แม้ปลอดภัยพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่แฟนบอลหลายคนก็ยังพูดถึงเหตุการณ์หมดสติล้มฟุบคาสนามของ คริสเตียน อีริคเซ่น อยู่เรื่อยๆ
กองกลางทีมชาติเดนมาร์ก ล้มฟุบคาสนามในช่วงปลายครึ่งแรกเกมที่แพ้ ฟินแลนด์ 0-1 เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งแพทย์ต้องใช้เวลายื้อชีวิตอยู่พักใหญ่ ก่อนถูกหามลงเปลออกจากสนาม เพื่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในโคเปนเฮเก้นต่อไป
แม้ตอนนี้ อีริคเซ่น ได้รับอนุญาตจากคุณหมอให้สามารถกลับไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านได้แล้ว แต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้กระตุ้นให้เกิดการอภิปรายทั่วโลกในกีฬานี้ ไม่เพียงแต่เหตุการณ์จะเน้นไปที่ความเป็นไปได้ของบางสิ่งเช่นนี้ที่เกิดขึ้นกับคนหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังมีการถกเถียงกันว่าเราจะป้องกันสิ่งนี้อีกครั้งในอนาคตได้อย่างไร, ควรจัดการกับภาวะหัวใจหยุดเต้นได้อย่างไร ทั้งในด้านบวกและด้านลบ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ในสนามและเพื่อนร่วมทีม ไปจนถึงยูฟ่าเอง
กีฬาลูกหนังควรได้รับการปรับปรุงทั้งเรื่องในและนอกสนาม เพื่อเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ของ อีริคเซ่น ที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง และเพื่อสิ่งเหล่านั้น UFA ARENA จึงเผย 5 สิ่งที่หลายฝ่ายได้เรียนรู้จากสถาณการณ์นี้
ไม่ใช่เเค่ อีริคเซ่น ในอดีตเคยมีนักเตะที่เฉียดตายมาเเล้วเช่นกัน
กฏเกี่ยวกับการเลื่อนแข่ง
สิ่งที่ตามมาจากการเลื่อนการแข่งขันระหว่าง เดนมาร์ก กับ ฟินแลนด์นั้นสร้างความสับสนและทำให้ไม่สบายใจ สำหรับหลาย ๆ คน มีข่าวเข้ามาว่าอาจแข่งใหม่ในวันต่อมา แต่สุดท้ายผู้เล่นก็ที่ต้องการเตะกันในจบเกม
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นมีการพูดคุยกันว่ายูฟ่าได้เสนอ 2 ตัวเลือกสำหรับการเล่นในช่วงเวลาที่เหลือ นั่นก็คือลงเล่นต่อทันที กับ ลงเล่นในเย็นของวันต่อมา และหากเดนมาร์กไม่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง พวกเขาจะถูกปรับแพ้ 3-0 ซึ่ง แข้ง ‘โคนม’ เลือกข้อแรก
ด้วยความผิดพลาดที่ไม่เคยมีมาก่อนจากแคสเปอร์ ชไมเคิ่ล จนกลายเป็นประตูชัยของ ฟินแลนด์,การพลาดจุดโทษของ ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก และฟอร์มการเล่นที่ช็อตลงดื้อๆ หลังอุบัติเหตุครั้งนั้น ไม่แปลกที่แข้งเดนส์ในสนามดูเหมือนว่าจิตใจของพวกเขาไม่ได้อยู่ในเกมเต็มร้อย
แน่นอนว่า ยูฟ่า ทำตามกฏและมาตรการที่ระบุไว้ แต่กฏดังกล่าวต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งในตอนนี้ หลังมีเสียงวิจารณ์ว่า เรื่องโควิด-19 กลับได้รับการผ่อนปรนมากกว่าชีวิตนักเตะ เนื่องจากมีกฏระบุว่า หากมีโควิดสามารถเลื่อนแข่งได้ภายใน 48 ชั่วโมง
ยูฟ่าจึง จำเป็นต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหากเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจเช่นนี้ และการยกเลิกการแข่งขันในทันทีก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมเท่าไหร่นัก
ศึกษาว่านักเตะลงเล่นมากเกินไปหรือไม่
ประเด็นเวลาลงเล่นของ อีริคเซ่น จะได้รับความสนใจจากโซเชียลมีเดียหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากฤดูกาลก่อนที่เต็มไปด้วยการแข่งขันที่หนักหน่วงภายในเวลาที่กระชั้นชิด เขาลงเล่นให้ทั้ง อินเตอร์ มิลาน ในเซเรียอา และ ยูโรครั้งนี้กับ ทีมชาติเดนมาร์ก ซึ่งคำถามก็คือเขาใช้เวลากับฟุตบอลมากเกินไปหรือเปล่า
นั่นควรให้ผู้เชี่ยวชาญตัดสินใจ และเป็นสิ่งยูฟ่ายังติดค้างในการให้คำตอบให้ผู้เล่นและแฟนบอลได้รับรู้ในเรื่องนี้
มีการแข่งขันเกิดขึ้นมากกว่าเดิมและบางทีอาจเป็นการเล่นฟุตบอลมากกว่าที่ร่างกายมนุษย์จะรับไหว ซึ่ง ยูฟ่า ต้องมีความรับผิดชอบว่าจะไม่สร้างอันตรายให้กับชีวิตของผู้เล่น อย่างน้อยที่สุดที่พวกเขาทำได้คือให้คำตอบที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ และในโลกหลังซูเปอร์ลีก การสร้างระดับความไว้วางใจกับผู้เล่นที่เข้าร่วมในการแข่งขันของคุณก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
แผนรับมือสถานกาณณ์ของผู้ถ่ายทอดสดในอนาคต
ผู้แพร่ภาพกระจายเสียงในต่างประเทศก็ถูกตั้งคำถามเช่นกันหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำไมกล้องถึงโฟกัสที่ตัวผู้เล่นเอง? ทำไมต้องซูมกล้องให้เห็นภรรยาของ อีริคเซ่น ที่กำลังทุกข์ใจอยู่ด้วย? หรือทำไมผู้เล่นเดนมาร์กจึงต้องสร้างวงกลมนี้ไว้รอบ ๆ เพื่อนร่วมทีมเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของเขา?
ยูฟ่าจัดการการออกอากาศหลัก จากนั้นจึงส่งไปยังผู้ซื้อลิขสิทธิ์ทั่วโลก แต่ถึงกระนั้น เมื่อพิจารณาจากความรวดเร็วในตัดภาพเหตุการณ์ที่ไม่ชวนมองหรือผู้บุกรุกสนามของผู้ถ่ายทอดสดแล้ว การรีเพลย์การบาดเจ็บที่รุนแรงและอันตรายหลายๆ ครั้ง ก็เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน
ภาพถ่ายทอดสดควรซูมออกมาจากเหตุการณ์นั้น หรือไม่ก็ตัดเข้าสตูดิโอหากเป็นไปได้ว่ามีแนวโน้มว่าจะทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่สบายใจ และทีมถ่ายทอดสดควรได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีจัดการกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจขณะถ่ายทอดสดการแข่งขัน และต้องมีแผนฉุกเฉินที่ดีกว่าสำหรับสิ่งนี้ในภายภาคหน้า
ปั๊มหัวใจไม่ใช่เรื่องไกลตัว
CPR หรือการปั้มหัวใจ เป็นทักษะที่ทุกคนควรเรียนรู้ นอกจากนี้ยังมีคำถามว่ามีสโมสรฟุตบอลกี่แห่งที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจอยู่ทั่วประเทศ ทีมใหญ่อาจมีไว้อยู่แล้ว แต่ทีมที่เล็กกว่านั้นล่ะ พวกเขามีเงินมากพอซื้อมาเผื่อเหตุฉุกเฉินหรือไม่ ดังนั้นสมาคมฟุตบอลในแต่ละประเทศควรต้องให้การช่วยเหลือในด้านนี้ด้วย
ไคลฟ์ ไทล์สลี่ย์ นักพากษ์ชื่อดังจากอังกฤษ ได้คุยเรื่องนี้กับ เกล็น ฮ็อดเดิ่ล ผู้มีอาการหัวใจวายเมื่อ 3 ปีที่แล้วว่า เขาและภรรยาได้เรียนวิธีการ CPR และคุณค่าของสิ่งนี้กับการช่วยชีวิตผู้คน ทำให้พวกเขาพร้อมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่แย่ที่สุด และเป็นสิ่งที่นักฟุตบอล หรือแฟนบอลควรเรียนรู้เอาไว้
โชคดีที่ อีริคเซ่น ปลอดภัย แต่ไม่ควรมีใครต้องพบกับสภาวะหัวใจหยุดเต้นในสนามอีก หรือแม้แฟนบอลบนอัฒจันทร์ หรือทุกๆ ที่ในประเทศก็ตาม
ยกย่องผู้ที่ช่วยชีวิตอีริคเซ่น
ท่ามกลางความหวาดหวั่นและวิตกกังวล เหตุการณ์การล้มวูบคาสนามของ คริสเตียน อีริคเซ่น ยังแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ดีที่สุดของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง
ทีมแพทย์ของ เดนมาร์ก ปรี่เข้ามาช่วยชีวิต 1 ในนักเตะของพวกเขาด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ ขณะที่ ซิมง เคียร์ กัปตันทีม ‘โคนม’ เป็นคนแรกๆ ที่เข้าไปปฐมพยาบาล ก่อนเคลียร์พื้นที่พร้อมสั่งเพื่อนร่วมทีมล้อมวงบังดาวเตะ ‘งูใหญ่’ จนแพทย์สามารถยื้อชีวิตของ อีริคเซ่น เอาไว้ได้
เนื่องจากนัดชิงชนะเลิศถูกกำหนดให้จัดขึ้น ณ เวมบลี่ย์ สนามที่ อีริคเซ่น เคยเล่นบ่อยครั้งช่วงที่ค้าแข้งกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มันจึงสมควรยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่ช่วยชีวิตเขาให้ได้รับเกียรติจากยูฟ่า มันคงเป็นการสรรเสริญที่เหมาะสมกับการกระทำของทั้งทีมแพทย์ และ เคียร์ ในวันนั้น เท่าที่ผู้จัดการแข่งขันจะทำได้หลังจากนี้
