สเปอร์สอย่าหมดหวัง : 8 เกมเยือนยอดเยี่ยมของทีมผู้ดีในเกมยุโรป

 

 

การออกไปเล่นเกมนอกบ้านในยุโรปถือว่าเป็นเรื่องยากพอสมควร เพราะนอกจากจะต้องไปเล่นในถิ่นที่ไม่คุ้นชินแล้ว ยังต้องเจอกับเสียงเชียร์ของกองเชียร์เจ้าบ้านที่พร้อมจะกดดันผู้เล่นได้ทุกเมื่อตลอด 90 นาที

 

ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์คือทีมล่าสุดที่จะต้องเจอกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบตัดเชือกนัดสองที่ออกไปเยือน อาแจ็กซ์ อัมสเตอดัม ที่บุกมาเอาชนะพวกเขาได้ถึงถิ่น 1-0 ทำให้โอกาสเข้ารอบชิงของไก่เดือยทองยากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีทีมจากอังกฤษมากมายที่โชว์ฟอร์มเกมเยือนได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถพลิกกลับมาชนะและพาทีมเข้ารอบต่อไปได้อย่างสวยงาม และนี่คือ 8 เกมนอกบ้านฟอร์มกระฉูดของสโมสรจากอังกฤษในเกมระดับทวีปที่แฟนบอลทั่วโลกยังจดจำได้ขึ้นใจ

 

 

บาร์เซโลน่า 1-2 ลิเวอร์พูล (รอบ 16 ทีมสุดท้าย,ปี 2007)

 

 

ในเกมยุโรปมีหลายครั้งที่ลิเวอร์พูลมักจะทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในเกมเยือน และหนึ่งในนัดคือเกมที่พวกเขาบุกไปเอาชนะบาร์เซโลน่าถึงถิ่นคัมป์ นูได้ในปี 2007 จากมันสมองของ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือจอมวางแผน

 

https://www.youtube.com/watch?v=D22rjgtKNDM

 

อัลบาโร่ อาร์เบลัวจัดการลิโอเนล เมสซี่ ที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงได้อยู่หมัด แม้พวกเขาจะโดน เดโก้ยิงประตูให้เจ้าบ้านขึ้นนำไปได้ก่อน แต่หงส์แดงก็ตามดีเสมอได้ก่อนหมดครึ่งแรกแค่ 3 นาทีจากลูกโหม่งของเคร็ก เบลลามี่ พร้อมกับทำท่าหวดลูกกอล์ฟฉลองประตู จากนั้นในครึ่งหลังบาร์ซ่าพยายามยิงประตูหวังกุมความได้เปรียบในนัดแรก แต่ทว่าเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่มีโอกาสยิงได้จะแจ้งมากกว่า และมาได้ประตูชัยจาก จอห์น อาร์เน่ ริเซ่ ในนาทีที่ 74

 

 

ยูเวนตุส 2-3 แมนยูไนเต็ด (รอบรองฯ ,ปี 1999)

 

 

ผลเสมอ 1-1 ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำให้ยูเวนตุสที่มีดาวดังอย่าง ซีเนดีน ซีดาน, เอ็ดการ์ ดาวิดส์ และ อันโตนิโอ คอนเต้ (เวอร์ชั่นผมบาง) อยู่ในทีมมีโอกาสสูงที่จะผ่านเข้ารอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกปี 1999 และหลังเริ่มเกมในนัดที่สองไป 11 นาที พวกเขาก็ได้ประตูนำห่าง 2 ลูกจาก ปิปโป้ อินซากี้ ยิ่งทำให้โอกาสที่ยักษ์ใหญ่จากอิตาลีผ่านเข้าไปเล่นรอบชิงสูงมากกว่าเดิมอีก

 

แต่หลังจากนั้นเรื่องมหัศจรรย์การเกิดขึ้นตามมา เมื่อ รอย คีน ยิงประตูตีไข่แตกให้ปีศาจแดงพอมีหวังอยู่ น่าเสียดายที่เขามาโดนใบเหลืองจนต้องติดแบนและอดเล่นในนัดชิงหากทีมเข้ารอบ อย่างไรก็ตามนั่นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของกองกลางชาวไอริช เพราะนอกจะทำให้ยูไนเต็ดยังอยู่ในเกมแล้ว พวกเขายังได้ประตูตีเสมอตามหลังมาจาก ดไวท์ ยอร์ค ในนาทีที่ 34

 

https://youtu.be/0vKt1815IIo

 

ด้วยผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ทีมของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผ่านเข้ารอบไปด้วยกฏประตูทีมเยือน ทำให้ทีมม้าลายส่งกองหน้าลงไปเพิ่มอีกคนเพื่อหวังกดดันแนวรับทีมเยือนและเพิ่มโอกาสในการทำประตู ซึ่งมันก็ได้ผล เมื่ออินซากี้กดแฮตทริกได้ในนาทีที่ 60 แต่ทว่าประตูถูกปฏิเสธจากไลน์แมนที่ยกธงเป็นลูกล้ำหน้า ก่อนที่ประตูของแอนดี้ โคล ในช่วงท้ายจะช่วยย้ำชัยให้ยูไนเต็ดผ่านเข้ารอบชิงเกมยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 31 ปี

 

 

บาร์เซโลน่า 2-2 เชลซี (รอบรองฯ ,ปี 2012)

 

 

ประตูของดิดิเย่ร์ ดร็อกบาในเกมแรกทำให้พวกเขากุมความได้เปรียบพอสมควรกับการเล่นในถิ่นคัมป์ นู แต่การเจอกับบาร์เซโลน่าที่มีดีกรีแชมป์เก่าอยู่ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังมีเป็ป กวาร์ดิโอล่า กุนซืออัจฉริยะกุมยังเหียนอยู่ เมื่อเทียบกับ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่เป็นแค่กุนซือรักษาของสิงห์บลูย่อมต่างกันอยู่พอสมควร

 

เกมทำท่าว่าจะป็นอาซูลกราน่าตั้งแต่ครึ่งแรก หลังพวกเขาได้ 2 ประตูสำคัญจาก เซร์กิโอ้ บุสเก็สต์ และ อันเดรส อิเนียสต้า ขณะที่เชลซียิ่งเล่นยิ่งเจอแต่เรื่องแย่ๆ ทั้ง แกรี่ แคฮิลล์ กองหลังตัวหลักได้รับบาดเจ็บในนาทีที่ 26 จากนั้น จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมก็มาโดนไล่ออก แต่ประตูของรามิเรสในช่วงทดเวลาครึ่งแรกทำให้ตัวแทนจากอังกฤษมีหวังเข้ารอบขึ้นมาอย่างปาฏิหารย์

 

 

เกมครึ่งหลังเป็นฝ่ายบาร์ซ่าครองเกมและได้โอกาสครั้งสำคัญอีกครั้ง เมื่อดร็อกบาดึงเชส ฟาเบรกาส ล้มในกรอบแขตโทษ แต่แข้งตัวเก่งอย่างลิโอเนล เมสซี่ กลับยิงพลาดไปแบบช็อคแฟนบอลเจ้าบ้าน ทำให้ความกดดันทั้งหมดตกมาที่ตัวแทนจากสเปนอีกครั้งและพยายามโหมบุกอย่างหนักเพื่อหวังประตูชัย แต่สุดท้ายพวกเขาก็มาโดนลูกยิงของเฟร์นานโด ตอร์เรสปิดประตูสู่มาดริดในนาทีสุดท้าย และกลายเป็นทีมที่ช่วยสร้างประวัติศาสตร์ให้เชลซีคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกมาครองได้ในท้ายที่สุด

 

 

เรอัล มาดริด 0-1 อาร์เซน่อล (รอบ 16 ทีมสุดท้าย,ปี 2006)

 

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาร์เซน่อลอาจจะเป็นทีมที่อ่อนปวกเปียกยามลงแข่งขันในฟุตบอลยุโรป แต่ในยุคก่อนหน้า 10 กว่าปี พวกเขาคือทีมที่มีนักเตะคุณภาพคับแก้วที่พกทั้งความมุ่งมั่นและความกระหายชัยชนะในเกมระดับทวีปเสมอ

 

ถ้าให้พูดกันตรงๆแล้ว นี่ไม่ใช่ทีมเรอัล มาดริดที่ดีที่สุดนัก พวกเขาจบอันดับสองตามหลังทีมแชมป์ลาลีก้าอย่าง บาร์เซโลน่าถึง 12 แต้ม และไม่มีแชมป์อะไรติดไม้ติดมือเลยในปีนั้น แต่ว่าการบุกไปเยือนในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ก็เป็นเรื่องที่ลำบากไม่ต่างจากครั้งไหนๆ อีกทั้งอาร์เซน่อลในตอนนั้นเองก็มีปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บ ทั้งมาติเยอ ฟลามินี่, โรแบร์ ปิแรส ที่ฟิตไม่พอลงเป็นตัวจริง และปาทริค วิเอร่าด้วยเช่นกัน ทำให้อาร์เซน เวนเกอร์ ตัดสินใจส่งกองกลางดาวรุ่งวัย 20 อย่าง เชส ฟาเบรกาส แทนในแดนกลาง

 

https://www.youtube.com/watch?v=yVgnYihsNc4&t=342s

 

แต่ถึงกระนั้นทีมปืนใหญ่ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมนั้นและเปิดหน้าสู้กับราชันชุดขาวได้อย่างไม่เกรงกลัวเสียงเชียร์ของแฟนเจ้าถิ่น และได้ประตูชัยในเกมนั้นจากการลากเลื้อยสุดพริ้วของเธียร์รี่ อองรี ในนาทีที่ 47 ก่อนจะฝ่าด่านทีมระดับท็อปในยุโรปอย่าง ยูเวนตุส และ บียาร์เรอัลในรอบต่อไปเพื่อไปชิงชัยกับบาร์เซโลน่าในนัดชิงฤดูกาลนั้น

 

 

มิลาน 0-1 สเปอร์ส (รอบ 16 ทีมสุดท้าย,ปี 2011)

 

 

ก่อนที่จะต้องมาพบกับ เอซี มิลาน ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ถือว่าประสบความสำเร็จมากๆกับการลงเล่นในรายการฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปีแล้ว หลังเข้ารอบน็อคเอ้าท์มาได้ด้วยการเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม เบียดตัวเต็งอย่าง อินเตอร์ มิลาน ให้หล่นไปอยู่อันดับ 2 ได้อย่างเหลือเชื่อ

 

https://www.youtube.com/watch?v=WS5Na_-hUHc

 

ในนัดแรกที่ต้องไปเยือนซาน ซีโร่ ไก่เดือยทองยังไม่มี แกเร็ธ เบล แข้งตัวเก่งประจำทีม แต่พวกเขากลับทำได้ดีมากๆ แม้ไม่มีปีกชาวเวลส์ลงแข่งขันในเกมนั้น และการไก่เดือยทองสามารถเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้ในท้ายที่สุด ต้องขอบคุณฟอร์มการเซฟอันยอดเยี่ยมของ เอเรลโญ่ โกเมส กับประตูชัยของ ปีเตอร์ เคร้าช์ ในนาทีที่ 80

 

 

คลับ บรูซ 0-3 เลสเตอร์ ซิตี้ (รอบแบ่งกลุ่ม,ปี 2016)

 

 

ไม่มีใครคิดว่าทีมที่หนีตกชั้นอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ จะมีโอกาสมาโลดแล่นในเวทีฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปได้ แต่ทว่าในฤดูกาล 2016-17 มันกลายเป็นเรื่องจริงแล้ว เมื่อจิ้งจอกสีน้ำเงินคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปี 2016 มาครองได้แบบเหนือความคาดหมาย

 

https://www.youtube.com/watch?v=MarJkbPOj4s

 

คลับ บรูซคือสโมสรที่เป็นคู่แข่งประเดิมสนามให้กับเลสเตอร์ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นทีมแรก แม้เคลาดิโอ้ รานิเอรี่ จะทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในการป้องกันแชมป์ลีก แต่ในรายการนี้ พวกเขาทำได้ค่อนข้างดีเลย เมื่อได้ประตูจากมาร์ค อัลไบรท์ตัน ตั้งแต่ 5 นาทีแรก ก่อนจะมาได้ 2 ประตูเพิ่มจากริยาด มาห์เรซ แถมพวกเขายังได้เกินคาดด้วยกับการเข้ารอบน็อคเอ้าท์ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ก่อนจะพ่ายให้แอตเลติโก้ มาดริด รอบ 8 ทีมสุดท้าย แบบฉิวเฉียด

 

 

อันเดอร์เลชท์ 1-4 ลีดส์ (รอบแบ่งกลุ่มครั้งที่ 2 ,ปี 2001)

 

 

นี่ถือเป็นปีทองของลีดส์ ยูไนเต็ด ในฟุตบอลยุโรป เพราะพวกเขาสามารถผ่านไปถึงรอบรองชนะเลิศได้แบบหักปากกาเซียน เพราะก่อนหน้านี้ในรอบแบ่งกลุ่มทีมนกยูงทองอยู่ในกลุ่มที่แข็งเอาเรื่องไม่ใช่น้อย เพราะมีทั้งเอซี มิลาน และ บาร์เซโลน่า อยู่

 

 

ขณะที่รองแบ่งกลุ่มครั้งที่สองก็หนักไม่ต่างจากรอบแรก เพราะต้องเจอกับ เรอัล มาดริด และ ลาซิโอ รวมไปถึงอันเดอร์เลทช์ที่แซงหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาคว้าอันดับหนึ่งในรอบแบ่งกลุ่มครั้งแรก แถมเอาชนะในกมเหย้าได้ทุกเกมในรอบที่แล้วด้วย  แต่เดวิด โอเรียลี่และแข้งวัยคะนองของเขากลับบุกมาถล่มถึงเบลเยี่ยม 4-1 โดยได้ประตูจาก อลัน สมิธ 2 ลูก, มาร์ค วิดูก้า และ จุดโทษจากเอียน ฮาร์ต

 

 

โคโลญจน์ 0-1 ฟอเรสต์ (รอบรองฯ ,ปี 1979)

 

 

เรื่องราวดราม่าได้เกิดขึ้นตั้งแต่เกมแรกแล้ว หลังทีมแพะบ้าเป็นยิงประตูขึ้นนำไปก่อน 2 ลูกตั้งแต่ 20 นาทีแรก ในถิ่น ซิตี้ กราวน์ แต่เจ้าป่าก็สามารถฮึดสู้และกลับพลิกนำด้วยสกอร์ 3-2 อย่างไรก็ตาม 5 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลา ยาซูฮิโกะ โอคุเดระ กลายเป็นกองกลางชาวเอเชียคนแรกที่ยิงประตูได้ในฟุตบอลยุโรป หลังทำประตูให้โคโลญจน์ตีเสมอได้ 3-3

 

 

แต่ทีมของไบรอัน คลัฟฟ์ ดันสร้างปาฏิหารย์ได้ในนัดสองที่เยอรมันและกลายเป็นหนึ่งในเกมเยือนที่ยอดเยี่ยมของทีมจากอังกฤษ ฟอเรสต์ต้านเกมรุกของเจ้าบ้านได้อย่างเหนี่ยวแน่น ก่อนที่ เอียน โบวเยอร์ จะยังประตูชัยในนาทีที่ 65 ส่งให้ทีมเจ้าป่าเข้ารอบชิงดำยูโรเปี้ยน คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร