หมดสภาพ : รวมสถิติสุดแย่ของ นอริช ซิตี้ หลังตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก

 

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นอริช ซิตี้ กลายเป็นทีมแรกที่กระเด็นตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการ หลังเปิดรังพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปแบบหมดสภาพ 4-0

 

แม้ผลงานของพวกเขาจะย่ำแย่มาเป็นพักใหญ่แล้ว แต่ผลนัดล่าสุดทำให้พวกเขาปิดม่านการแสดงในพรีเมียร์ลีกเรียบร้อย ทั้งๆทีเพิ่งเลื่อนชั้นมาได้แค่ปีเดียว โดย 4 ประตูของ มิคาอิล อันโตนิโอ ทำให้เขากลายเป็นแข้งขุนค้อนคนแรกที่ยิงได้ 4 เม็ดในเกมเดียว นับตั้งแต่ เดวิด ครอส เคยยิง สเปอร์ส ได้ในปี 1981

 

เจ้าของฉายา ‘นกขมิ้นเหลืองอ่อน’ รั้งอันดับบ๊วยของตาราง เก็บได้เพียง 21 แต้ม ขณะที่เหลือเพียง 3 เกมในฤดูกาลนี้ แต่ทีมของ แดเนี่ยล ฟาร์เก้ ก็เคยจารึกฟอร์มแจ่มให้แฟนๆได้ชื่นใจด้วยการพลิกเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2 ซึ่งเป็นการหยุดสถิติไม่แพ้ใครในลีกของแชมป์เก่าลงที่  18 นัด

 

มากไปกว่านั้น ตีมู ปุ๊กกี้ คือ 1 ใน 4 นักเตะที่ยิงไป 11 ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้  ร่วมกับ คริส  วู๊ด และ 2 คู่หูจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่าง กาเบรียล เฆซุส กับ เควิน เดอ บรอยน์ ขณะที่ เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย เพลย์เมกเกอร์ดาวเด่นของ นอริช ก็สร้างโอกาสมากสุดเป็นอันดับ 3 ในลีก ที่ 81 ครั้ง

 

พวกเขาใช้เงินเพียง 8 ล้านปอนด์ในตลาดนักเตะ และเน้นการดันดาวรุ่งขึ้นมาเล่น ไม่ว่าจะเป็น ท็อดด์ แคนท์เวลล์, เจมส์ เลวิส, แม็กซ์ อารอน, เบน ก๊อดฟรี่ย์ และ อดัม อิดาห์ ที่ทำผลงานได้น่าประทับใจกับปีแรกในลีกสูงสุดแดนผู้ดี น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านี้ก็ยังไม่ดีพอให้พวกเขาโลดแล่นต่อไปในลีกสูงสุดแดนผู้ดี

 

“เราลงเล่นในฤดูกาลด้วยผู้เล่นชุดเดิม และมีดาวรุ่งหลายคน และผู้เล่นที่ไม่มีประสบการณ์ในระดับนี้” ฟาร์เก้ กล่าวในงานแถลงการณ์หลังเกมนัดล่าสุด

 

“เราต้องการสร้างปาฏิหารย์ให้ได้ และเพราะเหตุผลนั้น ทำให้เรายังผิดหวังเล็กๆกับความเป็นจริง และ ปาฏิหารย์ที่ไม่ปรากฏขึ้น และนั่นคงจะเร็วเกินไปหากจะบอกว่าตื่นเต้นกับการเล่นในแชมเปี้ยนส์ชีพ”

 

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาคอบอลอังกฤษไปชมสถิติสุดแย่ที่ นอริช ซิตี้ จารึกไว้พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ก่อนจะหล่นไปอยู่ แชมเปี้ยนส์ชิพในเร็วๆนี้

 

 

ตกชั้นมากที่สุด

 

 

คำว่า ‘โยโย่คลับ’ คือสิ่งที่เราคุ้นเคยกันมากในยุคพรีเมียร์ลีก ซึ่งมันหมายถึงสโมสรที่เลื่อนชั้นหรือตกชั้นไปมาระหว่างลีกสูงสุดและลีกรองของอังกฤษบ่อยๆ ยกตัวอย่างเช่น เวสต์บรอม, เบอร์มิ่งแฮม หรือ มิดเดิ้ลสโบรห์

 

อย่างไรก็ตาม สโมสรที่เลื่อนชั้นและตกชั้นมากกว่าทีมไหนในแดนผู้ดี กลายเป็น นอริช ซิตี้ แต่เพียงผู้เดียวเรียบร้อย

 

นี่ถือเป็นครั้งที่ 5 ที่นกชมิ้นเหลืองอ่อนตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก แซงหน้า คริสตัล พาเลซ, โบโร่, ซันเดอร์แลนด์ และ เวสต์บรอมวิช ที่ทำไว้ 4 ครั้งเท่ากัน

 

 

ชัยชนะเพียงน้อยนิด

 

 

ทีมไหนก็ตามที่คว้าชัยได้เพียงแค่ 5 นัด จาก 35 เกมในลีก ให้กาหัวไว้ได้เลยว่าทีมนั้นจะต้องตกชั้นแน่นอน แต่ในช่วงแรกของฤดูกาลนี้ นอริช คือทีมน้องใหม่ที่โชว์ฟอร์มได้ตื่นตาตื่นใจ จนมีลุ้นอยู่รอดในปีแรกอยู่เหมือนกัน

 

แต่ผลงานของทีมก็ค่อยๆตกลง และหลังจากที่พรีเมียร์ลีกกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งในเดือนมิถุนายน พวกเขาแพ้รวด 7 นัดในทุกรายการ หรือแพ้รวด 8 ติด หากนับรวมช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดด้วย

 

ความพ่ายแพ้ต่อวัตฟอร์ด 2-1 ในวันที่ 7 กรกฏาคม ทำให้พวกเขาแพ้ 6 เกมในลีกติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 1995 และอย่างที่เรารู้กันว่าสถิตินี้ถูกขยายเพิ่มไปอีกในเกมพบ เวสต์แฮม 

 

 

ไร้เขี้ยวเล็บในเกมรุก

 

 

ถ้าทำประตูไม่ได้ คุณก็ต้องลำบากแน่นอนในการดิ้นรนบนลีกสูงสุดแดนผู้ดี หรืออาจจะหมายถึงลึกระดับสูงในประเทศอื่นๆด้วยเช่นกัน

 

ฤดูกาลนี้ แม้จะมีค่าเฉลี่ยยิงประตู 11.3 ครั้งต่อเกม แต่นอริช ก็เปลี่ยนมันเป็นประตูได้จริงๆเพียง 26 ลูก จาก 35 นัดในลีก ซึ่งน้อยที่สุดในลีก และตามหลัง คริสตัล พาเลซ 4 ลูก

 

 

พึ่งพาแข้งไม่กี่ราย

 

 

ด้วยหลักฐานการทำประตูไม่มากมาย ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่มีแข้งนอริชไม่กี่คนที่โผล่ขึ้นมาทำประตูให้ทีมในฤดูกาลนี้

 

ตีมู ปุ๊กกี้ ดาวซัลโวประจำสโมสรยิงไป 11 ตุง ขณะที่ ท็อดด์ แคนท์เวลล์ ยิงไป 6 ลูก แต่นอกนั่นไม่มีแข้งนกขมิ้นคนไหนเลยที่ยิงได้มากกว่า 1 ประตู ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

 

เพราะฉะนั่น เมื่อไหร่ก็ตามที่ ปุ๊กกี้ และ คานท์เวลล์ ถูกปิดตายจนหมดโอกาสแสดงพิษสง ทีมของฟาร์เก้ ก็แทบไม่มีโอกาสได้ทำเกมหรือยิงประตูคู่แข่งได้เลย

 

 

หลังบ้านรั่ว

 

 

ความแตกต่างครั้งใหญ่่ระหว่าง คริสตัล พาเลซ และ นอริช ที่แย่ในเรื่องการทำประตูคือ แนวรับที่ป้องกันประตู ซึ่งทางฝั่ง ปราสาทเรือนแก้ว เสียไปเพียง 43 ประตูเท่านั้น ซึ่งน้อยที่สุดเป็นอันดับ 7 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

 

แต่ทางฝั่ง นอริช ที่เหลือการแข่งขันอีก 3 นัด พวกเขาโดนคู่แข่งยิงไปถึง 67 ตุง จาก 35 นัดในลีก ซึ่งมากกว่าทุกทีมในลีก และค่าเฉลี่ยเสียประตู 2 ลูกต่อเกม ก็แสดงให้เห็นถึงเกมรับที่อ่อนยวบของทีมได้เป็นอย่างดี

 

 

คลีนชีทก็อย่าหวัง

 

 

เมื่อเกมรับทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่ นอริช จะเก็บคลีนชีทได้เพียง 5 นัดเท่านั้น จากทั้งหมด 35 เกมในลีกตอนนี้

 

ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาหยุดคู่แข่งไม่ให้ยิงประตูได้ในลีกคือเกมที่เอาชนะ เลสเตอร์ 1-0 ในวันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ และนั่นยังเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาไม่แพ้ในเกมลีกด้วย

 

 

ป้องกันลูกนิ่งคือจุดด้อย

 

 

บางทีสิ่งแรกที่ ฟาร์เก้ ควรทำเพื่อลดความกดดันในเกมรับที่หลุดลุ่ยของเขา คือปรับปรุงการยืนตำแหน่งให้รัดกุมในการป้องกันลูกตั้งเตะจากคู่แข่ง

 

ไม่มีทีมไหนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019-20 ที่เสียประตูจากลูกนิ่งไปมากกว่า นอริช (16 ลูก) ขณะที่จังหวะโอเพ่นเพลย์ มีเพียง บอร์นมัธ (41 ลูก) เท่านั้นที่ทำได้แย่กว่าทีมนกขมิ้น (39 ลูก) นี่บ่งบอกชัดเจนว่าพวกเขาต้องแก้ไขเรื่องป้องกันลูกฟรีคิก และลูกเตะมุมมากกว่าที่เป็นอยู่

 

 

จิตใจนักสู้หายไป

 

 

เมื่อฤดูกาลก่อน ช่วงที่พวกเขาคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ชิพ นอริช เก็บได้ถึง 27 แต้มในเกมที่พวกเขาโดนคู่แข่งขึ้นนำไปก่อน แสดงให้เห็นถึงจิตใจนักสู้และไม่ยอมแพ้ของพวกเขาอย่างมาก

 

แต่ในฤดูกาลนี้ ทัศนคติกัดฟันสู้เพื่อชัยชนะกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย และนกขมิ้นเหลืองอ่อนไม่สามารถเก็บแต้มในเกมที่โดนคู่แข่งขึ้นได้เลยแม้แต่คะแนนเดียว

 

บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ นอริช ไม่สามารถอยู่รอดต่อไปในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ก็เป็นได้