หงส์รอไปก่อน : 5 ทีมแชมป์ทำคะแนนแตะ 100 แต้มในลีกใหญ่ยุโรป

 

แม้จะได้รับการปรบมือต้อนรับก่อนแข่งขันในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ แต่ทว่า ลิเวอร์พูล กลับโดน อาร์เซน่อล เปิดเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ตบหน้าไป 2-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

 

ความพ่ายแพ่ของ หงส์แดง ในนัดนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำลายสถิติคว้าแต้มเกิน 100 แต้ม แซงหน้า แมนเชเตอร์ ซิตี้ เคยทำได้ เมื่อ 3 ปีก่อนแน่นอนแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะชนะใน 2 เกมที่เหลือของฤดูกาลนี้ก็ตาม

 

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปพบกับ 5 สโมสรดังในยุโรปที่เดินหน้าคว้าแชมป์ลีกในประเทศด้วยการทำแต้มแตะ 100 คะแนน ผ่านบทความชิ้นนี้

 

 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ | ฤดูกาล 2017-18 (100 แต้ม)

 

 

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เผชิญหน้ากับการจบฤดูกาลแบบมือเปล่าเป็นครั้งแรกในอาชีพกุนซือ หลังคุม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2016-17 แต่ในฤดูกาลต่อมา เขาก็ตอกกลับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นด้วยการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร

 

แค่นั้นยังไม่พอ กุนซือชาวสแปนิช ยังสร้างมาตรฐานใหม่ในวงการลูกหนังอังกฤษ ด้วยการเป็นทีมแชมป์ที่ทำแต้มมากที่สุด 100 แต้มทีมแรก ทำลายสถิติเดิมของ เชลซี ในฤดูกาล 2005-05 ที่ 95 แต้มไปได้อย่างราบคาบ

 

มากไปกว่านั้น เรือใบในมือเป๊ป ยังจารึกสถิติใหม่มากมาย ทั้งคว้าชัยในฤดูกาลมากที่สุด (32 นัด), ชนะเกมเยือนมากที่สุด (16 นัด), ประตูได้เสียดีที่สุด (+79), ทำแต้มทิ้งห่างมากที่สุด (19 แต้ม)

 

 

เรอัล มาดริด| ฤดูกาล 2011-12 (100 แต้ม)

 

 

แม้จะแยกทางกันได้ไม่ดีนัก แต่ เรอัล มาดริด ในยุคที่มี โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียนอยู่ ก็ยังถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะในฤดูกาล 2011-12 ที่ทวงแชมป์ลาลีก้าจาก บาร์เซโลน่า มาครองได้ครั้งแรกในรอบ 4 ปี

 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นดาวเด่นประจำทีมในปีนั้นที่ยิงระเบิดในลีกกระทิงถึง 46 ลูก เป็นรองแค่ ลิโอเนล เมสซี่ เท่านั้น (50) เมื่อบวกกับแนวรุกระดับพระกาฬคนอื่นๆในทีมอย่าง คาริม เบนเซม่า, กอนซาโล่ อิกวาอิน ไม่แปลกที่ ราชันชุดขาวที่ยิงประตูได้ถึง 121 ลูกในตอนนั้น

 

ขณะที่แนวรับของทีมก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน เมื่อเสียประตูเพียง 32 ลูก น้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในลาลีก้า รองจาก บาร์เซโลน่า ที่เสียไป 29 ลูก ซึ่งทำให้พวกเขามีผลต่างประตูได้เสียสูงมากถึง +89 ลูกเลย

 

 

บาร์เซโลน่า | ฤดูกาล 2012-13 (100 แต้ม)

 

 

หลังเสียแชมป์ให้กับ เรอัล มาดริด ในปีก่อน ทำให้ บาร์เซโลน่า มีแรงฮึดอย่างมากเพื่อกลับมาทวงแชมป์ลาลีก้า แม้จะห่างหายจากมันไปเพียงแค่ปีเดียว

 

ตีโต้ บีลาโนบา เข้ามาทีมต่อจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ลาตำแหน่งไปหลังจบฤดูกาล 2011-12 แต่เกมรุกของทีมก็ยังอันตรายไม่เปลี่ยนแปลง โดยมีลิโอเนล เมสซี่ เป็นดาวเด่นในเกมรุก ซึ่งคว้าดาวซัลโวในปีนั้นด้วยจำนวน 46 ประตู

 

ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของอาซูลกราน่า บวกกับ โลส บลังโกส กำลังมีปัญหาภายในสโมสร ทำให้ บาร์ซ่า ทำแต้มทิ้งห่างพวกเขาถึง 15 แต้ม และกลายเป็นทีมที่ 2 ในลาลีก้าต่อจาก เรอัล มาดริดที่คว้าแชมป์ด้วยคะแนน 100 แต้ม 

 

ยูเวนตุส | ฤดูกาล 2013-14 (102 แต้ม)

 

 

ยูเวนตุส กลับมาครองความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลอิตาลีได้อย่างสมศักดิ์ศรี หลังการเข้ามาของ อันโตนิโอ คอนเต้ ในปี 2011 และพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอา 3 สมัยรวด ซึ่งช่วงที่ยอดเยี่ยมคงหนีไม่พ้นฤดูกาล 2013-14 ที่พวกเขาคว้าแชมป์ด้วยการทำแต้มทะลุ 100 คะแนน

 

ในฤดูกาลนั้น ม้าลาย สามารถเก็บชัยชนะได้ในเกมเหย้าทุกนัด และคว้าชัยได้ 33 จาก 38 นัด  ไม่แปลกที่ คอนเต้ จะคว้ารางวัลกุนซือยอดเยี่ยมของลีกในฤดูกาลดังกล่าวมาครอง และได้วางรากฐานให้ทีมครองความยิ่งใหญ่ในลีกได้ใน 6 ปีต่อมา

 

น่าเสียดายที่ตลอด 3 ปีในตูริน คอนเต้ ไม่สามารถพาทีมม้าลายประสบความสำเร็จในฟุตบอลระดับทวีปได้เลย และกลายเป็นจุดด่างพร้อยที่ยังแก้ไม่หายของเขาจนถึงปัจจุบัน

 

 

กลาสโกว เซลติก | ฤดูกาล 2001-02 (103 แต้ม)

 

 

สก็อตติช พรีเมียร์ลีก อาจไม่ได้ดุเดือดแย่งแชมป์ลีกเข้มข้นเท่ากับ 5 ลีกใหญ่ในยุโรป แต่การคว้าแชมป์ด้วยคะแนนมากกว่า 100 แต้มในฤดูกาลเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครสามารถทำได้ง่ายๆเช่นกัน

 

ซึ่ง กลาสโกว เซลติก เป็นทีมแรกในสก็อตแลนด์ที่ทำได้ในฤดูกาล 2001-02 ด้วยฝีมือของ มาร์ติน โอนีล กุนซือเลือดวิสกี้ ที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกด้วยคะแนน 103 แต้ม ทิ้งห่าง กลาสโกว เรนเจอร์ส ทีมคู่อริแย่งแชมป์ถึง 18 คะแนน

 

ส่วนดาวเด่นประจำทีมในตอนนั้นต้องยกให้ เฮนริค ลาร์สสัน เพชรฆาตชาวสวีดิช ที่กดไปคนเดียว 29 เม็ดในลีก โดยมีมี จอร์น ฮาร์ตสัน คู่หูในแดนหน้าช่วยแบ่งเบาภาระที่ 19 ประตู