บาเลนเซียถือเป็นสโมสรที่มีชื่อเสียงในเรื่องใช้ผู้จัดการทีมสิ้นเปลืองพอสมควรในสเปน หลังจากที่พวกเขาได้ปลดกุนซือไปแล้ว 6 คนในช่วง 5 ปีหลังสุด
การสั่งเด้ง มาร์เซลิโน่ กุนซือชาวสแปนิชที่พาทีมไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกได้ 2 ฤดูกาลติดกัน และคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ ได้ในฤดูกาลที่ผ่านมา สร้างความงุนงงให้แฟนบอลรวมไปถึงนักเตะในทีมอย่างมาก
และการแต่งตั้ง อัลเบิร์ต เซลาเดส อดีตกุนซือทีมชาติสเปนรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี เข้าคุมทีมแทนทันที ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่ดีเท่าไหร่ หลังพาทีมพ่ายบาร์เซโลน่าไปแบบหมดรูปถึง 5-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ทาง UFA ARENA จึงขออาสาพาแฟนบอลทุกท่านไปย้อนดูช่วงเวลาของกุนซือทั้ง 5 คน (บวกรักษาการอีก 1) ในถิ่นเมสตาย่า ตลอด 5 ปีแห่งความวุ่นวานหลังสุด นับตั้งแต่ ปีเตอร์ ลิม เข้ามาเป็นประธานสโมสรแห่งนี้แบบเต็มตัวตั้งแต่ปี 2014
นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้
สถิติคุมทีมทุกรายการ : 62นัด (ชนะ 32, เสมอ 16, แพ้ 14)
แม้จะพาทีมค้างคาวไปเล่นในฟุตบอลยุโรปถ้วยใหญ่ได้ในปี 2015 หลังจากหายหน้าไปจากรายการนี้ถึง 2 ปี อย่างไรก็ตามแฟนบอลเริ่มไม่โอเคกับกุนซือชาวโปรตุกีสเท่าไหร่ เนื่องจากพาทีมออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่ในฤดูกาล 2015-16
แต่สิ่งทำให้แฟนบอลบาเลนเซียไม่พอใจมากที่สุดคงจะเป็นเรื่องที่ นูโน่ มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับ จอร์จ เมนเดส เอเย่นต์ชื่อดังระดับโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสริมทัพนักเตะใหม่พอสมควร แถมความสัมพันธ์แบบแนบแน่นกับ ปีเตอร์ ลิม เจ้าของสโมสรอีกต่างหาก
แต่ถึงแม้จะสนิทกันมากแค่ไหน กุนซือแดนฝอยทองก็ถูกปลดเซ่นผลงานห่วยในลีก หลังพ่ายให้กับเซบีย่า 1-0 ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงไม่สามารถพาคุมผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ในแชมเปี้ยนส์ลีกได้ด้วย
แกรี่ เนวิลล์
สถิติคุมทีมทุกรายการ : 28 นัด (ชนะ 10, เสมอ 7, แพ้ 11)
อดีตนักเตะชาวอังกฤษที่รู้จักกับ ลิม เป็นอย่างดี จากการเป็นหุ้นส่วนของเขาในสโมสร ซัลฟอร์ด ซิตี้ ซึ่งนี่บถือเป็นงานแรกของเขา (และน่าจะเป็นงานสุดท้าย) ในฐานะกุนซือ แถมก้าวมาคุมระดับหัวแถวของสเปนเลย โดยมี ฟิลล์ น้องชายของเขาเป็นสต๊าฟโค้ชของทีมรออยู่แล้ว
ซึ่ง 10 เกมแรกที่ อดีตแบ็คขวาทีมชาติอังกฤษคุม เขาไม่สามารถหาชัยชนะได้เลย ส่งผลให้บาเลนเซียตกไปอยู่ที่ 15 ในลีก ซึ่งผ่านครึ่งทางของฤดูกาลไปแล้ว แต่เขาก็มีโอกาสแก้ตัวในศึกโกปา เดล เรย์ และ ยูโรป้า ลีก อยู่เหมือนกัน
และในบอลถ้วยนี้เหมือนจะถูกโฉลกกับเนวิลล์ เนื่องจากพาทีมฝ่าด่านคู่แข่งสุดแกร่งทั้ง บาราคัลโด้, กรานาด้า และ ลาส พัลมาส ไปถึงรอบรองชนะเลิศ แต่โชคร้ายที่เขาต้องมาเจอตอชิ้นใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า ก็โดนถลุงไปสิ้นสภาพ 7-0
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเนวิลล์ในถิ่นเมสตาย่าคือ 2 นัดที่เขาพาทีมถล่ม ราปิด เวียนนา ไปได้วยสกอร์รวมขาดลอย 10-0 ในศึกยูโรป้าลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย แต่พวกเขาก็ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านในรอบถัดมา หลังเสมอกับ แอธเลติก บิลเบา คู่แข่งร่วมประเทศ 2-2 ตกรอบด้วยกฏประตูทีมเยือน
สุดท้าย เนวิลล์ก็ถูกปลดในเดือนมีนาคมปี 2016 ซึ่งตอนนั้นเหลือการแข่งขันในลีก 8 นัด รั้งอันดับที่ 14 และมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นแค่ 6 คะแนนเท่านั้น
ปาโก อเยสเตราน
สถิติคุมทีมทุกรายการ : 12 นัด (ชนะ 3, เสมอ 1, แพ้ 8)
อดีตผู้ช่วยของ ราฟาเอล เบนิเตซ ในสมัยที่อยู่ ลิเวอร์พูล ปาโก อเยสเตราน ที่เข้ามารับช่วงต่อในเดือนมีนาคมปี 2016 พาไอค้างคาวคว้า 10 แต้มสำคัญจาก 8 นัดสุดท้ายในลีก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเกมที่บุกไปเอาชนะบาร์เซโลน่าได้ 2-1 ถึงถิ่นคัมป์ นู ด้วย
นั่นทำให้นายใหญ่ชาวสแปนิชได้รับสัญญาคุมทีมถาวรหลังจากนั้น โดยมีสัญญายาวถึงเดือนมิถุนายนปี 2018 เลย
แต่ทว่าในฤดูกาลถัดมา อเยสตาราน ก็ได้อยู่ในถิ่นเมสตาย่า แค่เดือนเดียวเท่านั้น หลังพาทีมแพ้รวด 4 เกมแรกในลีก จนรั้งอันดับสุดท้ายในลาลีก้า โดยเป็นทีมเดียวที่ไม่แต้มด้วย ทำให้เขาถูกปลดออกจากเก้าอี้กุนซือของทีมในที่สุด
เชซาเร่ ปรันเดลลี่
สถิติคุมทีมทุกรายการ : 10 นัด (ชนะ 3, เสมอ 3, แพ้ 4)
การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของ เจ้าของทีมร่างท้วมชาวสิงคโปร์ คือการดึงเอา เชซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซือผู้พาทีมชาติอิตาลีเข้าชิงยูโร 2012 ที่โปแลนด์กับยูเครนเป็นเจ้าภาพร่วม และพา ฟิออเรนติน่าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกได้ จนคว้ารางวัลโค้ชยอดเยี่ยมของเซเรีย อา ประจำปี 2008 มาเปลี่ยนแปลงทีมดูซักตั้ง
แต่ทว่าหลายๆอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่ ลิม วางเอาไว้ เพราะหลังจากที่ กุนซือแดนมักกะโรนี่เข้ามานั่งเก้าอี้นายใหญ่ในถิ่นเมสตาย่าในเดือนกันยายน เขาได้คุมทีมแค่ 10 นัดเท่านั้นก็ตัดสินใจลาออก
โดยช่วงเวลา 3 เดือนที่เขาคุมทีมค้างคาว ปรันเดลี่พาทีมชนะแค่ 3 นัด, เสมอ 3 นัด และ แพ้อีก 4 นัด
โบโร่
สถิติคุมทีมทุกรายการ : 26 นัด (ชนะ 11, เสมอ 4, แพ้ 11)
ซัลวาตอเร่ ‘โบโร่’ กอนซาเลซ ที่ทำงานกับสโมสรตั้งแต่ปี 2002 ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือขัดตาทัพของบาเลนเซียอยู่หลายครั้ง แต่ในยุคของปีเตอร์ ลิม อดีตกองหลังชาวสแปนิชต้องทำหน้านี้ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเขาคุมทีมในช่วงที่นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ลาทีมไป และได้ทำหน้าที่แค่เกมเดียวเท่านั้นในนัดที่เสมอกับ บาร์เซโลน่าไป 1-1 ก่อนที่ แกรี่ เนวิลล์ จะมารับช่วงต่อ
และครั้งที่ 2 นั้น เขาได้รับโอกาสช่วงที่ ปาโก อเยสเตราน ทำผลงานย่ำแย่ แต่ก็อยู่เพียง 8 วัน ก็ส่งไม้ต่อให้กับ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ แต่ผลงานของทีมก็ดีขึ้นไม่เท่าไหร่และการเด้งกุนซืออีก ส่งผลให้ โบโร่ ต้องการมารับหน้าที่นี้อีกครั้ง
แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งๆก่อน เมื่อนายใหญ่วัย 55 ปี ได้โอกาสโชว์ฝีมือไปแบบยาวๆจนจบฤดูกาลนับตั้งแต่เดือน ธันวาคม ปี 2016 ซึ่งทำผลงานได้ดีพอใช้ แต่ก็ไม่ดีพอจนมีลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรปรายการไหนๆได้ เนื่องจากจบอันดับที่ 12 ในลาลีก้า รวมทั้งตกรอบศึกโกปา เดล เรย์ รอบ 2 หลังพ่ายให้ เซลต้า บีโก้ ด้วยประตูรวม 6-2
มาร์เซลิโน่
สถิติคุมทีมทุกรายการ : 110 นัด (ชนะ 59, เสมอ 29, แพ้ 26)
มาร์เซลิโน่คือกุนซือที่ทำให้บาเลนเซียกลับมาอยู่ในลู่ทางที่ควรจะเป็นอีกครั้ง หลังจากเป๋ไปอยู่พักใหญ่ โดยเขาเปลี่ยนแปลงทีมที่ทำได้แค่อันดับ 12 ในฤดูกาลก่อน ให้กลับขึ้นมาอยู่อันดับ 4 และสามารถคว้าตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปครองได้ตั้งแต่ปีแรกในถิ่นเมสตาย่า
แม้ในฤดูกาลที่ 2 กับทีมค้างคาวจะดูไม่ค่อยราบรื่นในช่วงแรกๆนัก แต่อดีตกองกลางชาวสแปนิชก็พาทีมกลับมาคว้าอันดับไปเล่นบอลยุโรปถ้วยใหญ่ได้อีกครั้ง หลังคว้าอันดับ 4 ในลีก, พาทีมไปถึงรอบตัดเชือกยูโรป้า ลีก อีกทั้งยังคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ ไปครอง หลังเอาชนะ บาร์เซโลน่า อย่างเหนือความคาดหมาย 2-1
อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2019-20 ที่เพิ่งเริ่มต้นไปได้ไม่นาน ณ วันที่ 11 กันยายนที่มีข่าวใหญ่ในวงการลูกหนังแดนกระทิง เมื่อบาเลนเซียสั่งปลด มาร์เซลิโน่ แบบฟ้าผ่า ทั้งๆที่ผ่านแค่ 3 นัดในลีกเท่านั้น
ซึ่งมีรายงานจากสื่อสเปนได้เผยว่าสาเหตุที่สโมสรจัดการเด้ง มาร์เซลิโน่ พ้นเก้าอี้กุนซือ เนื่องจากมีปัญหาขัดแย้งกับ ปีเตอร์ ลิม เจ้าของสโมสร ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการเลือกซื้อนักเตะและตัดสินใจด้านการกีฬาอีกหลายข้อ ซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกัน ก่อนจะแยกย้ายไปกันไปในที่สุด
แถมมีการเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า กองหลังตัวเก่งในทีมอย่าง เอเซเกล การาย ก็ไม่พอใจกับการตัดสินใจครั้งนี้ของสโมสรด้วย
นอกจากนี้ ตัวของมาร์เซลิโน่ ที่โดนปลดไปก็ไม่โอเคกับเรื่องนี้มาก โดยบอกเล่าให้แฟนและชาวโลกได้รู้ผ่านอินสตราแกรมส่วนตัวว่า “ไม่ว่าใครก็ตามที่มีส่วนในการตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่เหยียบย่ำคุณเท่านั้น แต่รวมถึงนักเตะในทีมและแฟนบอลทั้งหลายด้วย ผมขอพูดตรงและชัดเจนไปเลยว่า ‘มันไม่ยุติธรรมจริงๆ’ “
หลังจากปลดมาร์เซลิโน่ สโมสรได้ทำการแต่งตั้ง อัลเบิร์ต เซลาเดส อดีตมิดฟิลด์ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ขึ้นมาคุมทัพแทนทันที โดยมีระยะเวลา 2 ปีด้วยกัน
ซึ่งดูๆไปแล้วก็ไม่ทีท่าว่าจะดีเท่าไหร่ หลังคุมทีมนัดแรกก็พาทีมบุกไปพ่ายบาร์เซโลน่าแบบหมดรูป 5-2
และนี่คงเป็นอีกฤดูกาลที่พลิกผันขึ้นๆลงๆราวกับรถไฟเหาะอีกปีของแฟนบอลทีมค้างคาวอย่างแน่นอน