ส่อง 5 ตัวเลือกกุนซือทีมชาติอังกฤษคนใหม่..หากปลดเซาธ์เกต

ส่อง 5 ตัวเลือกกุนซือทีมชาติอังกฤษคนใหม่..หากปลดเซาธ์เกต

อย่างที่ทราบกันว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการพักเบรกทีมชาติ ถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับลุยฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

ทีมจากทวีปยุโรปไม่ได้มีโปรแกรมลงอุ่นเครื่องเหมือนกับทวีปอื่น ๆ เพราะพวกเขามีรายการที่ยูฟ่าจัดตั้งขึ้นมาอย่าง เนชั่นส์ ลีก

หนึ่งในชาติที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่สุด ๆ คงจะหนีไม่พ้นทีมขวัญใจมหาชนอย่างทัพ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ที่ลงเล่นไป 5 เกม ไม่ชนะเลย และยิงประตูไม่ได้ติดต่อกันยาวนาน 450 นาที หนึ่งประตูที่ทำได้ในรายการนี้มาจากจุดโทษอีกต่างหาก

ถูกนำไปเทียบกับ “สมันน้อย” อย่าง ซาน มารีโน่ ทีมอันดับสุดท้ายในแรงกิ้ง ฟีฟ่า ที่ไม่สามารถยิงประตูใครได้เลย

จนล่าสุดมีกระแสออกมาถึงการปลด แกเร็ธ เซาธ์เกต ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม ทั้งที่ฟุตบอลโลกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ถึง 60 วัน ไปดูกันว่า ใครบ้างที่เป็นตัวเลือกกุนซือคนต่อไปของทีมชาติอังกฤษ หากถึงเวลาที่ต้องปลดจริง ๆ

๐ แกรห์ม พ็อตเตอร์ (เชลซี)

กุนซือวัย 47 ปี กำลังมีเส้นทางงานโค้ชที่รุ่งโรจน์ เพิ่งโยกย้ายจาก “นกนางนวล” ไบร์ทตัน มาคุมทัพที่ใหญ่กว่าอย่าง “สิงห์บลูส์” เชลซี เขาเพิ่งจะทำงานกับต้นสังกัดใหม่ไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นคือการเสมอกับ เรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก 1-1 แต่มิวายกลายเป็นกุนซือที่บริษัทรับพนันอย่างถูกกฎหมายของประเทศอังกฤษ วางให้เป็นเต็งหนึ่ง

ถ้ามองไปถึงความเป็นไปได้ต้องบอกว่ายากจริง ๆ ที่เทรนเนอร์รายนี้จะโผล่เข้ามารับงานทีมชาติอังกฤษ ทั้งที่เพิ่งจะเซ็นสัญญาไปกับ เชลซี เพราะอย่าลืมว่าตอนมา เขาไม่ได้มาแต่ตัว แต่ขนทีมงานสต๊าฟฟ์ที่เคยร่วมงานกันจากไบร์ทตัน เข้ามาทำงานที่เดอะ บริดจ์ กันแบบยกชุด

น่าแปลกใจเหมือนกันว่าอะไรถึงไปดลใจให้บ่อนรับพนันเมืองผู้ดีออกราคาให้เขาเป็นตัวเต็ง ในการมารับงานคุมทีมชาติอังกฤษคนต่อไป หากต้องปลด แกเร็ธ เซาธ์เกต แต่ถ้าในกรณีหลังจบศึกฟุตบอลโลก 2022 และผลงานกับ เชลซี ไม่ดีอย่างที่หวัง ก็อาจจะมีความเป็นไปได้เหมือนกัน

๐ เอ็ดดี้ ฮาว (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)

กุนซือหนุ่มไฟแรงวัย 44 ปี เอาจริง ๆ เขาเคยเกือบมีโอกาสรับงานใหญ่คุมทีมชาติอังกฤษมาแล้ว ตอนนั้นเป็นแคนดิเดตร่วมกับ แกเร็ธ เซาธ์เกต ด้วยซ้ำ ก่อนจะเป็นฝ่ายหลังที่ทำงานร่วมกับสมาคมในทีม U-21 ได้งานนี้ไป ปัจจุบัน เอ็ดดี้ ฮาว ยกระดับฝีมือการคุมทีมได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน จากการพา นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด รอดพ้นจากการตกชั้นในฤดูกาลที่แล้ว ทำให้เขาได้สานต่อการทำงานด้วยงบประมาณและขนาดทีมที่ใหญ่มากขึ้น

เมื่อมองไปถึงความเป็นไปได้ ก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะการคุมทีมชาติอังกฤษ เป็นงานที่กุนซือเมืองผู้ดีหลายคนใฝ่ฝัน แถมนักเตะที่ร่วมงานในต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง นิค โป๊บ และคีแรน ทริปเปียร์ ต่างก็เป็นขาประจำในแคมป์ทีมชาติอังกฤษ

แต่มันจะเพียงพอต่อการดึงดูดใจของเขามากกว่า การทำงานที่นิวคาสเซิ่ลหรือไม่ ? อันนี้ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้นอกจากเจ้าตัว แต่ถ้าดูฟอร์มช่วงหลังของเขากับต้นสังกัดถือว่าไม่ดีเลย ไม่ชนะใครมา 4 เกมติด หนักไปทางเสมอถึง 3 เกม และแพ้ 1

๐ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ (ว่างงาน)

เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนติน่าที่มีประสบการณ์คุมทีมในอังกฤษอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน และสเปอร์ส ปัจจุบันเขากำลังว่างงานอยู่ หลังแยกทางกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา กุนซือวัย 50 ปี ตกเป็นข่าวว่าได้ปฏิเสธการคุม นีซ สโมสรในฝรั่งเศส เพราะกำลังรองสิ่งที่ใหญ่กว่าคือการกลับมาทำงานในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง

จะว่าไปแล้ว โปเช็ตติโน่ ก็ดูมีความเหมาะสมทั้งในเรื่องของประสบการณ์ ความคุ้นเคยในการทำงานที่อังกฤษ รวมไปถึงสถานะในปัจจุบันที่กำลังว่างงานด้วย

แต่ถ้าย้อนกลับไปในอดีตทีมชาติอังกฤษเคยมีใช้บริการกุนซือต่างชาติแค่ 2 รายเท่านั้น คือ สเวน โกรัน อีริคส์สัน และฟาบิโอ คาเปลโล่ ทั้งคู่เรื่องของชื่อชั้นประสบการณ์ความสำเร็จไม่ต้องพูดถึง แต่ก็ต้องมาล้มเหลวกับการทำงานในเมืองผู้ดี ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฝีมือ แต่มันคือความเป็นชาตินิยมและถูกกลั้นแกล้งจากสื่อ ไม่รู้ว่าตอนนี้คนอังกฤษคิดยังไงกับการใช้โค้ชต่างชาติ ทัศนคติจะเปลี่ยนแปลงไป หรือยังอยู่เหมือนเดิม

๐ สตีฟ คูเปอร์ (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์)

กุนซือหน้าง่วงวัย 42 ปี สร้างความฮือฮาด้วยการพา “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ผงาดกลับมาขึ้นบนลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 23 ปี เท่านั้นยังไม่พอ ยังเสริมทัพด้วยผู้เล่นใหม่ถึง 22 รายในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าขึ้นมาทั้งทีก็ช็อปให้กระจายไปเลย

คูเปอร์ นั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับสมาคมฟุตบอลอังกฤษ แม้จะเป็นชาวเวลส์ ทำงานกับทีมใน ทั้งการเป็นครูอบรมไลเซนต์ คุมทัพสิงโตคำรามรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี คว้าแชมป์โลก และเป็นรองแชมป์ยูโรมาแล้ว

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สมาคมฟุตบอลเมืองผู้ดีน่าจะกำลังพิจารณาอยู่เหมือนกัน เพราะหากมองไปที่ขุมกำลังทัพสิงโตชุดปัจจุบันแข้งอย่าง ฟิล โฟเด้น, เจดอน ซานโช่, เอมิล สมิธ โรว์, มาร์ค เกฮี และคอนอร์ กัลลาเกอร์ ต่างเคยผ่านมือเขามาหมดแล้วสมัยที่เป็นดาวรุ่ง

๐ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส (เลสเตอร์ ซิตี้)

กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ก็กลายเป็นหนึ่งแคนดิเดตที่จะมารับงานทีมชาติอังกฤษเช่นกัน ด้วยสถานการณ์ของเขากับต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ นั้นไม่สู้ดีเลย ลงเล่นมา 7 เกมมีแค่ 1 คะแนน กลายเป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ตอนนี้ยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น ทำให้มีข่าวแว่วออกมาว่าเขาอาจจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง หากผลงานของทีมยังย่ำแย่อยู่แบบนี้

ในกรณีของ ร็อดเจอร์ส นั้นดูมีความเป็นไปได้พอสมควรเลยทีเดียว เพราะเรื่องของประสบการณ์ในการคุมทีมนั้นหายห่วง เพราะคุมทีมในอังกฤษมานานคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ปัญหาของเขาในการคุมหลาย ๆ สโมสรในช่วงที่ผ่านมา คือการตัดสินใจที่มักจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

หากเขาได้มาคุมทีมชาติอังกฤษจริง ๆ คงเป็นข่าวดีสำหรับ เจมส์ แมดดิสัน เพลย์เมกเกอร์ของเลสเตอร์ ซิตี้ ที่น่าจะได้รับโอกาสในรั้วทีมชาติมากขึ้น เพราะในยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เพลย์เมกเกอร์รายนี้ ปรากฎตัวในสีเสื้อของ “ทรี ไลออนส์” เพียงแค่ครั้งเดียวเมื่อปี 2019

 

ทั้งหมดนี้คือ 5 กุนซือตัวเลือกผู้จัดการทีมคนต่อไปของทีมชาติอังกฤษ หากมีการปลด แกเร็ธ เซาธ์เกต ออกจากตำแหน่งจริง ๆ ยังมีตัวเลือกอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด, สตีเว่น เจอร์ราร์ด รวมไปถึงคนที่กำลังว่างงานอย่างโธมัส ทูเคิ่ล

ส่วนตัวเชื่อว่าสมาคมฟุตบอลอังกฤษไม่น่ารีบร้อนปลดม้ากลางคันก่อนเริ่มศึกใหญ่ เพราะถ้าพิจารณาจากผลงานในช่วงที่ผ่านมา แกเร็ธ เซาธ์เกต คือกุนซือที่มีความสำเร็จจับต้องได้มากที่สุด โดยเฉพาะการคว้าอันดับ 4 ฟุตบอลโลก 2018 และรองแชมป์ยูโร 2020

แต่.. ถ้าเกมนัดต่อไป อังกฤษ เกิดพลาดแพ้คารังให้กับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ในคืนวันจันทร์ที่จะถึงนี้

ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์จากทัพสิงโตก่อนเปิดฉากฟุตบอลโลก 2022 ก็เป็นได้…