ส่องทรงผม : 11 มิดฟิลด์ตัวรับรุ่นท็อปของวงการ

 

กองกลางตัวรับคือเป็นตำแหน่งที่ส่วนใหญ่มักถูกเมินจากแฟนบอลอยู่บ่อยครั้งในวงการลูกหนังยุคก่อนๆ เนื่องจากมองว่าพวกเขาไม่ได้โชว์ลีลาที่แพรวพราวเช่นคนอื่นๆ ทำแต่งานสกปรกในสนามเท่านั้น 

 

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าทีมฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมจำเป็นต้องมีตัวรับแบบนี้อยู่เสมอ และในยุคปัจจุบัน ตำแหน่งนี้ก็มีวิวัฒนาการไปไกลกว่าหลาย 10 ปีก่อนมาก มีลีลาการเล่นที่โดดเด่นไม่แพ้ตำแหน่งไหนๆ  ไม่ว่าจะป็น โคล้ด มากาเลเล่, เจนนาโร่ กัตตูโซ่, ชาบี อลอนโซ่ ในยุคก่อน หรือ เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์, แฟร์นานดินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในยุคนี้ ก็ได้การชื่นชมการแฟนบอลมากมายทั่วโลก

 

และที่น่าสังเกตุเป็นพิเศษสำหรับนักเตะกองกลางตัวรับก็คือ พวกเขาเหล่านี้จะไม่มีไลฟ์สไตล์ที่หรูหราเช่นแข้งดังรายอื่นๆ แต่ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปตามปกติ ติดดิน หรือทรงผมที่ดูธรรมดา แต่สะอาดสะอ้านเรียบร้อย ดั่งที่เป็ป กวาร์ดิโอล่า กล่าวยกย่อง โรดรี้ แข้งตัวใหม่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมสุดสัปดาห์ที่ถล่มเวสต์แฮมไป 5-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

 

 ทาง UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปพบกับ 11 มิดฟิลด์ตัวรับรุ่นท็อปของวงการในยุดปัจจุบันที่ทำผลงานได้โดดเด่นกว่าทรงผมที่พวกเขาไว้หลายเท่าตัว

 

 

เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์ (บาร์เซโลน่า)

 

 

นับตั้งแต่ปี 2008 เซร์คิโอ้ บุสเก็ตส์ ก็กลายเป็นตัวรับอันดับต้นๆของโลกในยุคนี้ ซึ่งยืนระยะมานานกว่า 11 ปีแล้ว และไม่มีทีท่าว่าเขาจะทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ตัวเองเคยทำไว้เลยแม้แต่นิดเดียว 

 

หลังเป็ป กวาร์ดิโอล่า ดันกองกลางชาวสแปนิชขึ้นมาชุดใหญ่ของบาร์เซโลน่าอย่างเต็มตัว บุสเก็ตส์ก็สถาปนาเป็นตัวรับขาประจำของทีมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และประสานในแดนกลางกับ ชาบี เอร์นานเดซ และ อันเดรส อีเนียนสต้า ได้อย่างลงตัว จนคว้าแชมป์ลาลีก้ามาครองได้มากมาย และช่วยให้อาซูลกราน่ากลับไปเป็นเจ้ายุโรปถึง 3 ครั้งด้วยกัน

 

โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานลูกหนังชาวดัชต์เคยกล่าวยกย่อง บุสเก็ตส์ ไว้ว่า “เขาดูเหมือนมีประสบการณ์มากมาย ทั้งตอนที่ครองบอลอยู่หรือไม่มี เขาทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย สัมผัสบอลแค่ 1 หรือ 2 จังหวะเท่านั้น เมื่อไม่มีบอลอยู่ เขาก็สอนเราว่าควรยืนอย่างไรเพื่อแย่งบอลคู่แข่งหรือวิ่งทำทางแบบไหนเพื่อรับบอลมาเล่นต่อได้”

 

 

คาเซมิโร่ (เรอัล มาดริด)

 

 

ช่วงที่เรอัล มาดริด กลายเป็นเจ้ายุโรป คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ 3 ฤดูกาลติด หลายคนยกให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นนักเตะคนสำคัญที่ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จแบบนั้นได้ แต่กองกลางของทีมก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส หรือ แม้กระทั่งตัวรับอย่าง คาเซมิโร่ ก็เช่นกัน

 

ด้วยการตัดเกมที่ดุดัน เด็ดขาด และพลังงานในการเล่นที่ล้นเหลือ ทำให้ กองกลางทั้ง 2 คนที่อยู่ข้างหน้า คาเซมิโร่ สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องพะวงในแนวรับมากนัก

 

กองกลางชาวบราซิลอาจจะไม่ใช่นักเตะที่มีทักษะแพรวพราวมากที่สุดในลิสต์นี้ หรือจ่ายบอลได้ยอดเยี่ยมที่สุด หากเทียบกันจริงๆ ขาอาจจะแย่ที่สุดในลิสต์เหล่านี้ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่มี ราชันชุดขาวคงลำบากแน่ๆ ถ้าไม่มีเขายืนประจำการอยู่หน้าแผงหลังของทีม

   

 

ฟาบินโญ่ (ลิเวอร์พูล)

 

 

ในซัมเมอร์ที่แล้ว เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำการกระชากตัว ฟาบินโญ่ จากโมนาโก มาด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ แต่ด้วยการมาเล่นในอังกฤษเป็นครั้งแรก ทำให้กองกลางชาวบราซิลไม่สามารถปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกมากนักในช่วงแรก อย่างไรตาม เขาก็ค่อยปรับตัวให้เข้ากับทีมได้ จนกลายเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ตัวหลีกที่หงส์แดงขาดไม่ได้ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังของปี 2018-19 จนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 มาครองได้อย่างภาคภูมิ

 

ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่กว่า 188 เซนติเมตร ทำให้แข้งวัย 25 ปีสามารถเก็บกวาดเกมรุกของคู่แข่งได้เป็นอย่างดี  อีกทั้งยังมีวิสัยทัศน์นการจ่ายบอลที่กว้างไกลให้แนวรุกทั้ง 3 คนของทีม นอกจากนี้ ตัวของฟาบินโญ่ยังสามารถโยกไปเล่นเป็นแบ็คขวายามจำเป็นอย่างที่แฟนบอลได้เห็นบ่อยๆตอนค้าแข้งในฝรั่งเศสอีกด้วย

 

 

เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เชลซี)

 

 

แม้ว่าตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา เอ็นโกโล่ ก็องเต้ โดน เมาริซิโอ ซาร์รี่ อดีตกุนซือเชลซีที่ย้ายไปคุมยูเวนตุส โยกตำแหน่งให้เป็นเล่นกองกลางที่เน้นเกมรุกมากขึ้น แต่ตำแหน่งที่ดีที่สุดของมิดฟิลด์ร่างเล็กคงหนีไม่พ้นตัวรับที่ทำให้เขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย กับเลสเตอร์ และ เชลซี รวมไปถึงแชมป์โลกกับทีมฝรั่งเศสในปีที่ผ่านมา

 

แข้งวัย 28 ปี เป็นนักเตะที่มีกำลังล้นเหลือ วิ่งได้ไม่มีหมดตลอด 90 นาที มีทัศนคติในการเล่นเพื่อทีมเป็นสำคัญ และด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาทำให้ก็องเต้เป็นหนึ่งในนักเตะที่หลายคนหลงรักอย่างไม่ต้องสงสัย และภายใต้การดูแลทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด นายใหญ่คนใหม่ของสิงห์บลู ทำให้แฟนบอลน่าจะได้เห็นเขากลับมาประจำการในตำแหน่งเก่งของตนเองอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

 

แฟร์นานดินโญ่ (แมนฯซิตี้)

 

 

แฟร์นานดินโญ่ลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่ปี 2013 และไม่ได้ฉายแววอะไรมากนัก จนกระทั่งในปี 2016 เมื่อ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ได้รับการแต่งตั้งเป็นกุนซือคนใหม่ของทีม บทบาทของกองกลางชาวบราซิลเลี่ยนก็ค่อยโดดเด่นขึ้นอย่างก้าวกระโดด และกลายเป็นหัวใจสำคัญของแดนกลางช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ลีกได้ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน

 

แม้อดีตแข้ง ชักตาร์ โดเน็ตส์ก จะอายุ 34 ปี แล้ว แต่ดูเหมือนว่าวัยที่มากขึ้นจะไม่ทำให้เขาลดความยอดเยี่ยมลงเลย ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเกมของเขาก็ยังสุดยอดไม่เปลี่ยน, การตัดบอลจากคู่แข่งและเปลี่ยนบอลจากรับเป็นรุกได้ทันที, การครองบอลที่เหนี่ยวแน่น รวมไปถึงการยิงประตูสุดสวยที่มีให้เห็นอยู่เป็นครั้งคราว น่าจะทำให้เป็ปไว้วางใจในตัว แฟร์นานดินโญ่ ต่อไปอีกปี 2 ปี เป็นอย่างน้อยเลยล่ะ

 

 

โรดรี้ (แมนซิตี้)

 

 

หากพูดชื่อ โรดริเกวซ เอร์นานเดซ คาซคานเต้ ไป หลายคนคงได้แต่เกาหัวว่าเขาเป็นใคร แต่ถ้าบอกอีกชื่อว่า โรดรี้ เชื่อว่าทุกคนต้องร้องอ๋ออย่างแน่นอน เนื่องจากเขาคือกองกลางตัวรับคนใหม่ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าตัวมาร่วมทีมในซัมเมอร์นี้เป็นสถิติสโมสร 62.8 ล้านปอนด์ หลังทำผลงานได้ดีเยี่ยมกับแอตเลติโก้ มาดริดในฤดูกาลที่ผ่านมา

 

ทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งของ แฟร์นานดินโญ่ ในอนาคต ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในเกมที้ซิตี้ถล่มเวสต์แฮม 5-0 ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังเก็บกวาดเกมรุกของขุนค้อนและสกรีนหน้าแผงหลังของทีมได้อย่างดีไม่มีที่ติ ทำเอาเป็ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่เรือใบออกปากชมยกใหญ่ว่ากองกลางตัวรับที่ดีต้องคิดถึงคนอื่นและคืดถึงทีมเป็นหลักแบบนี้

 

การมาของกองกลางชาวสเปนคงทำให้อดีตนายใหญ่บาร์เซโลน่า ไม่ต้องปวดหัวอีกต่อไป หากแฟร์นานดินโญ่ ต้องหายหน้าไปหลายนัดเนื่องจากอาการบาดเจ็บในฤดูกาลที่แล้ว เพราะโรดรี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาปรับตัวได้และพร้อมกับการฟาดแข้งในพรีเมียร์ลีกมากแค่ไหน

 

 

ลูคัส ตอร์เรย์ร่า (อาร์เซน่อล)

 

 

เหล่า กูนเนอร์ส ต่างยกให้ ลูคัส ตอร์เรย์ร่า คือนักเตะที่พวกเขาตามหามานานในแดนกลาง เนื่องจากนับตั้งแต่ที่ จิลแบร์โต้ ซิลวา ลาอาร์เซน่อลไป ทีมก็ไม่เคยกองกลางตัวรับคนไหนที่สามารถยืนระยะหรือฝากผีฝากไข้ได้เลย

 

ความคาดหวังของแฟนปืนใหญ่ก็ไม่ศูนย์เปล่า เมื่อแข้งเล็กพริกขึ้หนูชาวอุรุกวัย เข้ามาช่วยให้ตรงกลางของทีมแข็งแกร่ง ดุดันมากว่าเดิม จนกลายเป็นหนึ่งในกองกลางที่อูไน เอเมอรี่ ไว้ใจมากที่สุดในปีที่ผ่านมา โดยลงเล่นนทุกรายการร่วมกันกว่า 50 นัด

 

นอกจากนี้ การมาของแข้งวัย 23 ปี ยังทำให้ฤดูกาล 2018-19 เป็นฤดูกาลแรกที่อาร์เซน่อลไม่แพ้ใครมานานถึง 22 นัดติดต่อกันในทุกรายการที่ลงเล่น รวมไปถึงได้เข้าชิงฟุตบอลรายการยุโรปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006

 

 

แฟรงกี้ เดอ ยอง (บาร์เซโลน่า)

 

 

ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ฝ่าด่านทีมใหญ่ในยุโรปและเข้าไปถึงรอบตัดเชือกได้เหนือความหมาย ทำให้นักเตะหลายคนเป็นที่พูดถึงจากแฟนบอลเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ แฟรงกี้ เดอ ยอง กองกลางวัย 21 ปีของทีม

 

ดาวรุ่งชาวดัชต์เป็นกองกลางที่สามารถทำเกมจากแนวลึกได้ เหมือนอย่างชาบี อลอนโซ่ หรือ อันเดรีย ปีร์โล่ เขาอาจจะไม่ได้มีร่างกายที่สูงใหญ่กำยำเหมือนตัวรับทั่วไป แต่สิ่งเหล่านั้นก็ถูกทดแทนด้วยการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยมเกินวัย, ความชาญในการเล่นและครองบอล, วิสัยทัศน์การจ่ายบอลที่สามารถเปลี่ยนรับเป็นรุกได้ในทันที ไม่แปลกใจที่บาร์เซโลน่าจะทุ่มเงินกว่า 86 ล้านยูโร เพื่อคว้าเขาไปร่วมทีมตั้งแต่ต้นปี ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับสโมสรในซัมเมอร์นี้

 

 

แบลส มาตุยดี้ (ยูเวนตุส)

 

 

ถึงแม้จะรับใช้ทีมชาติฝรั่งเศสมานานเกือบทศวรรษ หรือช่วยให้ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คว้าแชมป์มากมายตลอด 6 ปีที่นั่น รวมไปถึงคงสถานะเป็นแข้งตัวหลักได้นับตั้งแต่ย้ายไปยูเวนตุสในปี 2017 แบลส มาตุยดี้ ก็ยังไม่รับการยกย่องให้เป็นกองกลางระดับโลกอย่างที่ควรจะเป็นซักเท่าไหร่

 

มิดฟิลด์เลือดน้ำหอมไม่ตัวรับที่ดุดัน เข้าบอลหนักหน่วงตามแบบฉบับดั้งเดิม แต่เขาสามารถขึ้นลงในตลอดสนามได้ตลอดทั้งเกมเหมือนกับ กองกลางบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ทำให้ มาตุยดี้  สามารถเป็นได้ทั้งกองกลางตัวรับ, กองกลางตัวกลาง และกองกลางตัวรุกได้ในคนๆเดียวกัน ส่งผลให้ทีมไหนที่เขาประจำการอยู่ในแดนกลางต้องแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

     

 

วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ (เลสเตอร์)

 

 

ทันที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ลาทีมไปอยู่กับเชลซี ในซัมเมอร์ปี 2017 ทำให้เลสเตอร์ต้องหากองกลางตัวรับคนใหม่มาร่วมทีมโดยด่วน แต่กว่าจะหาได้ก็ปาเข้าไปเดือนมกราคมปีหน้า หลังคว้า วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้ จากเก็งค์ มาด้วยค่าตัว 17 ล้านปอนด์

 

แต่นั่นก็เป็นการรอคอยที่คุ้มค่าของ จิ้งจอกสีน้ำเงิน เมื่อแข้งชาวไนจีเรียสามารถปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกได้อย่างรวดเร็วและค่อยๆกลายเป็นตัวหลักของทีมในปีต่อๆมา น่าเสียดายที่เขามักจะถูกหลายคนมองข้ามเนื่องจากไม่ได้สังกัดอยู่ทีมยักษ์ใหญ่ในลีกผู้ดี

 

แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา แข้งวัย 22 ปีได้รับการจับตามองมากขึ้น หลังทำสถิติเป็นนักเตะที่เข้าปะทะมากที่สุดในบรรดา 5 ลีกใหญ่ของยุโรป โดยแบ่งเป็น แย่งบอล 68 ครั้ง, เคลียร์บอล 71 ครั้ง, ชนะลูกกลางอากาศ 124 ครั้ง และไม่เคยสร้างความผิดพลาดจนทำให้ทีมเสียประตูแม้แต่ลูกเดียว

 

 

เนมานย่า มาติช (แมนฯยู)

 

 

เนมานย่า มาติช น่าเป็นนักเตะที่ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุด เมื่อเทียบกับนักเตะในลิสต์นี้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นยังเป็นกองกลางตัวรับระดับโลกในตอนนี้อยู่ดี

 

เดิมทีแข้งชาวเซิร์บเริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองกลางตัวรุก แต่ช่วงที่ย้ายจากเชลซี ไปเบนฟิก้า ฆอร์เก้ เฆซุส กุนซือของทีมได้ดัดแปลงตัดแต่งพันธุ์กรรมเป็นกองกลางตัวรับ ซึ่งทำให้เขากลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนสิงห์บลูต้องตัวกลับไปในปี 2014 พร้อมพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 2 สมัย

 

หลังจากที่เขาย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็ยังทำหน้าตัวรับที่ดีได้อยู่บ้าง แต่ด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้เขาไม่ทันเกมไปบ้างในบางจังหวะ และนั่นอาจทำให้แฟนบอลปีศาจแดงเห็นเขาในม้านั่งสำรองอยู่บ่อยๆในฤดูกาลใหม่ที่เพิ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา