หากไม่อยากชวดแชมป์ : 4 ทางเลือกที่บาร์ซ่าอาจใช้ทวงคืนจ่าฝูงจากมาดริด

 

การป้องกันแชมป์ของ บาร์เซโลน่า ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่าเดิม หลังโดนเรอัล มาดริด คู่แค้นตลอดกาลแซงขึ้นมารั้งจ่าฝูงด้วยผลเฮดทูเฮดที่ดึกว่า

 

เมื่อสัปดาห์ก่อน อาซูลกราน่า ทำได้แค่เสมอกับ เซบีย่า 0-0 โดยที่โอกาสสร้างสรรค์เกมบุกที่โดดเด่นแทบไม่มีให้เห็นในเกมนั้นเลย และจะว่าไปก็ดูคล้ายคลึงกับเกมที่พวกเขาเสมอกับ สลาเวีย ปราก แบบจืดๆในแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายนไม่มีผิดเพี้ยน

 

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจาก การเสริมทัพที่ผิดพลาด ตลอดเวลาที่ผ่านมาสโมสรเมินเฉยสัญญานเตือนต่างๆที่แสดงออกมา และยังคงไว้ใจ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ให้ทำหน้าที่ต่อไป จนเหล่าดาวรุ่งในเยาวชนตัดสินใจย้ายไปเล่นกับสโมสรอื่น แทนที่ พวกเขาจะขึ้นมาพัฒนาฝีเท้าและก้าวเป็นตัวหลักในอนาคต

 

ปัญหาที่มีมากมายในตอนนี้ ทำให้ บาร์ซ่า ต้องผ่าตัดเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่ในซัมเมอร์นี้ มันอาจไม่ถึงขั้นล้างบางทีมยกชุด แต่นักเตะฝีเท้าดี 2 หรือ 3 ราย ที่ทีมต้องการจริงๆ ก็น่าจะช่วยให้ทีมกลับไปสู่จุดสูงสุดอีกครั้งได้

 

แต่พวกเขายังทำเรื่องนั้นไม่ได้ก่อนที่ฤดูกาลนี้จะจบลง และยังมีแชมป์ลีกให้ป้องกัน รวมถึงรายการแชมเปี้ยนส์ลีกในเดือนสิงหาคมด้วย ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาจะทำได้ก่อนตลาดซื้อขายนักเตะคือการเปลี่ยนแปลงแทคติกหรือแนวทางการเล่นให้กลับมาดุดัน แข็งแกร่ง และน่าเกรงขามอีกครั้ง

 

และนี่คือ 4 ทางเลือกที่ยอดทีมจากแคว้นกาตาลุนย่าควรนำไปปรับใช้ หากหวังจะทวงตำแหน่งจ่าฝูง และป้องกันแชมป์ลาลีก้า จาก โลส บลังโกส ให้ได้

 

 

ซัวเรซซุปเปอร์ซับ

 

 

หลุยส์ ซัวเรซ เป็นนักเตะฝีเท้าระดับต้นๆของทีม และเล่นฟุตบอลระดับสูงมานานหลายปี แม้ฝีเท้าจะตกลงไปบ้างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังมีเทคนิคที่เหลือร้าย และลีลาการทำประตูที่ยังพึ่งพาได้ แต่ก็อย่าลืมเช่นกันว่า เขาไม่ใช่ยอดดาวยิงที่ฟิตตลอด 90 นาทีเหมือนเคยอีกแล้ว

 

ฟอร์มการเล่นของ ซัวเรซ ในเกมเจ๊า เซบีย่า ย่ำแย่พอตัว แม้จะมีการเชื่อมเกมประสานงานกับเพื่อนๆในทีมได้ดี แต่เขาก็ยังเป็นภาระในการขึ้นเกมรุกของ บาร์ซ่า เช่นเดิม เนื่องจากอายุอานามและความฟิตที่เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นนี่อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้ว

 

แน่นอนว่า กองหน้าชาวอุรุกวัย ยังมีส่วนร่วมกับทีมต่อไป ดังนั้นจึงไม่ควรโละเขาออกจากทีมแบบสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ควรให้เขาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเหมือนปกติเช่นกัน กีเก้ เซเตียน ควรเก็บเขาไว้ปล่อยของช่วงท้ายเกม เพื่อคอยประสานงานกับ เมสซี่ ในเวลาสำคัญ และ น่าจะไม่มีปัญหาในการเผชิญหน้ากับ แนวรับที่เหนื่อยล้าในช่วงนั้น

 

 

เน้นทำเกมจากด้านกว้าง

 

 

เมื่อ ซัวเรซ กลายเป็นตัวสำรอง บาร์เซโลน่า จะสามารถกลับไปเน้นการจู่โจมที่พวกเขาห่างหายไปพอสมควร นั่นก็คือ การขึ้นเกมด้านกว้าง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาเต็มไปด้วยปีกชั้นดีมากมายเพื่อขยายพื้นที่เข้าทำในแดนคู่แข่ง แค่ในปัจจุบัน พวกเขาเน้นการเข้าทำในพื้นที่แคบๆเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น

 

เมสซี่ มักขยับเข้ามาเล่นด้านใน แต่บาร์ซ่าก็ควรมีแบ็คจอมบุกขึ้นมาทดแทน เหมือนสมัยที่มี ดานี่ อัลเวส เป็นแบ็คขวาตัวหลัก เขาก็เติมขึ้นมาทำเกมบุกได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะที่ฝั่งซ้ายอย่าง จอร์ดี้ อัลบา ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน แม้จะไม่โดดเด่นมากมายเท่า เพราะฉะนั้นการมีตัวทดแทนยามเล่นบุกก็เป็นสิ่งที่ควรมีเช่นกัน

 

หรืออีกทางเลือกหนึ่งเมื่อไม่มี หอกชาวอุรุกวัย ทีมสามารถจับ เมสซี่ มาเป็น ฟอลส์ ไนน์ ได้ ทำให้เคลื่อนที่ทำเกมตรงกลางได้ตลอดเวลา โดยไม่สูญเสียสมดุลรูปแบบทีม อีกทั้งทำให้ทีมสามารถใช้งาน อันซู ฟาติ, มาร์ติน เบรทเวท หรือ ดาวรุ่งคนอื่นๆในรั้ว ลา มาเซีย ในตำแหน่งตัวริมเส้น ซึ่งอาจปักหลักอยู่ด้านข้างเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็สามารถหุบเข้ามาเล่นข้างในเพื่อทำประตู หรือเชื่อมเกมกับแดนกลางเมื่อถึงคราวเหมาะสมได้เช่นกัน

 

 

ใช้ผู้เล่นที่มีให้มากขึ้น

 

 

อาซูลกราน่า มักจะใช้งานแข้งตัวหลักหน้าเดิมๆมาตลอดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา หลังจากที่พวกเขาคว้าแชมป์ยุโรปในเวมบลีย์ และการที่คว้าแชมป์ยุโรปอีกครั้งในปี 2015 ก็ทำให้พอเข้าใจได้ว่าทำไมทีมถึงยึดติดผู้เล่นเหล่านั้นมากมายขนาดนี้

 

แต่ในปี 2020 บาร์ซ่า ไม่ได้มีนักเตะที่ยอดเยี่ยมในทุกตำแหน่งเหมือนเคย และมีผู้เล่นกลุ่มเล็กๆเท่านั้นที่วนเวียนลงสนามบ่อยกว่าใคร และอย่าลืมว่าแข้งเหล่านั้นอายุแตะ 30 กันหมดแล้ว

 

แน่นอนว่า บาร์ซ่า ในตอนนี้ อาจไม่ได้มีค่าเฉลี่ยอายุทีมเท่ากับ เรอัล มาดริด แต่ก็ดีพอที่พวกเขาจะหมุนเวียนใช้งานมากกว่าที่เป็นอยู่ในฤดูกาลนี้

 

จูเนียร์ ฟีร์โป้ น่าจะแสดงศักยภาพที่มีมากกว่านี้ หากได้รับโอกาสเป็นตัวจริงกว่าที่เป็นอยู่ และอาจช่วยกระตุ้นให้ อัลบา รักษาฟอร์มเก่งเพื่อรั้งตำแหน่งตัวจริงต่อไปด้วย 

 

ในตำแหน่งกองหลัง โรนัลด์ อเราโฆ่ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถเล่นในลาลีก้าได้ และร่างกายที่แข็งแกร่งกับเทคนิคที่มีก็ชัดเจนว่า เขาสามารถเล่นได้ทั้งกับ เคราร์ด ปิเก้ หรือ เคลม็องต์ ลองช์เล่ต์ มากกว่าให้ทั้งคู่เล่นด้วยกัน อีกทั้งนี่ยังเพิ่มประสบการณ์ดาวรุ่งชาวอุรุกวัยในเกมระดับสูงได้อย่างรวดเร็วด้วย

 

สำหรับแดนกลางตัวเก๋า ทั้ง เซร์คิโอ บุสเก็สต์ ยังคงมีคลาสอยู่ แต่ก็ไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนเดิม, อิวาน ราคิติช ก็ผ่านพ้นช่วงพีกในทีมไปแล้ว และ อาร์ตูโร่ วิดัล ก็อาจเป็นคนเดียวที่โดดเด่นในการเล่นเกมรุก

 

 

แฟรงกี้ เดอ ยอง ทำได้ดี ยามเล่นอยู่ทั้ง 2 ฝั่งข้างๆ บุสเก็ตส์ แต่เขาควรจะเล่นเป็นตัวคุมเกมมากกว่านี้ ซึ่งจะทำให้ บาร์เซโลน่า ขึ้นเกมในแดนกลางได้รวดเร็วขึ้น และยังทำให้ ตัวรับเลือดกระทิง ได้พักและกลับมาฟิตอีกด้วย

 

ขณะที่ด้านข้าง เดอ ยอง ชื่อของ อาร์ตู น่าจะได้โอกาสลงเล่นมากกว่า ราคิติช เพราะ แข้งชาวบราซิลเลี่ยน มักจะทำผลงานได้ดีเสมอยามได้โอกาสโชว์ฝีเท้าในสนาม    

 

ริกี้ ปูอิก คือดาวรุ่งอีกคนที่ควรได้รับโอกาสลงเล่นมากกว่านี้ ด้วยลีลาการเล่นที่คล้ายคลึงกับ อันเดรส อิเนียสต้า การส่งเขาลงไปพร้อมกับ เดอ ยอง และ วิดัล น่าจะทำให้ แดนกลางของบาร์ซ่า ดูลื่นไหลมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

 

 

ทดลองใช้ กรีซมันน์ ในตำแหน่งใหม่

 

 

อองตวน กรีซมันน์ ยังทำผลงานกับบาร์เซโลน่า ได้ไม่น่าพอใจนัก ซึ่งนั่นก็เรื่องที่เข้าใจได้ เพราะทีมที่ต้องการ นักเตะเบอร์ 9 หรือ เบอร์ 11 กลับเลือกคว้านักเตะเบอร์ 10 เข้ามา บางทีไอเดียดั่งเดิมอาจเป็นการปรับแผนใหม่และ ใช้ เมสซี่ กับ กรีซมันน์ เล่นเป็นตัวรุกร่วมกัน เพียงแต่มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย ในยุคของ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ 

 

ดาวเตะเฟรนช์แมน ไม่เวิร์คเท่าไหร่กับการขยับไปเล่นเป็นปีก รวมถึงการเป็นกองหน้าตัวเป้า และบางที เขาอาจต้องย้ายทีมอีกครั้งในซัมเมอร์นี้ แต่จนกว่าเรื่องนั้นจะเกิดขึ้น ทำไมพวกเขาไม่ลองหาวิธีให้งานเขาให้ดีกว่าที่เป็นก่อนล่ะ? 

 

กรีซมันน์ เป็นนักเตะที่สามารถสร้างสรรค์เกมได้ และไปกับบอลได้ดี ดังนั้น การขยับเขาลงต่ำกว่าเดิมเพื่อตำแหน่งการเล่นที่มีความซับซ้อนน้อยลงก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

 

ทีมอาจลองจับเขาไปเล่นเป็นแบ็คซ้ายก็ได้ ถ้าต้องการขนาดนั้น แต่การให้เขาเล่นเป็นกองกางตัวรุกที่  บาร์ซ่า ขาดหายมานานหลังหมดยุค อิเนียสต้า มันจะดูแปลกๆ แต่ก็อาจจะได้ผล  ซึ่งเขาเคยมีประสบการณ์ในตำแหน่งนี้มาก่อนแล้วในช่วงที่เขาร่วมงานกับ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่แอตเลติโก้ มาดริด ดังนั้นบทบามนี้ในแดนกลางคงไม่น่ามีปัญหาอะไร

 

โดยปกติแล้ว แข้งเลือดน้ำหอม จะใช้เวลาส่วนใหญ่ลงมาล้วงบอลในแดนกลาง และเชื่อมเกม เพราะฉะนั้นทำไมไม่ให้เขาทำหน้าที่นั้นแบบถาวรไปเลย? ด้วยวิธีนี้ กรีซมันน์ ลงมาเล่นต่ำขึ้น เล่นได้ปลอดภัยขึ้น และดูมีประโยชน์กับทีมมากกว่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่แดนหน้าเพียงลำพัง

 

นอกจากนี้ เขายังมีโอกาสพาบอลขึ้นไปหน้ากรอบเขตโทษคู่แข่งเพื่อทำประตูได้ด้วยตัวเอง เพียงแต่หน้าที่หลักของ กรีซมันน์ คือการทำเกมจากแนวลึก ทั้งจ่ายหรือครอสบอลป้อนให้กับเพื่อนร่วมทีมแดนหน้าเพื่อทำประตูมากกว่าเป็นเพชรฆาตเหมือนอย่างเคย