StayForHome! 10 การ์ตูนลูกหนังสุดมันส์ฆ่าเวลาโควิด

ชั่วโมงนี้เห็นกระแส “ไลฟ์โค้ช” กำลังร้อนแรง หลายกูรูออกมาแนะนำวิธีรับมือกับโควิด-19 โดยเฉพาะการหาอาชีพเสริมหรือกิจกรรมพิเศษยามว่าง

 

คนที่พอประคองตัวได้ เรามักจะเห็นชาลเลนจ์ต่างๆ ผ่านสื่อโซเชี่ยล ไม่ว่าจะเป็นแด๊นซ์ในแอพติ๊กต๊อก การแนะนำหนัง, ซีรี่ส์ หรือ หนังสือ เพื่อเป็นการผ่อนคลายในช่วงวิกฤติเชื้อร้าย

 

สำหรับคอลูกหนังอย่างเราๆ นอกจากดูไลฟ์สดแมตช์คลาสสิกที่มีให้เห็นอยู่เกลื่อนในเวลานี้ ทีมงาน ยูฟ่าอารีน่า ก็มีเรื่องที่อยากแนะนำเช่นกัน และเชื่อว่าน่าจะเป็นการย้อนวัยของใครหลายคนเลยด้วย

 

การ์ตูนฟุตบอลญี่ปุ่น คือแรงบันดาลใจที่ทำให้ใครหลายๆ คนหันมาหลงรักกีฬาลูกกลมๆ ที่สำคัญมันมีหลายเรื่องที่ขึ้นหิ้งระดับตำนาน และอยู่ในความทรงจำของเด็กผู้ชายไทยแทบทุกรุ่นทุกวัย

 

โดยเฉพาะ 10 เรื่องต่อไปนี้ ที่เอ่ยชื่อมาต้องร้อง “อ่อ” กันหมด ใครสามารถหาอ่านได้ในเวลานี้ บอกเลยที่แหละตัวฆ่าเวลาชั้นเยี่ยมเลย

1.Captain Tsubasa : กัปตันสึบาสะ

 

สุดยอดการ์ตูนฟุตบอลระดับตำนาน ที่ดังกระหึ่มไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ถึงขนาดนักฟุตบอลดังหลายคนยังยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูนเรื่องนี้ จนประสบความสำเร็จในชีวิต

 

โดยเรื่องราวภาคหลักเป็นการแข่งขันระดับโรงเรียนที่ โอโซระ สึบาสะ เจ้าของวลี “ฟุตบอลคือเพื่อน” ต้องพานันคัตสึ ฝ่าฝันคว้าแชมป์อยู่หลายสมัย ก่อนจะปิดภาคแรกด้วยการตะลุยฟุตบอลยุวชนโลกซึ่ง ญี่ปุ่น ก็เบียดชนะ เยอรมัน ไปแบบสุดมันส์

 

หลังจากนั้นมีต่ออีกหลายภาคโดยเฉพาะภาคเยาวชนโลกที่สนุกมากๆ สึบาสะ ที่ไปเล่นอาชีพกับ เซา เปาโล ต้องชิงชนะเลิศกับ บราซิล ที่มี โรแบร์โต้ ฮอนโก้ ครูลูกหนังของเขาคุมทีม ซึ่งสุดท้ายด้วยสกิลพระเอกขุนพล “ซามูไร” ก็ชนะไปตามระเบียบ

 

สำหรับตัวผู้เขียนอยากแนะนำแค่จบภาคเยาวชน เพราะหลังจากนั้นมันดูเลอะเทอะ การอ้างอิงชื่อนักฟุตบอลจริงมาเอี่ยวแต่ต้องเรียกให้เพี้ยนเพื่อเลี่ยงลิขสิทธิ์ ความเว่อร์ของพระเอกที่เกินขอบเขต ทำให้ความสนุกมันลดลงไปเยอะเลย

2.VIVA Calcio : วีว่า กัลโช่

 

การ์ตูนเรื่องนี้ถูกเขียนระหว่างปี 1993-2000 มีทั้งหมด 20 เล่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี กลายเป็นลีกเบอร์หนึ่งของโลกเพราะเต็มไปด้วยสตาร์ดังมากมาย ที่สำคัญมีนักเตะญี่ปุ่นที่ชื่อ คาซูโยชิ มิอูระ (คิงคาซู) ไปค้าแข้งกับ เจนัว พอดิบพอดี

 

เรื่องราวสุดมหัศจรรย์ของ โย ชิอินะ (ชีน่า) เด็กหนุ่มผู้มั่นใจในพรสวรรค์ของตัวเองไปเสี่ยงตายเอาดาบหน้าหวังเป็นนักเตะอาชีพในลีกอิตาลี แม้จะพลาดหวังจาก เอซี มิลาน แต่ก็ยังมีดวงได้ค้าแข้งกับ ฟิออเรนติน่า

 

ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้มีการอ้างอิงนักเตะที่มีอยู่จริงทั้งหมดอาทิเช่น รุย คอสต้า, กาเบรียล บาติสตูต้า, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ และ โรแบร์โต้ บัจโจ้ ที่เป็นคู่ปรับตัวฉกาจของพระเอก

 

งานนี้ด้วยความเก่งแบบเว่อร์วังของ โย ชีน่า บวกกับลายเส้นที่สวยงาม ฉากแอ็กชั่นในสนามที่ดูสมจริง ทำให้เรื่องนี้ครองใจผู้อ่านได้อย่างไม่ยากเย็น

3.YATAGARASU : ราชันย์ลูกหนัง

 

YATAGARASU เป็นอีกหนึ่งผลงานของอาจารย์ ไอฮาระ สึคาสะ ผู้เขียน วีว่า กัลโช่ ทว่าสเกลเรื่องนี้ถูกย่อให้เล็กลงเป็นเพียงการแข่งขันระดับสโมสรเยาวชนในญี่ปุ่นเท่านั้น

 

โมงิ ทาจิมะ มาตามสไตล์พระเอกพรสวรรค์สูง จากคนเตะบอลไม่เป็นเลย แต่ด้วยร่างกายที่เหนือกว่าคนทั่วไปทำให้พัฒนาฝีเท้าอย่างก้าวกระโดด โดยมีคู่หูอย่าง โมริมูระ วาตารุ เป็นแรงผลักดันซึ่งกันและกัน

 

ตลอด 26 เล่มในการ์ตูนเรื่องนี้ คุณจะได้รู้จักระบบเยาวชนฟุตบอลของญี่ปุ่น ที่มีการคัดทีมตัวแทนเขต ตัวแทนจังหวัด จาก มัธยมต้น จนถึงมัธยมปลาย และสุดท้ายพระเอกกับคู่หูก็จบด้วยการติดทีมชาติญี่ปุ่นไปอีกเรื่อง

4.Fantasista : มหัศจรรย์สิงห์นักเตะ

 

แฟนตาซิสต้า เป็นการ์ตูนที่ไม่ต่างจากหลายๆ เรื่อง เพราะมีจุดเริ่มต้นมาจากฟุตบอลระดับนักเรียน โดยมี ซาคาโมโต้ เทปเป้ ตัวเอกของเรื่องที่มีฝีเท้ามหัศจรรย์แต่ไม่รู้จักการเล่นเป็นทีม จนกระทั่งย้ายมาอยู่โรงเรียนที่พี่สาวของตัวเองเป็นโค้ชฟุตบอลอยู่

 

จากบอลระดับโรงเรียน ไปสู่การก้าวติดทีมชาติญี่ปุ่น ระดับเยาวชน ลงเล่นในศึกสี่เส้าที่มีอิตาลี มาแข่งขันด้วย สุดท้ายฟอร์มเตะตาถูกเอซี มิลาน ถูกดึงไปร่วมทีม ก่อนปิดท้ายด้วยการพาทีม “ซามูไรบลูส์” ลุยศึกฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ โดยมีการผูกเรื่องราวเป็นอย่างดี อิตาลี คู่ปรับเก่าที่นำทีมโดย มัลโค่ คุโอเร่ สุดยอดแฟนตาซิสต้าคือด่านสุดท้ายในเกมนัดชิง

 

เรื่องนี้มีในมุมแฟนบอลไทยถูกนำไปเปรียบเทียบกับเรื่องราวของ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ไปค้าแข้งกับคอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ ด้วย เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน ทั้งสีเสื้อสโมสรที่เป็นลายทางแดง-ดำ หมายเลขเสื้อเบอร์ 18 ตำแหน่งการเล่น และสรีระที่เป็นคนตัวเล็กเหมือนกัน

5.Whistle! : ไอ้หนูแข้งทอง

 

Whistle คือเรื่องโปรดของผู้เขียนเลยก็ว่าได้ เพราะนี่คือการ์ตูนที่สอนให้เห็นว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น” ได้แบบเห็นภาพได้ดีที่สุดแล้ว

 

คาซามัตซึริ โช นักฟุตบอลร่างจิ๋วที่เป็นแค่ส่วนเกินในโรงเรียนมุุซาชิโนะโมริ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านฟุตบอล ตัดสินใจไปหาโอกาสกับทีมที่เล็กกว่า แม้จะโดนปรามาส และมักจะเสียเปรียบรูปร่างคู่แข่งอยู่เสมอ แต่เจ้าตัวก็อาศัยใจสู้ฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ตลอด

 

ความมันส์ของเรื่องค่อยๆ ทวีคูณหลัง โช ถูกคัดเลือกให้ไปติดทีมจังหวัดโตเกียว ที่ต้องไปเก็บตัวฝึกซ้อมและแข่งทัวร์นาเมนต์กับจังหวัดอื่นๆ ซึ่งตอบท้ายของเรื่องถือว่า “พลิก” ไปจากการ์ตูนฟุตบอลเรื่องอื่นๆ ซึ่งคุณต้องไปอ่านเองว่าผู้เขียนนั้นใจร้ายกับพระเอกของเราแค่ไหน

6.เอ้า ชู้ต! : shoot!

 

อดีตการ์ตูนดังที่ถูกนำมาฉายผ่านช่อง 9 เมื่อหลายปีก่อน โดยเนื้อหาหลักๆ จะมีซีนเด่นๆ อยู่ 2 จุดใหญ่ๆ ก็คือเรื่องราวของ คุโบ โยชิฮารุ อัจฉริยะด้านฟุตบอลของวงการญี่ปุ่น ที่ตั้งใจจะพา คาเคงาวะ ทีมโรงเรียนเข้าสู่ระดับประเทศให้ได้ แต่สุดท้ายมาเสียชีวิตในสนามจากช็อตยิงประตูที่ตราตรึงคนดูแบบสุดๆ

 

ส่วนอีกจุดคือเรื่องราวของ 3 ผสานคาเคนิชิ ที่มี ทานากะ โทชิฮิโกะ, คาซึฮิโร่ ฮิรามัทซึ และ ชู เคนจิ ที่เข้ามาสานฝันของ คุโบ ในทีมคาเคงาวะประสบความสำเร็จ จนกระทั่งก้าวไปติดทีมชาติญี่ปุ่น

 

จริงๆ เอ้า ชู้ต! มีภาคแยกต่อไปอีก 3 ภาคใหญ่กับอีก 1 ตอนพิเศษของ คุโบ ซึ่งใครเป็นแฟนพันธ์แท้ของเรื่องนี้บอกเลยห้ามพลาดเลยแม้แต่ภาคเดียว สนุกหมดครับผม

7.ORANGE : นักเตะพันธุ์เลือดสีส้ม

 

อย่างที่เรารู้กันว่าการ์ตูนฟุตบอลญี่ปุ่น ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในวงการฟุตบอลอย่างมากมาย อย่างเรื่อง “ORANGE พันธุ์เตะเลือดสีส้ม” ก็เป็นที่มาที่ทำให้ มิตติ ติยะไพรัช อดีตประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ก่อตั้งสโมสรพร้อมใช้สีส้มเป็นสัญลักษณ์

 

ความพิเศษของเรื่องนี้คือการดิ้นรนของสโมสรนันโยะ ทีมฟุตบอลเล็กๆ ในจังหวะเอฮิเมะ ที่มีปัญหาการเงิน แถมประธานสโมสรก็มาเสียชีวิต และที่สำคัญยังโดนผู้ว่าการเมืองนันโยะ ไฟต์บังคับให้ขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 ไม่งั้นจะถูกยุบสโมสร

 

ทำให้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทั้งประธานที่เป็นเด็กมัธยม และนักเตะในทีม ที่ไม่ต้องการให้ทีมถูกยุบ ซึ่งเรื่องนี้มีผลต่อสโมสร เอฮิเมะ เอฟซี ในญี่ปุ่นของจริงด้วย ที่ตัดสินใจเปลี่ยนสีสโมสรมาเป็นสีส้ม และผู้เขียนการ์ตูน ก็ยังเป็นคนออกแบบมาสค็อตให้กับทีมที่ยังใช้มาจนถึงปัจจุบัน

8.ITTO : อิตโต้ นักเตะเลือดกังฟู

 

เป็นการ์ตูนฟุตบอลที่ฉีกตำราจากเรื่องอื่นๆ ไปแบบไม่ไว้หน้า เพราะ อิตโต้ เป็นการ์ตูนฟุตบอลนักเลง ที่กว่าจะเตะได้แต่ละแมตช์ต้องมีเรื่องราวทะเลาะวิวาทมาเกี่ยวพันอยู่เสมอ

 

โดยทักษะของพระเอกอย่าง อิตโต้ ก็ไม่ธรรมดา มีการประยุกต์เอาคาราเต้มาผสมโรง ทำให้หลายๆ ฉาก หลายๆ ช็อตมีความแปลกประหลาด ดูแล้วร้อง ว้าว หรือขำกับมุกที่ผู้เขียนสอดแทรกได้อยู่เสมอ

 

จากความสำเร็จของ เซงะ ที่ อิตโต้ ผสานงานร่วมกับคู่หู ยูระ คาซึมะ ในระดับมัธยมต้น พวกเขามีภาคต่อของมัธยมปลายด้วย งานนี้ อิตโต้ ต้องไปอยู่โรงเรียนอื่น แต่ความป่วน ความฮา ความสนุก ไม่ได้น้อยหน้าภาคแรกเลย

9.เจดรีม : ทะยานสู่ฝัน

 

เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนระดับตำนานที่หากต้องไล่ลำดับยังไงต้องติดโผมาแน่ สำหรับ เจดรีม คือการ์ตูนไตรภาค ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ อาคาโบชิ ทากะ นักเตะกองกลางวัย 16 ปี ที่มีจุดเด่นจากการสวมเสื้อหมายเลข 0

 

โดยการ์ตูน เรื่องนี้มีครบทุกรสชาติของแรงบันดาลใจ ภาคแรก “ฝันสู่ระดับชาติ” พูดถึงเรื่องราวระดับสโมสร การก่อตั้งเจลีก ในปี 1993 ส่วนภาค 2 ก็ตามตำราเกี่ยวกับฟุตบอลระดับเยาวชนโลก ที่ได้ ทากะ มาช่วยทีมจนคว้าแชมป์

 

ขณะที่ภาค 3 “เมื่อฝันถึงจุดหมาย” เป็นเรื่องราวการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น ลงเล่นรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก จนสุดท้ายทำตามฝันไปเล่นรอบสุดท้ายที่ ฝรั่งเศส ในปี 1998 ได้สำเร็จ

10.Giant Killing : ทีมไหนไม่ว่า ข้าต้องชนะ

 

เรื่องราวของ ไจแอนท์ คิลลิ่ง อารมณ์คล้ายๆ กับ ออเร้นจ์ นักเตะพันธ์เลือดสีส้มอยู่นิดๆ เพราะเป็นสตอรี่ของทีม อีสต์ เกียวโต ยูไนเต็ด ที่มีผลงานย่ำแย่ ไม่มีสปอนเซอร์หนุนทีม และแฟนบอลก็ไม่ให้การสนับสนุน แถมโค้ชก็มาชิ่งหนี

 

สุดท้ายต้องหาโค้ชใหม่ก่อนไปได้ ทัตสึมิ ทาเคชิ อดีตนักเตะของ ETU ซึ่งผันตัวมาเป็นโค้ชอยู่ต่างแดนและมีฉายาว่าจอมล้มยักษ์เข้ามากู้วิกฤติของทีม

 

การ์ตูนเรื่องนี้ได้การยอมรับอย่่างมาก ถึงขนาดเคยโดนนำไปเป็นโปสเตอร์บอลชิงถ้วยสมเด็จพระจักรพรรดิ์ญี่ปุ่น (Emperor Cup) ครั้งที่ 95 พร้อมกับคำบรรยายภาพรายการด้วยคำว่า “Giant killing” ปลุกความเป็นแจ็คผู้สยบยักษ์ มาแล้ว