สำคัญทั้งนั้น! 7 ตัวแปรลุ้นแชมป์ไทยลีก 2019

ฟุตบอลลีกสูงสุดของบ้านเราอย่าง ไทยลีก 1 ซีซั่น 2019 กำลังจะเปิดฉากขึ้นอีก 1 สัปดาห์ขข่างหน้า  สิ่งที่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือบรรดาทีมยักษ์ที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ในปีนี้อย่าง บุรีรมย์ ยูไนเต็ด, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และแบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งแต่ละทีมกำลังเดินหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่

 

โดยเฉพาะในเรื่องของการเสริมทีมทีาเรียกเสียงฮือฮาได้พอควรตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์ของยอดทีมเหล่านี้  ไม่ว่าจะเป็นในด้านของ ตัวกุนซือ, นักเตะตัวสำคัญของทีม รวมไปถึงอีกหนึ่งมิติใหม่อย่างการใช้ VAR แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งล้วนแล้วเป็นปัจจัยในการลุ้นแชมป์ทั้งสิ้น นอกจากที่กล่าวมานั่นจะมีอะไรอีกบ้าง วันนี้ Ufa Arena จะพาดูกันว่า 7 ตัวแปรที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์ไทยลีก 2019 มีอะไรกันอีกบ้าง ไปตามดูกันเลย

 

การเสริมทัพ แข้งบิ๊กเนมย้ายเพียบ

 

ปีนี้เป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่มีการเสริมทัพสำหรับเตรียมพร้อมลงประเดิมสนามในศึก ไทยลีก 2019 กันแบบชนิดที่เรียกเสียงฮือฮาได้ตั้งแต่ไก่โหเลยทีเดียว โดยเฉพาะการย้ายทีมของบรรดาแข้งบิ๊กเนมทั้งนักเตะไทยและต่างชาติ

 

เริ่มกันที่ทางฝั่งของ แบงค็อก ยูไนเต็ด ตัดสินใจดึง 3 นักเตะดีกรีทีมชาติไทย ชุดใหญ่ อย่าง ทริสตอง โด, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา และ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ รวมไปถึงคว้าดาวยิงตัวเก่ง เนลสัน โบนีญ่า เข้ามาเสริมทีมตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา นั่นทำให้พวกเขากลายเป็นอีกตัวเต็งที่ถูกจับตามองมากที่สุดทีมหนึ่งในฤดูกาลนี้ทันที

 

ขณะที่แชมป์เก่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพิ่งเสียนักเตะคนสำคัญ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต พวกเขาดึงตัว โมดิโบ ไมกา อดีตดาวยิง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เข้ามาแทนที่ แต่ก็คงต้องรอดูกันยาวๆว่า แข้งวัย 31 ปี รายนี้ จะโชว์ฟอร์มออกมาได้ดีพอสำหรับทัพ “ปราสาทสายฟ้า” หรือไม่ ในการป้องกันแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองไทย ฤดูกาลนี้

 

นักเตะโควต้าอาเซียน

 

หากพูดถึงเรื่องการเสริมทัพของบรรดาทีมลุ้นแชมป์ นักเตะโควต้าอาเซียนก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีส่วนสำคัญกับการลุ้นแชมป์ในปีนี้เช่นเดียวกัน

 

โดยเฉพาะอดีตแชมป์ไร้พ่ายอย่าง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สร้างกระแสได้พอสมควรกับการดึงนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ทั้ง อ่อง ธู ดาวยิงทีมชาติเมียร์มาร์ และ ดัง วาน ลัม นายทวารทีมชาติเวียดนาม ชุดแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2018 เข้ามาสู่ทีม ซึ่งน่าจะกลายมาเป็นกำลังสำคัญของทีมในการเบียดลุ้นแชมป์ซีซั่นแน่นอน

 

เช่นเดียวกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เลือกดึงตัว เลือง ซวน เชือง กองกลางหัวใจสำคัญของทัพ “มังกรทอง” เข้ามาเสริมแกร่ง ถือเป็นนักเตะที่มีดีกรีน่าสนใจแถมเคยลงเล่นในศึก เค ลีก เกาหลีใต้ มาแล้วอีกด้วย

 

นักเตะตัวหลักและดาวรุ่ง

 

แน่นอนแล้วว่าฤดูกาลนี้ เอสซีจี เมือทอง ยูไนเต็ด จะได้ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา กลับมาช่วยทีมไล่ล่าแชมป์ในปีนี้ ซึ่งน่าจะเพิ่มความอันตรายในแนวรุกให้กับ “กิเลนผยอง” ได้พอสมควร เมื่อเจ้าตัวจะได้ผสานงานร่วมกับบรรดานักเตะตัวหลักเดิมๆในทีมทั้งนักเตะไทยและต่างชาติ

 

ขณะที่ทางฝั่ง บุรีรมย์ ยูไนเต็ด การไม่มี ดิโอโก หลุยส์ ซานโต ทำให้พวกเขาถูกตั้งคำถามว่าทีมจะสามารถทำผลงานได้เหมือนหลายซีซั่นที่ผ่านมาหรือไม่ อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่า ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” คือหนึ่งในสโมสรที่มีเหล่าดาวรุ่งระดับแถวหน้าของบ้านเราอยู่หลายๆต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ศศลักษณ์ ไหประโคน, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, สุภโชค สารชาติ, รัตนากร ใหม่คามิ และ ศุภชัย ใจเด็ด ศูนย์หน้าวัยเพียง 20 ปี ที่ก้าวขึ้นไปเป็นแข้งตัวหลักของทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ได้เรียบร้อยแล้ว เชื่อเหลือเกินว่าพวกเขาเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการพายอดทีมแดนอีสานใต้เดินหน้าป้องกันแชมป์ลีกสูงสุดแดนสยามซีซั่นนี้อย่างแน่นอน

 

ขณะที่ขณะที่อีกหนึ่งทีมลุ้นแชมป์ แบงค็อก ยูไนเต็ด การเข้ามาของบรรดานักเตะหน้าใหม่หลายคนก็น่าจะทำให้พวกเขาแกร่งขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะในรายของดาวยิงตัวเก่ง เนลสัน โบนีญ่า ที่น่าจะโชว์ฟอร์มเก่งได้อย่างแน่นอนกับทีม “แข้งเทพ” และเขาจะเป็นหัวใจสำคัญสไหรับพาทีมลุ้นแชมป์สมัยแรกของสโมสรในปีแบบไม่ต้องสงสัย

 

กุนซือสมองเพรช

 

นอกจากเรื่องของนักเตะที่เราพูดถึงไปแบบครบถ้วนแล้ว ในส่วนของเฮ้ดโค้ชแต่ละทีมก็มีผลต่อการลุ้นแชมป์โดยตรงเช่นเดียวกัน ซึ่งในซีซั่นนี้ทั้ง บุรีรมย์ ยูไนเต็ด และ แบงค็อก ยูไนเต็ด ยังคงไว้ใจกุนซือคนเดิมอย่าง โบซิดาร์ บันโดวิช และ มาโน โพลกิ้ง ทำทีมต่อไป ซึ่งเราก็ค่อนข้างรู้จักฝีไม้ลายมือกันเป็นอย่างดีแล้ว จากผลงานหลายๆปีที่ผ่านมา

 

ข้ามฝากมาที่ทางฝั่งแจ้งวัฒนะ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเทรนเนอร์คนใหม่ของขุนพล “กิเลนผยอง” ทว่าเรายังไม่เคยเห็นเขาคุมทีมในระดับลุ้นแชมป์มาก่อน ดูแล้วน่าจะเป็นปัญหาสำหรับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อยู่พอสมควร อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็ถือเป็นหนึ่งในกุนซือที่ฝีไม้ลายมือดีคนหนึ่งในบ้านเรา เพราะฉนั้นคงต้องดูกันต่อไปว่าพอเสียงนกหวีดเกมแรกของฤดูนี้เริ่มต้นขึ้น ผลงานของ “โค้ชเบ๊” กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด จะออกมาดีพอสำหรับลุ้นแชมป์ในปีนี้ได้หรือไม่

 

การใช้ VAR แบบเต็มรูปแบบ

 

มีการยืนยันออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ศึก ไทยลีก 1 ซีซั่น 2019 จะมีการนำเอา VAR (Video assistant referee) มาใช้แบบเต็มรูปแบบครบทุกสนาม แน่นอนว่ามันจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับความถูกต้องในการตัดสินจังหวะสำคัญๆ เช่นการทำประตูหรือจังหวะที่มีผลต่อรูปเกมทั้ง การแจกใบแดง รวมไปถึงการให้ลูกจุดโทษ

 

นั่นจึงทำให้ VAR ที่จะนำมาใช้แบบเต็มรูปแบบในฤดูกาลนี้ น่าจะมีผลต่อการลุ้นแชมป์ของบรรดาทีมยักษ์ใหญไม่แพ้ตัวแปรอื่นๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดเลยทีเดียว

 

โปรแกรมการแข่งขัน

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่จะมีผลกับการลุ้นแชมป์แน่นนอนในปีนี้คือโปรแกรมการแข่งขัน โดยเฉพาะกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในช่วงต้นซีซั่น ที่พวกเขาต้องแบกรับภาระทั้งในลีก และฟุตบอลสโมสรเอเชีย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ถือเป็นงานที่หนักเอาเรื่องสำหรับพวกเขาพอสมควร

 

นอกจากนี้หากดูจากตารางที่ทาง AFC ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า ช่วงปลายซีซั่นของศึก ไทยลีก 2019 จะเป็นเวลาคาบเกี่ยวกับโปรแกรม ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย พอดิบพอดี โดยจะมีถึง 4 เกมของทีมชาติไทย ที่จะลงเล่นกันในเดือน กันยายน และ ตุลาคม โดยเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของลีกบ้านเราในเวลานั้นพอดี แน่นอนว่ามันจะส่งผลกับบรรดาทีมที่มีแกนหลักเป็นนักเตะทีมชาติ และอาจจะส่งผลโดยตรงกับการเบียดลุ้นแชมป์ช่วงท้ายฤดูกาลด้วย

 

แฟนบอล

 

มาถึงกันที่ปัจจัยสุดท้ายและน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด นั่นคือบรรดาแฟนบอลที่ค่อยสนับสนุนทีมและส่งเสียงเชียร์ให้เหล่านักเตะเดินหน้าเพื่อเก็บชัยชนะในแต่ละเกมให้ได้ นี่นป็นอีกส่วนสำคัญในการลุ้นแชมป์เช่นเดียวกัน

 

สำหรับทีมอย่าง บุรีรมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ถือเป็นสองทีมยักษ์ใหญ่ในบ้านเราและมีแฟนบอลค่อยตามเชียร์กันแบบหน่าแน่นตลอดหลายปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว ขณะที่

 

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี คืออีกสองทีมม้ามืดที่น่าจะได้ประโยชน์จากเสียงของแฟนบอลยามที่พวกเขาได้ลงเล่นในบ้านไม่แพ้ทีมอื่นๆ ทั้งสองสโมสรเริ่มมีฐานแฟนบอลเพิ่มมากขึ้นในช่วงหลายปีผ่านมา ซึ่งแฟนบอลเหล่านี้คงหวังเล็กๆที่จะเห็นทีมของพวกเขาจะมีโอกาสก้าวไปถึงแชมป์ไทยลีก ในซีซั่นนี้ให้ได้เช่นเดียวกัน