หนักทุกภาคส่วน: วิเคราะห์สภาพ ปืนใหญ่ ในฤดูกาล 2020/21

 

นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา อาร์เซน่อล ภายใต้การนำของ มิเกล อาร์เตต้า อดีตกองกลางของทีม ดูจะมีฟอร์มกระท่อนกระแท่นแบบสุดๆ ทั้งที่ในฤดูกาลก่อนหน้านี้เจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงแรกที่เข้ามาคุมทีม จากการพาทีมคว้า แชมป์เอฟเอคัพ และ แชมป์คอมมูริตี้ชิลด์ 

 

แต่ในปัจจุบันพวกเขาร่วงลงมากองอยู่อันดับ 15 ของตาราง โดยมีแต้มห่างจากโซนตกชั้นแค่ 4 แต้ม กลายเป็นว่าพวกเขาได้จารึกสถิติที่ไม่น่าจดจำเอาไว้เพียบ วันนี้ UFAARENA จะนำเอาสถิติเหล่านั้น มาวิเคราะห์ฟอร์มโดยรวมทั้งเกมรุก เกมรับของ ไอ้ปืนใหญ่ ในฤดูกาล 2020/21 เป็นอย่างไรกันบ้าง

 

เกมรุกสุดฝืด

เริ่มกันที่เกมรุกก่อนเลยแม้ว่าในเรื่องของการผ่านบอลพวกเขาจะทำได้ดีถึง 85% และสามารถสร้างสรรค์โอกาสได้มากมายถึง 146 ครั้ง แต่กลับยิงตรงกรอบไปเพียง 46 ครั้งหรือคิดเป็น 32% เท่านั้น และเปลี่ยนเป็นประตูได้แค่ 12 ประตูนับว่าเป็นอะไรที่ต่างกันมาก ซึ่งเมื่อปรับเป็นค่าเฉลี่ย โอกาสทำประตูของทีมจะมีค่าเฉลียอยู่ที่ 9.6 ครั้งต่อเกม ซึ่งมันน้อยสุดเป็นอันดับ 4 บนเวทีพรีเมียร์ลีก ต่อจาก คริสตัล พาเลซ 9.4, เบิร์นลีย์ 9.2 และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 8.5 

 

ในขณะที่การเปิดบอล ก็ทำได้อย่างย่ำแย่โดยมีเปอร์เซ็นสำเร็จอยู่ที่ 17% เท่านั้น ยกตัวอย่างในเกมกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส พวกเขาเปิดบอลไปมากถึง 44ครั้ง ในเกมเดียว แต่เปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้เลย สุดท้ายก็เป็นฝ่ายแพ้ไป 2-0

 

ด้วยเหตุที่พวกเขายิงทิ้งยิงขว้างเสียส่วนใหญ่ จึงทำให้พวกเขายิงประตูได้น้อยที่สุด นับตั้งแต่ปี 1981/82 จากการลงเล่น 14 เกม ยิงได้แค่ 12ประตู และมีเพียงแค่ทีมในโซนตกชั้นปัจจุบันเท่านั้นที่ยิงได้น้อยกว่าพวกเขา ได้แก่ เบิร์นลี่ย์ 6 ประตู , เวสต์บรอมวิช 10 ประตู และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 8 ประตู

 

สรุปแล้วเกมรุกของพวกเขาสามารถผ่านบอลกับพื้นได้อย่างแม่นยำเป็นอันดับต้นๆของลีก เรื่องการครองบอลก็ทำได้ดี แต่ทัพปืนโต ของ อาร์เตต้า แทบจะสร้างสรรค์โอกาสทำประตูไม่ได้เลย แถมเมื่อมีโอกาสก็ดันยิงทิ้งยิงขวางจนแทบหาสกอร์ไม่ได้เป็นที่มาของความพ่ายแพ้

 

เกมรับพร้อมเสียประตูทุกนัด

เกมรุกว่าน่าปวดหัวแล้ว เกมรับเองก็หนักพอๆกัน หลังจากผ่านมา 14 เกม พวกเขาเก็บคลีนชีทไม่ได้เลยติดต่อกัน 5เกมติดแล้ว แถมถ้านับแค่เกมในบ้านพวกเขาเก็บคลีนชีทไม่ได้มา 7 นัดติดในฤดูกาลนี้ หรือถ้านับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาไม่เสียประตูในบ้าน ก็ต้องย้อนไปฤดูกาลที่แล้ว ในเกมที่เอาชนะ นอริช ไปได้ 4-0 เมื่อช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา นับรวมกับฤดูกาลนี้เป็นการเก็บคลีนชีทในบ้านไม่ได้เลยกว่า 10นัดเข้าไปแล้ว ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2007

 

สิ่งนึงค่อนข้างน่าห่วงคือการทำผิดพลาดในแนวรับจนกลายเป็นทำเข้าประตูตัวเอง ในฤดูกาลนี้พวกเขาทำเข้าประตูตัวเองไปมากที่สุดในลีกถึง 3ครั้งด้วยกัน นี้เป็นการบ่งบอกได้อย่างดีว่าแนวรับของทีมมีปัญหา อย่างไรก็ตามใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลย เพราะหากตัดเรื่องคลีนชีทออกไปจะพบว่า พวกเขาเสียประตูไป 18 ประตู นับว่าอยู่กลางๆเมื่อเทียบกับทีมอื่นๆในลีก

 

สรุปแล้วในเรื่องเกมรับพวกเขาค่อนข้างทำได้ดีเมื่อเทียบกับเกมรุก แต่ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์น่าเป็นห่วง แน่นอนแม้ว่าจะเสียประตูน้อยเมื่อเทียบกับทีมอื่น แต่พวกเขาเสียประตูเกือบทุกนัดแม้จะเสียแค่ 1-2 ประตูก็ตามแต่นั่นอาจหมายถึงความพ่ายแพ้ หากว่าเกมรุกทำประตูไม่ได้

 

ทีมเจ้าพ่อใบแดง

 

อีกหนึ่งเรื่องที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดเลยคือใบแดง ที่พวกเขาเสียไปแล้วทั้งหมด 3 ใบ ในฤดูกาลนี้ แถมพวกเขาเพิ่งโดนผู้ตัดสินแจกใบแดง 2 เกมติด ในเกมเสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน และ เกมแพ้เบิร์นลี่ย์ ซึ่งมันทำให้พวกเขาได้รับใบแดงไปเทียบเท่ากับ ไบร์ทตัน และ เวสต์บรอมวิช โดยพวกเขานับเป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องเรื่องใบแดงอยู่แล้ว อย่างในฤดูกาลที่แล้วพวกเขาก็ครองอันดับ 1 ด้วยการรับใบแดงไปถึง 5 ใบ แต่ถ้าจะมองหาเรื่องที่ยังพอเป็นข้อดีได้บ้างคือพวกเขายังไม่เคยเสียจุดโทษเลยในฤดูกาลนี้

 

ผลลัพธ์ที่ไม่น่าจดจำ เมื่อเกมรับพัง แต่เกมรุกพังกว่า

เมื่อดูในภาพรวมทั้งเกมรุกเกมรับ แม้ว่าจะมีข้อดีอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมายังไงก็จัดว่าย่ำแย่ และหลังจากเกมที่พวกเขาแพ้ เบิร์นลี่ย์ไป 1-0 ทำให้พวกเขาออกสตาร์ทซีซั่นได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1974/75 ซึ่งฤดูกาลนั้นพวกเขาจบในอันดับที่ 16 ของตาราง ห่างจากโซนตกชั้นแค่ 4 แต้มเท่านั้น ส่วนในปัจจุบันพวกเขาอยู่ในอันดับ 15 และมีคะแนนห่างจากโซนตกชั้น 4 แต้มเช่นกัน

 

ผลพวงจากการเก็บคลีนชีทในบ้านไม่ได้เลย มันก็ส่งผลลูกโซ่มาต่อเนื่องถึงฟอร์มโดยรวมที่ว่าพวกเขาแพ้ในบ้านติดกันถึง 4เกม และเสมออีก 1 นัด ในฤดูกาลนี้ ซึ่งมันเป็นสถิติการแพ้ในบ้านติดต่อกันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1959

 

แน่นอนว่าด้วยผลงานทั้งเกมรุกฝืด และเกมรับที่เสียประตูแทบทุกนัด ทำให้จนถึงปัจจุบัน พวกเขาเก็บไปได้แค่ 2 แต้มเท่านั้น นับตั้งแต่ชนะครั้งล่าสุดที่พวกเขาเก็บสามแต้มมาได้จากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย 2 แต้มที่พวกเขาเก็บได้ มาจากเกมเสมอ ลีดส์ และ เสมอเซาธ์แฮมป์ตัน ส่วนที่เหลือพวกเขาแพ้เรียบ

 

การเสริมทัพกู้วิกฤติ

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเป็นได้ว่าปัญหาของทัพปืนโต เกิดจากการที่พวกเขาไม่มีนักเตะที่สามารถสร้างสรรค์เกมได้มาพอ เพราะฉะนั้นการเสริมทัพในตลาดนักเตะเดือนมกราคม เห็นทีจะต้องพุ่งเป้าไปที่บรรดาเพลย์เมคเกอร์ที่จะเข้ามาช่วยสร้างโอกาสที่มันจะแจ้งมากกว่านี้

 

รวมถึงในส่วนของกองหน้าที่จากสถิ ก็ชี้ชัดว่านอกจากจะสร้างโอกาสได้น้อยแล้ว การยิงประตูก็ยิทิ้งยิงขว้างไปอีก บวกกับฟอร์มของดาวยิงตัวความหวังอย่าง ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง เองก็ทำไปได้แค่ 3 ประตู นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล เรียกว่าฟอร์มดับลงไปดื้อๆ ต้องรอดูว่าเมื่อเพลย์เมคกเอร์คนใหม่เข้ามาแล้ว หากสภาพหัวหอกยังท่อเหมือนเดิม ก็ถึงเวลาที่จำเป็นต้องเปลี่ยน

 

ส่วนในแผนกของเกมรับ พวกเขาอาจต้องขายนักเตะส่วนเกินที่ไวใจไม่ได้ออกไป แล้วดึงปราการหลังตัวเก๋าสักคนมาคอยช่วย อาร์เตต้า จัดระเบียบเกมรับในสนาม แม้จะมีตัวเก๋าอย่าง ดาวิด ลุยซ์ แต่เจ้าตัวก็ไม่ใช่ประเภทตัวสั่งการ นั่นอาจเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะทำให้แนวรับของทีมทำได้ดีขึ้น

 

ในขณะที่พวกนักเตะที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อช่วงซัมเมอร์อย่าง โธมัส ปาร์เตย์ , กาเบรียล มาร์กัลเญส และ วิลเลี่ยน ก็ยังแทบไม่มีใครโชว์ฟอร์มโดดเด่น ยกเว้น ปาร์เตย์ ที่พอจะมีทรงฝากผีฝากไข้ได้บ้าง ก็ดันมาเจ็บไปอีก ต้องรอดูว่าในตลาดเดือนมกราคมนี้ นายใหญ่ชาวสเปนจะเดินหน้าเสริมทัพเพื่อแก้เกมอย่างไร และได้ผลมากน้อยแค่ไหน