จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเกมแรกของกุนซือป้ายแดงอย่าง มิเกล อาร์เตต้า ที่พาทีมบุกไปเสมอ บอร์นมัธ 1-1 ในวันบ็อกซิ่งเดย์
1 คะแนนที่ได้จากวิตาลิตี้ สเตเดี้ยม ถ้าพูดจากความเป็นจริงคงต้องบอกว่าน้อยเกินไป เพราะ อาร์เซนอล สะดุดมาเยอะแล้ว และต้องการเก็บชัยเพื่อบี้กลุ่มท็อปโฟร์ ที่ตอนนี้ห่างกันถึง 8 คะแนน
อย่างไรก็ตามถ้าวัดจากการเป็นเกมแรกในฐานะกุนซือ และเป็นเกมแรกในการคุมทีม อาร์เซนอล ก็ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่เลย มีหลายๆ จุดด้วยที่ดูแล้ว “ดีขึ้น” จากหลายๆ เกมที่ผ่านมา
เพื่อเป็นการง่ายต่อการเสพ ผมขอจำแนกข้อๆ ดังหมวดหมู่ดังต่อไปนี้
แท็กติก…4-2-3-1
สิ่งที่ทุกคนรอคอยมาตลอดเกือบสัปดาห์ คืออยากเห็นว่าหน้าตาของ อาร์เซนอล ยุคใหม่จะเป็นเช่นไร ระบบการเล่นจะเหมือนหรือแตกต่างจากเดิมขนาดไหน
สรุปแล้ว อาร์เตต้า เลือกเล่นในระบบ 4-2-3-1 โดย โซคราติส ได้กลับมาจับคู่กับ ดาวิด ลุยซ์ และมี ไอสลีย์ เมดแลนด์ ไนลส์ ยืนแบ็กขวา ส่วน บูกาโย่ ซาก้า เล่นแบ็กซ้ายจำเป็นเหมือนเกิมก่อน
แดนกลางจับ ลูคัส ตอร์เรร่า และ กรานิต ชาก้า คือเป็นมิดฟิลด์คนคู่ โดย เมซุต โอซิล ได้อิสระเป็นเพลย์เมกเกอร์อยู่หลัง 3 ตัวรุกที่มี อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ เป็นหน้าเป้าขนาบข้างด้วย รีส เนลสัน และ ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมย็อง
ดูจากไลน์อัพแล้ว อาร์เตต้า จัดมาเน้นแบบสมดุลเป็นหลัก แต่ก็มีความยึดหยุ่นที่เห็นได้อย่างชัดเจน เช่นฝั่งซ้าย ซาก้า จะได้อิสระเติมเกมเต็มที่ ผิดกับฝั่งขวาที่ เมดแลนด์ ไนลส์ จะไม่ค่อยเติมมากนัก
ทรงบอลเป็นเกมรุกจะคล้ายๆ ซาก้า เติมขึ้นมา โอบาเมย็อง ก็จะฮุบเข้าไปช่วย ลากาแซตต์ ด้านในมากขึ้น ส่วนฝั่งขวาจะให้ เนลสัน พึ่งทักษะส่วนตัวดวลกับแบ็กคู่แข่ง โดยมี โอซิล ตามไปช่วยเป็นระยะ
คู่กลางเด่นทั้งคู่
จุดแรกที่ได้รับคำชมอย่างมากขึ้นคู่มิดฟิลด์ตัวกลาง ตอร์เรร่า กับ ชาก้า ดูเล่นร่วมกันได้อย่างลงตัวและใช้งานทั้งคู่ได้แบบ “Put the right man on the right job” ได้แบบมีประสิทธิภาพ
วันนี้ ชาก้า ดูเด่นมากในฐานะตัวแจกบอล มีความกล้าที่จะจ่ายขึ้นหน้ามากขึ้น ไม่วนส่งแต่หลังเหมือนที่ผ่านมา และที่สำคัญมีตักบอลข้ามแนวรับให้ตัวริมเส้นไปโจมตีสวยได้หลายครั้งด้วย
อีกจุดที่ผมชอบมากคือ ชาก้า ไม่ได้ลงไปตั้งบอลเป็นตัวสุดท้าย เหมือนถูกสั่งมาให้อยู่ในไลน์ของตัวเอง ซึ่งผิดกับยุคของ เอเมรี่ ที่เราเห็นกัปตันทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ถอยไปเป็นตัวหลังสุด แล้วให้ ลุยซ์ กับ โซคราติส ถ่างออกไปรับบอลด้านข้าง ซึ่งก็มีหลายครั้งที่เซนเตอร์ทั้งคู่ต้องเป็นคนเซ็ตบอลเอง และก็มีจ่ายเสียอยู่บ่อยครั้ง
อีกคนก็คือ ตอร์เรร่า เล่นได้แบบหิวกระหายมากๆ การเข้าปะทะชนะแทบทุกครั้ง แย่งบอลได้ตลอด ส่วนการขึ้นเกมรุกก็ไมได้ดันสูงเป็น บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ เหมือนในยุคของ เอเมรี่ ทำให้คู่กลางตอนนี้ถือว่าสมดุลดีมากๆ
แนวรุกไหลลื่นขึ้น
แนวรุก โอซิล เป็นอีกคนที่พอถูกจับให้เล่นถูกที่ถูกทางก็พิสูจน์ว่าเขายังเตะปี๊ปดังอยู่ เกมนี้โดยเฉพาะช่วงต้นเกมถือว่ามีโอกาสสร้างจังหวะสวยๆ หลายครั้ง รวมทั้งเกมทำ KeyPasses ไปทั้งหมด 4 ครั้งมากที่สุดในสนาม
เป็นครั้งแรกในรอบๆ หลายๆ เกมที่ อาร์เซนอล เป็นฝ่ายครองเกมขึงใส่คู่แข่ง และจบเกมสามารถสร้างโอกาสลุ้นประตูได้มากกว่า ทั้งๆ ที่ยุคของ เอเมรี่ โดยทั้ง วัตฟอร์ด ทั้ง วูล์ฟแฮมป์ตัน กระหน่ำบุกยิงมากกว่าแบบขาดลอย
จริงๆ การเติมเกมของ บูกาโย่ ซาก้า ก็ทำได้ดี มีเติมสวยๆ ทะลุถึงเส้นหลังก็หลายรอบ น่าเสียดายที่ไม่ละเอียดพอเปิดทิ้งเปิดขว้างไปหมด เช่นเดียวอีกฝั่งที่ รีสส์ เนลสัน โยนเข้าเป้าเพียงหนเดียวจากทั้งหมด 5 ครั้ง ถ้าพื้นที่สุดท้ายแม่นยำกว่านี้ลุ้นถึงชนะได้เลย
หลายคนสงสัยทำไม โจ วิลล็อค ถึงได้ลงสนาม แล้วทำไม นิโคลัส เปเป้ ถึงเป็นสำรองของ เนลสัน ในมุมผมมองว่า อาร์เตต้า ให้ความสำคัญกับสมดุลของทีมอย่างมาก เขารู้ว่า โอซิล และ เปเป้ เป็นนักเตะประเภทเกมรับไม่ไหว ดังนั้นจึงไม่ส่งทั้งคู่ลงพร้อมกันจนกลายเป็นภาระเกมรับที่หนักเกินไป
อย่างครึ่งแรกภาพการเล่นของทีมคือ เนลสัน จะเป็นคนไล่บอลให้กับ โอซิล แต่พอเพลย์เมกเกอร์ชาวด๊อยซ์หมดแรง ก็ให้ วิลล็อค มาเป็นตัวไล่บอลแทน หลังจากที่ส่ง เปเป้ มาเป็นตัวทำเกมในภายหลัง ตรงนี้ก็พอฟังได้ และดูว่า อาร์เตต้า มีที่มาที่ไปในการแก้เกมอยู่
เกมรับยังพังอยู่
เกมรับยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ใช่จะแก้ไขได้เพียงเวลาอันสั้น เกมนี้จุดที่ชัดเจนมากๆ คือเกมริมเส้นที่ทั้ง เมดแลนด์ ไนลส์ และ ซาก้า ด้อยประสบการณ์เอาปีกของ บอร์นมัธ ไม่อยู่เลย
พอแบ็กเสียทางมันก็ทำให้เกมรับทั้งยวงพังพินาศไปหมด เซนเตอร์ฮาล์ฟทั้ง โซคราติส และ ลุยซ์ ต้องถูกฉีกออกเพื่อไปซ้อนเกมริมเส้น ก็กลายเป็นพื้นที่ตรงกลางโดนโจมตีแทนอีก
อย่างลูกเสียประตู กรานิต ชาก้า ก็มีส่วนเหมือนกันที่รู้ว่าเขาจะอ้อมหลัง แต่ก็เอาแต่ถอยไม่ไปบีบตัวเลี้ยง หรือเลือกดักทางส่งบังคับให้ คัลลั่ม วิลสัน ต้องเล่นเอง ตรงนี้คือข้อเสียของกองกลางชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่เล่นเกมรับไม่เอาไหนเลย และคงแก้อะไรไม่ได้แล้ว
งานนี้ อาร์เตต้า ต้องทำการบ้านเยอะเลย การสื่อสารเกมรับทั้งระบบจะทำยังไง ถ้าแบ็กโดนเลี้ยงผ่าน (ใครลงก็โดนทุกคน) แล้วเซนเตอร์ต้องไปซ้อน แล้วใครจะฮุบเข้ามาช่วยปิดพื้นที่แทน หรือจะเซ็ตกันยังไงให้ดีกว่านี้ ก็คงต้องรอดูต่อไป
หาคนแบ่งเบา “โอบา”
แม้จะถูกจับไปเล่นปีกซ้าย แต่ โอบาเมย็อง ก็ยังคงเป็นเดอะแบกของ อาร์เซนอล เหมือนเดิม หลังเป็นคนยิงประตูตีเสมอช่วยให้ทีมมี 1 แต้มกลับบ้านได้แบบไม่น่าเกลียด
ทว่าคนอื่นยังหาทำยาได้ยาก ลากาแซตต์ เกมนี้ถือว่าสอบตก มีโอกาสได้บอลสวยๆ ก็คิดช้า ทำช้า ได้ยิงก็ติดบล็อกไปหมด (ทั้งเกม 4 ครั้งไม่เข้ากรอบเลย) ขณะที่ปีกขวา เนลสัน น่าจะเป็นนักเตะที่เรตติ้งต่ำที่สุดของทีมเลยก็ว่าได้
เบาะบาง เลี้ยงก็ไม่ค่อยผ่าน เปิดบอลยังแย่อีก ในรายของ นิโคลัส เปเป้ ก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยุค ลุงเบิร์ก ก็โดนดร็อป พอเปลี่ยนมาเป็น อาร์เตต้า ก็เริ่มต้นที่ม้านั่งสำรอง เลี้ยงวนไปวนมา หมัดเด็ด ยังไม่ออกสักที
วัดจากเกมนี้ทรงบอล อาร์เซนอล กำลังกลับมาแล้ว ครองบอลดีขึ้น สร้างโอกาสมากขึ้น แต่ถ้าพื้นที่สุดท้ายไร้ประสิทธิภาพแบบนี้มันก็คาดหวังอะไรได้ยากไม่ต่างจากเดิม