมเยาวชนสร้างซุปตาร์, แข้งเสริมทัพยุคแรกกลายเป็นตำนานสโมสร

เกิดขึ้นเมื่อไหร่ : หลังผ่านไป 12 ฤดูกาล

โรมัน อับราโมวิช เข้าซื้อสโมสร เชลซี ในปี 2003 จากนั้นทีมก็ปลุกปั้นดาวรุ่งอย่าง แทมมี่ อับราฮัม, เมสัน เม้าท์ และ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย ขึ้นมาในช่วงระหว่างปี 2018-2020 ก่อนก้าวขึ้นเล่นชุดใหญ่อย่างเต็มตัว

ทางด้าน ซิตี้ ก็สร้าง ฟิล โฟเด้น ขึ้นมา ซึ่งถือเป็นนักเตะจากอคาเดมี่คนแรกที่ประสบความสำเร็จกับชุดใหญ่ในยุคปัจจุบัน ส่วน เปแอสเช แม้เคยสร้างนักเตะอย่าง คิงสลี่ย์ โกม็อง ขึ้นมา แต่ก็มีปัญหาในการดันขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในช่วงปีหลังๆ แต่ก็คาดว่าเหล่าดาวรุ่งไม่น้อยใน ปารีส จะก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ได้ภายในปี 2024 เป็นอย่างน้อย

เมื่อย้อนกลับไปถึงการเซ็นสัญญาช่วงแรกๆหลังการเทคโอเวอร์ของแต่ละสโมสร ทั้ง ปีเตอร์ เช็ก, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, แอชลี่ย์ โคล, ดาบิด ซิลบา, ยาย่า ตูเร่, เซร์คิโอ อเกวโร่, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ติอาโก้ ซิลวา และ มาร์โก แวร์รัตติ ทั้งหมดนี้ต่างกลายเป็นตำนานของทีมที่พวกเขาอยู่ไปแล้วเรียบร้อย

และบางทีเหล่าแข้งดังชุดแรกๆที่ย้ายมาเล่นให้ นิวคาสเซิล ต่อจากนี้ อาจกลายเป็นตำนานของ ‘สาลิกาดง’ ในอีก 10 ปีข้างหน้าก็เป็นได้

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทุ่มไม่อั้น! ย้อนรอยสโมสรตกถังข้าวสารเศรษฐีเทคโอเวอร์