หนักแค่ไหน! ส่องอาการป่วยม้าลาย ที่น้ากรีต้องแก้

ม้าลาย

 

ทัพม้าลายในฤดูกาลนี้ถูกบันทึกว่าเริ่มต้นได้อย่างย่ำแย่ที่สุดในรอบ 60 ปีหลังจากไม่ชนะใคร 4 เกมติดในช่วงต้นฤดูกาล ก่อนที่จะกลับมาเดินหน้าเอาชนะคู่แข่งได้ 4 เกมติด และวนกลับมาไม่ชนะใครอีกในช่วง 3 เกมล่าสุด แม้ว่าพวกเขาจะได้อดีตกุนซือที่เคยพาทีมยิ่งใหญ่มาแล้วอย่าง มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ก็ตามแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่าซีซั่นก่อน

วันนี้ UFAARENA จะมาวิเคราะห์กันถึงปัญหาของทีมที่นายใหญ่ชาวอิตาลีต้องเจอ และเร่งแก้ไขกับ ส่องอาการป่วยม้าลาย ที่น้ากรีต้องแก้

 

เปลี่ยนโค้ชปีต่อปี

Pirlo is much more like Allegri than Sarri, says Bonucci

นับตั้งแต่ อัลเลกรี อำลาทีมไปเมื่อปี 2019 ทัพม้าลายก็มีการเปลี่ยนโค้ชไปถึงสองคน ตั้งแต่ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่เคยคุมนาโปลี ก่อนจะย้ายไปคุมเชลซี แค่ 1 ปีก็ย้ายกลับมาสู่เวที กัลโช่ เซเรียอา อีกครั้งโดยมีแผนถนัดคือ 4-3-3 ที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะเปลี่ยนจนโดนล้อเลียนว่ามีแผนเดียวเสียด้วยซ้ำไป

ซึ่งรูปแบบการเล่นดังกล่าวบรรดานักเตะเบียงโคเนลลี่เองก็ค่อนข้างคุ้นชินอยู่แล้วจากที่ อัลเลกรี เคยใช้เป็นหลักในช่วงซีซั่นสุดท้ายก่อนที่จะอำลาทีมไป โดยผลงานก็ยังจัดอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจจากการมีถ้วยแชมป์สคูเด็ตโต้ติดมือมาฝากแฟนบอล อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็อยู่กับทีมได้แค่ปีเดียวก็โดนปลด เนื่องจากไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จบนเวทียุโรปได้

นายใหญ่คนที่สองต่อจากนั้นไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นตำนานของทีมอย่าง อันเดรีย ปีร์โล่ ที่ถือเป็นการรับงานคุมทีมครั้งแรกของเจ้าตัวเลยทีเดียว สำหรับอดีตแข้งชาวอิตาเลี่ย เลือกใช้แผน 4-4-2 เป็นหลัก แต่ดูเหมือนการกลับมาของแผนสุดคลาสสิคนี้จะสู้ไม่ไหว จนทำให้ทัพม้าลายพลาดการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 10 ติดต่อกัน สุดท้ายก็โดนปลดไปอีกราย

การเปลี่ยนแปลงโค้ชแบบปีต่อปี แม้ดูเผินๆจะใช้แผนการยืนตำแหน่งที่ไม่ได้แปลกไปจากที่นักเตะคุ้นเคย แต่ก็มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องของการยืนตำแหน่งที่ในยุค ปีร์โล่ นักเตะได้เล่นตำแหน่งถนัดของตัวเองในขณะที่ อัลเลกรี ด้วยความไม่พร้อมของแดนหน้า ทำให้ปีกต้องไปเล่นในตำแหน่งหน้าคู่อยู่บ่อยครั้ง

 

ความผิดโด้?

มีเหตุสำคัญที่ ยูเวนตุส คิดจะขาย โรนัลโด้ | Cristiano ronaldo, Ronaldo,  Juventus

คำวิจารณ์ต่อสตาร์ชาวโปรตุเกสมีอยู่สองประเด็นหลักๆ นั่นคือการที่เขาทำให้ระบบความเป็นทีมของทัพม้าลายเสีย กับ การที่เขาย้ายออกจากทีมช้าเกินไป ในประเด็นแรกมุมมองจากเพื่อนร่วมทีมอย่าง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ระบุว่า “การมาถึงของ คริสเตียโน่ ส่งอิทธิพลครั้งใหญ่ให้กับเรา แค่ลงซ้อมร่วมกับเขาก็ทำให้มีอะไรพิเศษแล้ว แต่จิตใต้สำนึกของนักเตะก็เริ่มคิดว่าการมาของเขาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะชนะเกมแล้ว” 

นั่นชี้ให้เห็นว่าการมาถึงของ CR7 ส่งผลตรงกันข้าม แทนที่นักเตะในทีมจะถูกกระตุ้นศักยภาพเพื่อเล่นให้ดีขึ้น และใช้ความสามารถของดาวดังคนใหม่อย่างเต็มที่ แต่ทุกคนกลับพึ่งพาแต่ความสามารถของเจ้าตัว จนพวกเขาลืมการเล่นกันเป็นทีมไป ความหวังในแดนหน้ากลายเป็นมีแค่เจ้าตัวคนเดียวล้วนๆ 

เห็นได้ชัดจากสถิติการยิงประตูของทีมที่ โรนัลโด้เป็นดาวซัลโวของทีมตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายมา แถมทิ้งห่างจากอันดับ 2 ด้วยช่องว่างมหาศาลในทุกปี อย่างในปีแรกเจ้าตัวกดไป 21 ประตู ห่างจากอันดับสองอย่าง มาริโอ มานด์ซูคิช ที่ยิงได้ 9 ประตู ปีที่สองก็กดไป 31 ประตูทิ้งอันดับสองอย่าง เปาโล ดีบาล่า ที่ยิงไป 11 ประตู

โดยในประเด็นนี้เราไม่สามารถชี้ชัดว่ามันเป็นความผิดของยอดแข้งจากเรอัล มาดริด เพราะเขาก็แค่เล่นอย่างเต็มความสามารถของตัวเอง แต่เป็นทีมต่างหากที่เล่นร่วมกับเขาอย่างผิดวิธี จนทำให้สูญเสียความเป็นทีม และเอกลักษณ์ของตัวเองไป นอกจากความคิดสร้างสรรค์ในการทำเกมก็เสียไปด้วย

 

เสริมทัพไม่ตอบโจทย์

Nicolò Schira on Twitter: "Back to the future. Moise #Kean and #Juventus  are in advanced talks… "

อีกหนึ่งประเด็นที่ CR7 ถูกกล่าวหาว่าเป็นแพะนั่นคือการย้ายออกจากทีมที่ช้าเกินไป จนทำให้ทีมไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ จากคำพูดของ อัลเลกรี ว่า“ถ้าเขาย้ายออกจากทีมตั้งแต่ต้นเดือน บางทีสโมสรอาจมีโอกาสทำงานในแบบที่ต่างไปจากเดิม มันเป็นแค่คำถามในตลาดซื้อขายนักเตะ” 

ซึ่งในเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับว่าค่อนข้างมีส่วน เพราะมันไม่ใช่ว่า เบียงโคเนลลี่ เสริมทัพไม่ถูกจุด เพียงแต่พวกเขาไม่ได้มองถึงการเสริมกองหน้าที่มี โรนัลโด้อยู่แล้วจนกระทั่งเจ้าตัวตัดสินใจย้ายออกจากทีมก่อนปิดตลาดเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ทำให้ม้าลายไม่ทันตั้งตัวในการหาตัวตายตัวแทนจะได้มาก็แค่ มอยเซ่ คีน อดีตเด็กปั้นของทีมที่กลับมาแบบยืมตัวเท่านั้น

ในขณะที่กองหน้าตัวหลักอย่าง อัลบาโร่ โมราต้า ก็ฝากผีฝากไข้ไม่ได้เลย นั่นทำให้ในประเด็นที่หลายฝ่ายชี้ว่าการที่ม้าลายเริ่มต้นได้อย่างทุลักทุเลเป็นเพราะการย้ายทีมของเขา จนทำให้ทีมไม่สามารถหาทางออกของการขาดหายไปของกองหน้าตัวหลักได้ทันก่อนตลาดปิด ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าค่อนข้างมีส่วนไม่น้อย

 

เกมรับมีปัญหา?

Chiellini on Bonucci's move to Milan: "They aren't Real Madrid..."

หนึ่งสถิติที่ถูกเผยออกมาแล้วสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่ายคือการที่ยูเว่ เสียประตูมากที่สุดในรอบ 60 ปี หลังโดนกดไป 15 ประตู เรียกได้ว่าจุดเด่นที่เคยเป็นของพวกเขาได้หายไปแล้วหรือไม่ คำตอบคือไม่ซะทีเดียว 

มันเป็นปัญหาต่อเนื่องจากการขาดกองหน้าตัวหลักไปและต้องจับปีกไปเล่นกองหน้า ทำให้การหมุนเวียนในแดนกลางเสียสมดุล กองกลางตัวกลางโดนจับไปเล่นปีกบ้าง ทำให้ตัวกลางที่เอาไว้ชะลอเกมเหลือแค่ มานูเอล โลคาเตลลี่ รายเดียว หรือบางเกมที่เจ้าตัวไม่ได้ลงก็ไม่มีใครเล่นเกมรับเลย ภาระทั้งหมดจึงตกไปอยู่กับกองหลัง ผิดกับก่อนหน้านี้ที่จะมี  เอ็มเร่ ชาน หรือ แบรส มาตุยดี้ ที่เล่นเกมรับได้บ้าง

ในส่วนของคู่เซ็นเตอร์ แม้จะยังยืนระยะได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวหลักอย่าง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ โรยราไปมากจะให้มาแบกเกมรับโดยที่ไม่มีความช่วยเหลือจากแดนกลางเลยคงเป็นไปไม่ได้เหมือนเดิม กับทีมชาติอิตาลีพวกเขายังคงแข็งแกร่งเพราะกองกลางทั้ง มาร์โก้ แวร์รัตติ , จอร์จินโญ่ และ มานูเอล โลคาเตลลี่ ทุกคนสามารถมาเล่นเกมรับได้มันจึงทำให้พวกเขาเล่นกันอย่างแข็งแกร่ง

เมื่อเกมรับที่เป็นจุดเด่นไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าเดิม ครั้นจะไปเล่นเกมรุกที่นักเตะไม่ชินก็จะเห็นได้ชัดว่าการขึ้นเกมช้า เสียบอลง่าย แถมเมื่อมีโอกาสกองหน้าก็ดันใช้โอกาสเปลื้องอีก ทำให้เวลาที่พวกเขาโดนนำออกไปก่อนการหาประตูคืนจึงเป็นเรื่องยาก หรือหากนำเร็วแล้วผ่อนเกม เกมรับก็ไม่สามารถรักษาสกอร์ได้อีก

 

การบ้านที่ต้องแก้

Opinion: Is it time to announce the start of the Banter Era at Juventus?  -Juvefc.com

งานหนักของน้ากรีตอนนี้คงจะเป็นการหาจุดลงตัวของแผนการเล่นให้ได้ จริงอยู่ที่เขาเล่นแผน 4-4-2 เป็นหลัก แต่การยืนตำแหน่งของนักเตะในตอนนี้โดยเฉพาะแดนหน้าและแดนกลางยังไม่ลงตัว แข้งตำแหน่งปีกหลายรายทั้ง เฟเดริโก้ เคียซ่า , เดยัน คูลูเซฟสกี้ และ เฟเดริโก้ แบร์นาเดสคี่ ที่โดนจับไปยืนเป็นกองหน้า

ในขณะที่กองกลางอย่าง อาเดรียง ราบิโอต ก็มักโดนถ่างออกไปเล่นเป็นปีกทั้งที่ไม่ได้มีความเร็วทำให้สมดุลเสีย และประสิทธิภาพในเกมด้อยลงไปหมด จนส่งผลไปทั้งระบบไม่ว่าจะเกมรุกหรือเกมรับ ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งต่อกันเป็นลูกโซ่ และเป็นปัญหาใหญ่ที่ตัว มักซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ต้องจัดการให้ได้

โดยความหวังในการแก้ปัญหาอาจรออยู่ที่ตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้ ในการหากองหน้า และ นายทวารที่ไว้ใจได้เข้ามาสู่ทีม ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องจับปีกไปยืนเป็นกองหน้า และทำให้สมดุลภายในทีมดีขึ้น อย่างน้อยนักเตะก็ได้เล่นในตำแหน่งที่ตัวเองถนัด และได้แสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่

อัลเลกรี : “ตอนนี้เราเป็นแค่ทีมกลางตาราง”

อัลเลกรี