หลุยส์ ซาฮา : กองหน้าฝีเท้าดีที่พีกสุดๆยามอยู่ฟูแล่ม

 

หลุยส์ ซาฮา อาจไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายในอาชีพค้าแข้งอย่างที่ตนเองคาดหวังไว้ แต่เมื่อครั้งที่ยังเล่นกับ ฟูแล่ม คือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของหัวหอกชาวฝรั่งเศส

 

ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม ปี 1997 โมฮาเหม็ด อัล-ฟาเยด ได้เทคโอเวอร์ฟูแล่ม ที่ขณะนั้นเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นใน ดิวิชั่น 2 ของอังกฤษ พร้อมให้คำมั่นว่าจะพาทีมเลื่อนชั้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีกให้ได้ภายใน 5 ปีต่อจากนี้

 

เควิน คีแกน เข้ามาเป็นกุนซือเจ้าสัว และพาทีมเลื่อนไปเล่นในดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จในปี 1999 ก่อนจะส่งหน้าที่ต่อให้กับ พอล เบรซแวลล์ ซึ่งเหมือนจะไปได้สวยในฤดูกาล 1999-2000 แต่ช่วงครึ่งฤดูกาลหลังทีมกลับฟอร์มตก จนทำให้เขาถูกปลดในเวลาต่อมา

 

อย่างไรก็ตาม อัล-ฟาเยด ก็ไม่รอช้าแต่งตั้ง ฌอง ทิกาน่า ที่การันตีฝีมือด้วยแชมป์ลีกเอิงกับ โมนาโก เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ 

 

และจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติฟูแล่มในครั้งนั้น นำโดยกุนซือชาวฝรั่งเศสที่ดึงดาวรุ่งชาติเดียวกันมาร่วมทีมด้วย นามว่า ‘หลุยส์ ซาฮา’

 

 

ระเบิดฟอร์มในลีกรอง

 

 

ในฟุตบอลอังกฤษ ซาฮา เคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว หลังเคยย้ายมาเล่นแบบยืมตัวกับ นิวคาสเซิล ในปี 1999 ด้วยวัยเพียง 20 ปี และยิงไป 2 ลูก จาก 12 นัด ก่อนจะย้ายกลับไป เมตซ์ ต้นสังกัดในฝรั่งเศส

 

แต่ในเดือนมิถุนายน ปี 2000 ซาฮา ที่เติบโตขึ้นได้ย้ายซบ ฟูแล่ม ด้วยค่าตัว 2.1 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นเงินที่เจ้าสัวได้จากการขาย เจฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ ให้ เบอร์มิ่งแฮม เป็นสถิติสโมสร

 

ทันทีที่ย้ายมา กองหน้าหนุ่มแดนน้ำหอมก็สร้างอิมแพ็คในทีมใหม่ด้วยการซัดไป 10 ตุง จาก 11 เกมแรกในฤดูกาล ช่วยให้ ฟูแล่ม รั้งตำแหน่งจ่าฝูง โดยไม่แพ้ใคร

 

ซาฮา ประสานงานในแดนหน้ากับ แบร์รี่ เฮลส์ ได้อย่างเข้าขารู้ใจ และได้รับการสนับสนุนจาก หลุยส์ บัว มอร์เต้ กับ บียาร์เน่ โกลด์เบค 2 ทีเด็ดจากตำแหน่งริมเส้น ขณะที่ แข้งมากประสบการณ์อย่าง จอห์น คอลลินส์ และ ลี คล้าร์ก คอยคุมเกมในแดนกลาง โดยมี ฌอน เดวิส กับ สตีฟ ฟินแน่น เป็นดาวรุ่งเพิ่มความสดใหม่ในทีม

 

 

ผลที่ได้คือ ฟูแล่ม ยึดครองเบอร์หนึ่งในลีกรองแดนผู้ดีได้อย่างอยู่หมัด ภายใต้การคุมทีมของ ทิกาน่า ที่เน้นการจู่โจมที่รวดเร็ว จนกลายเป็นหนึ่งในทีมน่าจับตามองในปีนั้น โดยคว้า 101 แต้ม และยิงไปทั้งหมด 90 ลูก

 

โดย ซาฮา คือนักเตะที่โดดเด่นที่สุดในทีมชุดแชมป์ลีกรองของเจ้าสัวปีนั้น ด้วยการรัวไป 27 ลูก คว้าดาวซัลโวลีกและสโมสรไปครอง

 

ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส คือ กองหน้าสายเลือดใหม่ที่ผสมทั้งความเป็นดาวยิงแบบเก่าที่เน้นพละกำลัง, การครองบอล,เล่นลูกกลางอากาศได้ดี กับ ความรวดเร็วในการพาบอล และเทคนิค ในแบบกองหน้ายุคปัจจุบันเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

 

ที่สำคัญที่สุด นั่นทำให้ ซาฮา มีความสามารถในการทำประตูได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งในหรือนอกกรอบเขตโทษ, ลูกชาร์จเข้าฮอสหรือลูกโหม่งกลางอากาศ ยิ่งทำให้เขาเป็นตัวอันตรายสำหรับทีมคู่แข่งมากกว่าเดิม

 

 

ดาวเด่นทีมเจ้าสัว

 

 

อัล-ฟาเยด ตั้งเป้าพาทีมเล็กจากลอนดอนขึ้นไปลุยให้ลีกสูงสุดให้ได้ ภายใน 5 ปี แต่ความจริงแล้ว เขากลับใช้เวลาทำมันแค่ 4 ปีเท่านั้น

 

ความฝันของนักธุรกิจชาวอียิปต์ คือสร้างให้ ฟูแล่ม เป็นเหมือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทางตอนใต้ และเติมเต็มคำมั่นสัญญาด้วยการมอบทุนเสริมทัพให้กับทีมจำนวน 30 ล้านปอนด์ ซึ่งมีนักเตะใหม่มากมายตบเท้าข้ามา เช่น เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, สตีด มัลบรองค์ และ สตีฟ มาร์เล็ต ในซัมเมอร์ปี 2001

 

ในวันเปิดสนามของพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2001-02 ฟูแล่ม ต้องบุกไปเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด  และพ่ายให้กับปีศาจแดงไป 3-2 แต่ถึงอย่างนั้น ฟอร์มการเล่นของพวกเขาก็น่าประทับใจไม่น้อย

 

ซาฮา เป็นดาวเด่นของฝั่งทีมเยือนด้วยการทำไป 2 ประตูในวันนั้น และหลายคนคงจดจำลูกยิงที่งัดข้ามตัว ฟาเบียน บาร์กเตซ เป็นประตูขึ้นนำในช่วงแรกได้เป็นอย่างดี หรือลูกยิงเรียดเบียดเสาสองเข้าไปในครึ่งหลัง

 

 

ด้วยฟอร์มที่โดดเด่นทำให้ ซาฮา คว้านักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคมของลีกไปครอง และแม้ว่า เขาและฟูแล่ม จะหลุดฟอร์มบ้างในบางครั้ง แต่ก็ช่วยให้ทีมคว้าอันดับ 13 และทะลุเข้ารอบตัดเชือกในเอฟเอ คัพ ซึ่งการอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า อัล-ฟาเยด ทุ่มเทกับทีมมากเพียงใด

 

ในฤดูกาลต่อมา ฟูแล่ม คว้าแชมป์อินเตอร์โตโต้ คัพ และได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แต่ผลงานโดยร่วมใน ยูฟ่า คัพ ก็น่าผิดหวัง อีกทั้งยังส่งผลกระทบถึงผลงานในลีกด้วยการจบอันดับ 14 ในตาราง จน ทิกาน่า ถูกปลดในเดือนเมษายนปี 2003

 

ส่วนตัวของ ซาฮา ที่ฟอร์มตกในฤดูกาล 2002-03 และยิงได้เพียง 5 ประตูในลีก ก็กลับมาเร่งฟอร์มเก่งได้อีกครั้งในฤดูกาลต่อมา แต่ในเดือนมกราคมปี 2004 ก็คือจุดสิ้นสุดของเขาในทีมฟูแล่ม

 

นี่ถือเป็นช่วงเวลา 5 ปีแรกที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟูแล่ม ภายใต้การดูแลของ อัล-ฟาเยด และปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทำได้เช่นนี้

 

 

ฟอร์มเดิมไม่เคยกลับมา

 

 

แม้ ฟูแล่ม ไม่ต้องการขายกองหน้าตัวเก่งที่ยิงไป 15 ประตูจาก 22 เกมในช่วงกลางฤดูกาล 2003-04 แต่สุดท้าย ซาฮา ก็ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 12.4 ล้านปอนด์

 

ค่าเฉลี่ยให้การยิงประตูของดาวยิงแดนน้ำหอมในช่วงแรกกับปีศาจแดงถือว่าน่าประทับใจมากๆ แต่ตัวเลขทั้งหมดก็ค่อยๆลดลง เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า และแฮมสตริ่งของเขา ตลอดเวลา 4 ปีครึ่งในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

 

ขณะที่ปีศาจแดงเดินหน้าคว้าแชมป์ใหญ่เป็นว่าเล่น ทั้งพรีเมียร์ลีก หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซาฮา ก็มักจะหายหน้าจากทีมในช่วงเวลาสุดสำคัญราวกับเรื่องปกติ

 

ซ้ำร้าย เรื่องนี้ยังส่งผลต่อเส้นทางในทีมชาติของเขาด้วย เมื่อ ซาฮา ได้ประเดิมนัดแรกกับทีมชาติฝรั่งเศสในนัดเอาชนะ เบลเยี่ยม 2-0 เมื่อปี 2004 แต่อีก 8 ปีต่อมา เขาได้ลงเล่นในทัพตราไก่เพียง 20 นัดเท่านั้น

 

ซาฮา อาจเป็นหนึ่งในกองหน้าจำนวนไม่มากในพรีเมียร์ลีกที่ยิงประตูได้เกิน 100 ลูก แต่ฟอร์มการเล่นของเขาก็ไม่เคยกลับมาเป็นเหมือนสมัยที่เป็นดาวเด่นใน คราเวน คอร์เทจ ได้อีกเลย ทั้งกับ ยูไนเต็ด, เอฟเวอร์ตัน, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์  หรือ ซันเดอร์แลนด์

 

พอเริ่มกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง ท้ายที่สุด อาการบาดเจ็บก็ค่อยๆพรากความสามารถและความรวดเร็วจากฝีเท้าของเขาไปอย่างน่าเสียดาย

 

หากเรื่องเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น ซาฮา อาจกลายเป็นหนึ่งในดาวยิงระดับตำนานในยุคพรีเมียร์ลีกก็เป็นได้