สืบประวัติแข้งใหม่ : เซบาสเตียน อาลแลร์ ว่าที่เพชรฆาตขุนค้อน

 

อินทรีแดง-ดำ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจมากในฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งในบุนเดสลีก้าและบอลยุโรปถ้วยเล็กอย่าง ยูโรป้า ลีก โดยมีดาวเด่นประจำทีมอย่าง ลูก้า โยวิช หัวหอกชาวเซิร์บ ที่ย้ายไปเรอัล มาดริด เรียบร้อย แต่ก็ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในแดนหน้า

 

เซบาสเตียน อาลแลร์ กองหน้าจอมแกร่งคู่หูของ โยวิช ต่างทำผลงานได้เจ๋งไม่แพ้กันในปีที่ผ่านมา ที่สำคัญในฤดูกาล 2018-19 เขาเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมกับประตูมากที่สุดในทีม ที่แม้แต่ตัว โยวิช ก็เทียบไม่ได้

 

ภายใต้การคุมทีมของ อาดี้ ฮุตเตอร์ เขาพาอินทรีแดงดำประกาศศักดิ์ดาในฟุตบอลยุโรปด้วยการทะลุไปถึงรอบตัดเชือกอย่างยอดเยี่ยม และเกือบพาทีมไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ หลังจบอันดับ 7 ห่างจากอันดับ 4 แค่ 4 แต้มเท่านั้น

 

ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณการมีส่วนร่วมในพื้นที่สุดท้ายของ อาลแลร์ หลังตัวเขามีส่วนเกี่ยวกับข้องกับประตูที่ทีมทำได้ในลีกเมืองเบียร์ฤดูกาลที่แล้วถึง 40 เปอร์เซนต์ (15 ลูก, 9 แอสซิสต์) แม้ว่าจะลงเล่นเป็นตัวจริงแค่ 23 นัดท่านั้น

 

และล่าสุด ดูเหมือนว่าหนึ่งในทีมสุดแกร่งแห่งบุนเดสลีก้า น่าจะเสียกองหน้าชาวฝรั่งเศส ตามหลัง ลูก้า โยวิช ไปติดๆ หลังมีรายงานจากแดนผู้ดีว่า สโมสรบรรลุข้อตกลงกับเวสต์แฮมได้แล้วด้วยค่าตัวกว่า 45 ล้านปอนด์ 

 

แต่เชื่อว่าแฟนบอลพรีเมียร์ลีกหลายคนน่าจะไม่รู้จักกับแข้งวัย 25 ปีรายนี้เท่าไหร่ ทาง UFA ARENA จึงขออาสาพาทุกท่านไปรู้จักว่าที่หัวหอกคนใหม่ในถิ่นโอลิมปิก สเตเดี้ยม กัน 

 

 

ตัวใหญ่แต่ไม่เทอะทะ

 

 

ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ถึง 6 ฟุต 3 นิ้ว (หรือราวๆ 190 เซนติเมตร) ทำให้ อาลแลร์มีลักษณะคล้ายคลึงกับกองหน้าในยุคโบราณที่เน้นใช้ร่างกายปะทะกับกองหลังคู่แข่ง และคอยจู่โจมจากลูกกลางอากาศ ดูๆไปรูปร่างของเขาอาจคล้ายกับการเป็นนักรักบี้มากกว่ากองหน้า แต่ถึงอย่างนั้น ยามที่ได้ลงเล่นในสนามจริงๆ เขาแสเดงให้เห็นชัดเจนว่าสามารถใช้เท้ากับบอลได้ดีแค่ไหน

 

สายตาเฉียบคมในการทำประตู, พลังกำลัง และ ความสามารถในการเชื่อมเกมกับเพื่อนร่วมทีม ทำให้อาลแลร์จัดเป็นกองหน้าสุดครบเครื่องคนหนึ่ง ที่สามารถสร้างโอกาสในเพื่อนร่วมทีมยิงประตูได้ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถหาช่องว่างในการทำประตูได้อย่างถูกที่ถูกเวลา

 

การครอบครองบอลของอาลแลร์ก็ไม่เป็นสองรองใคร และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ โยวิช เปล่งประกายในถิ่น คอมเมิร์ซ แบงค์ อารีน่า เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยหัวหอกเลือดน้ำหอมแอสซิสต์ถลวายพานให้คู่หูชาวเซิร์บถึง 5 ครั้งด้วยกัน

 

บวกกับที่เขาสามารถยิงประตูได้ดีทั้ง 2 เท้า ทำให้ อาลแลร์ มีส่วนคล้ายกับกองหน้าระดับตำนานของยูเวนตุสอย่าง ดาวิด เทรเซเก้ต์ ไม่น้อย แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จเทียบเท่ารุ่นพี่ในทีมชาติก็ตาม 

 

 

ฉายแววนอกบ้านเกิด

 

 

ฮาลแลร์ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ โอแซร์ ด้วยวัยเพียงฤดูกาล 17 ปี เมื่อฤดูกาล 2012-13 โดยได้ลงสนามไปทั้งหมด 18 นัด แต่ส่งบอลเข้าก้นตาข่ายแค่ 2 ลูกเท่านั้น

 

ในฤดูกาลต่อมา เขาได้โอกาสลงสนามในถิ่น สต๊าด เดอ แลบเบ้ เดส์ชองส์ มากขึ้น โดยลงไปถึง 28 นัด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังทำประตูได้ไม่มากเท่าไหร่ แค่ 6 ลูกเท่านั้นในทุกรายการ ทำให้เขาตัดสินใจย้ายออกมาค้าในนอกบ้านเกิดเป็นครั้งแรก

 

ซึ่งในปีแรกกับ อูเทร็คท์ หัวหอกชาวฝรั่งเศสก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แม้เป็นการยืมตัว โดยยิงไปถึง 11 ประตูจากกลงเล่นแค่ 17 นัด ในเอเรดิวิซี่ ก่อนที่สโมสรจากฮอลแลนด์จะคว้าตัวอาลแลร์มาร่วมทีมแบบถาวร

 

และในสนาม สตาดิโอน กัลเก่นวาร์ด ภายใต้การดูแลของ เอริค เตน ฮาก ที่เป็นกุนซือของอาแจ็กซ์คนปัจจุบัน ช่วยทำให้อาลแลร์พัฒนาฝีเท้าขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว จนหลายๆทีมในยุโรปเริ่มให้ความสนใจในตัวเขาไม่น้อย

 

ตลอดเวลา 2 ปีในดินแดนกังหันลม เขายิงประตูไปทั้งสิ้น 40 ลูก จากการลงเล่น 81 นัด ตั้งแต่ฤดูกาล 2015-16 และ ฤดูกาล 2016-17 ช่วยให้อูเทร็คท์เข้าชิง ดัชต์ คัพในปี 2016 และคว้ารางวัล ดิ ทอมมาโซ่ ซึ่งเป็นรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของอูเทร็คท์ในปี 2015 ส่งผลให้เขาได้ย้ายไปร่วมทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ในซัมเมอร์ปี 2017 

 

 

แจ้งเกิดเต็มตัวกับอินทรีแดง-ดำ

 

 

หลายคนในเมืองแฟรงเฟิร์ตต่างสงสัยและข้องใจกับการมาของหัวหอกคนใหม่ในทีมรัก แต่ตัวอาลแลร์ก็กลบเสียงวิจารณ์เหล่านั้นไปเงียบสนิท หลังยิงประตูได้ 9 ลูกจากทุกรายการ ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของบุนเดสลีก้า 2017-18

 

 อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาอันสวยงามกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเขาประสบปัญหาฟอร์มฝืดและยิงได้แค่ 3 ประตูนับตั้งแต่หลังช่วงพักเบรกหน้าหนาวเป็นต้นมา ท้ายที่สุดแฟรงเฟิร์ตจบอันดับ 8 ในลีก พร้อมกับข่าวลือว่าอาลแลร์อาจแยกทางกับสโมสรในซัมเมอร์ต่อมา

 

แต่หากมองกันให้ดีๆ อาลแลร์ได้รับการยกย่องและชื่นชมจากกูรูลูกหนังเป็นอย่างมากในปีแรก หลังช่วยให้อินทรีแดง-ดำเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคได้ในนัดชิง เดเอฟเบ โพคาล พร้อมกับคว้ารางวัลประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลในนัดที่กระโดดเอี่ยวตัววอลเลย์สุดสวยใส่ สตุ๊ตการ์ท ซึ่งเป็นประตูชัยของทีมในนาทีสุดท้ายด้วย

 

จากนั้นในซัมเมอร์ปี 2018 สโมสรได้แต่งตั้ง อาดี้ ฮุตเตอร์ ซึ่งเขาเป็นคนรั้งตัวอาลแลร์ให้อยู่กับทีมต่อไป ก่อนจะช่วยพัฒนาให้เขากลายเป็นตัวสำคัญในแนวรุกของทีมร่วมกับ โยวิช และ อันเต้ เรบิช จนกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ฟอร์มแรงที่สุดในบุนเดสลีก้า โดยกองหน้าวัย 25 ปีทำไปได้ 15 ประตูในลีก รั้งอันดับ 5 ในตำแหน่งดาวซัลโวลีกสูงสุดเมืองเบียร์ได้อย่างสวยงาม

    

 

ตัวแทนที่ดี(กว่า)ของชิรูด์

 

 

อาลแลร์เคยพูดออกมาก่อนหน้านี้ว่าตัวเองต้องการเจริญรอยตาม เธียร์รี่ อองรี ไอดอลในวัยเด็กของเขา และติดทีมชาติฝรั่งเศสได้อย่างกองหน้าตำนานของอาร์เซน่อล แต่ว่าฟอร์มการเล่นของเพียงพอที่จะโน้มน้าวใจของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ หรือยัง?

 

โชคดีสำหรับอาลแลร์ เมื่อแผนการเล่นของเดเด้ในทีมตราไก่ เขามักจะใช้กองหน้าเป้าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น แผน 4-3-3, 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 โดยมี โอลิวิเย่ร์ ชิรูดิ ครองตำแหน่งหน้าเป้าอยู่

 

คีเลี่ยน เอ็มบับเป้ ส่วนใหญ่มักจะถูกฉีกออกไปเล่นเป็นปีก เช่นเดียวกับ อองตวน กรีซมันน์ แม้บ่อยครั้งที่แข้งป้ายแดงของบาร์เซโลน่าจะขยับมาเล่นตรงกลางหรือเคียงข้างกับชิรูด์ก็ตาม

 

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่กองหน้าเชลซีทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน อาลแลร์ก็ดูเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับการแทนที่เขาในแดนหน้า นอกจากร่างกายที่สูงใหญ่ไม่ต่างกันแล้ว เขาน่าจะช่วยเพิ่มมิติการเล่นเกมรุกให้กับ เลอ เบลอส์ ได้ไม่น้อยเลย

 

ด้วยลักษณะกองหน้าเบอร์ 9 ยังไง อาลแลร์ก็เป็นตัวแทนที่เหมาะสมของชิรูด์ที่สุด ณ เวลานี้แล้ว และน่าจะจ่ายบอลสวยให้กับ เอ็มบับเป้ กับ กรีซมันน์ ทำประตูได้ด้วย เหมือนกับที่เขาประสานงานกับโยวิช ในฤดูกาลที่ผ่านมา

 

หลายๆคนรู้สึกว่า ชิรูด์เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายของอาชีพค้าแข้งของตัวเองและไม่สามารถทำผลงานได้เหมือนเคยอีกต่อไป อาจจะทำให้นายใหญ่ตราไก่เปลี่ยนไปใช้กองหน้าที่รวดเร็วและปราดเปรียวตามยุคสมัย แต่ทำไมเขาต้องเปลี่ยนด้วยล่ะ หากระบบที่ว่ายังมีนักเตะที่เหมาะกับแผนการเล่นนี้อยู่?

 

เดส์ชองส์พาทีมคว้าแชมป์บอลโลกด้วยปรัชญาการทำทีมแบบนี้ และคงงี่เง่ามากๆ หากเขาเลือกเปลี่ยนไปใช้แผนอื่น ในเมื่อกองหน้าเบอร์ 9 ชั้นดีอีกคนรอคอยโอกาสอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว

 

 

กองหน้าที่ใช่ของขุนค้อน?

 

 

เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ เวสต์แฮม ตามหากองหน้าที่สามารถยิงประตูเป็นกอบเป็นกำให้ทีมได้ แต่ไม่มีใครเลยที่ยิงได้ถึง 20 ประตูต่อฤดูกาล แม้แต่คนเดียว

 

มักซี่ โกเมซ หัวหอกฟอร์มแรงที่ทีมหมายตาก็ปฏิเสธย้ายมาเล่นในถิ่น โอลิมปิก สเตเดี้ยม ขณะที่ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ก็ไม่สามารถยิงประตูได้อย่างสม่ำเสมอเท่าไหร่นัก

 

ดังนั้น อาลแลร์จึงกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของขุนค้อน และด้วยความสามารถทั้งหมดที่ตัวเขามี จะช่วยยกระดับให้ทีมของมานูเอล เปเยกรินี่ได้มากน้อยแค่ไหนในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้?

 

ในบุนเดสลีก้า ฤดูกาลที่แล้ว ไม่มีกองหน้าคนไหนที่แอสซิสต์ได้มากกว่า อาลแลร์ (9 ลูก) ขณะเดียวกัน เขาก็เป็นกองหน้าที่สร้างโอกาสได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในลีก (13 ครั้ง) และ จ่ายบอลครั้งสำคัญมากเป็นอันดับ 4 (35 ครั้ง) แสดงให้เห็นว่า แข้งวัย 25 ปีมีความสามารถเหลือล้นในการเชื่อมเกมกับเพื่อนร่วมทีม

 

กองหน้าเฟรนช์แมนยังชนะการดวลกับคู่แข่ง 291 ครั้ง และชนะลูกกลางอากาศถึง 201 ครั้ง มากกว่ากองหน้าคนไหนๆในลีกเมืองเบียร์ พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าร่างกายของเขาเหมาะกับเล่นในลีกอังกฤษที่เน้นการเข้าปะทะได้ดีแค่ไหน

 

ในด้านการทำประตู อาลแลร์ทำประตูไป 20 ประตูในทุกรายการลงเล่น  แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าเขาสามารถประสานกับเพื่อนร่วมได้ดีมากๆ หลังแอสซิสต์ไป 12 ลูกในทุกรายการ ทำให้เขามีส่วนร่วมกับประตูที่ทีมทำได้ในฤดูกาลที่แล้วถึง 32 ประตู หรือพูดให้เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย อาลแลร์ก็จัดให้ได้แบบไม่มีปัญหา

 

เมื่อนำเขามารวมกับ ปาโบล ฟอร์นัลส์ มิดฟิลด์ดางรุ่งตัวใหม่ของทีม รวมไปถึงนักเตะเก่าที่ฟอร์มเด่นๆอย่าง มานูเอล ลานซีนี่, ฟิลิปเป้ แอนเดอร์สัน หรือ อังเดร ยามาเลนโก้ อาลแลร์น่าจะช่วยเพิ่มความอันตรายของทีมเพื่อสู้กับคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว และบางทีว่าที่เพชรฆาตหน้าใหม่ของขุนค้อนรายนี้อาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่ทีมตามหามานานก็เป็นได้