อยากมุดแผ่นดินหนี! รวมผลงานไม่น่าจำของทัพ “ช้างศึก” ปี 2019

 

ทีมชาติไทย เพิ่งโชว์ผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ในศึก ซีเกมส์ 2019 จนทำให้ลูกทีมของ อากิระ นิชิโนะ ต้องกระเด็นตกรอบแรกไปในท้ายที่สุด นี่ถือเป็นการตกรอบแรกในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวครั้งแรกในรอบ 8 ปี เลยทีเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนบอลชาวไทย ผิดหวังไปตามๆ กัน

 

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าในปีนี้ผลงานของ ทัพ “ช้างศึก” หลายชุด โชว์ฟอร์มไม่ค่อยดีเท่าที่ควร และไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยเฉพาะกับทีมชุดเล็กทั้ง ชุด U18 ที่พลาดคว้าแชมป์อาเซียน และ ชุด U19 ซึ่งไม่สามารถคว้าตั๋วเข้าไปเล่นในศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ รวมไปถึงยังมีอีกหลายผลงานของ ทีมชาติไทย ในปีนี้ ที่ต้องบอกเลยว่าไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไร

 

ประเดิม เอเชียน คัพ พ่าย อินเดีย ขาดลอย 4 – 1

 

ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ค่อนข้างน่าผิดหวังสำหรับ ทีมชาติไทย กับการลงเล่นในศึก เอเชียน คัพ 2019 ภายใต้ยุคการทำทีมของกุนซือ มิโลวาน ราเยวัช ด้วยการประเดิมสนามทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวพ่ายให้กับทีมรองบ่อนอย่าง อินเดีย ไปแบบขาดลอย 4 – 1

 

โดยก่อนเกมลูกทีมของเทรนเนอร์ชาวเซอร์เบีย ดูเป็นต่อกว่าคู่แข่งจากแดนภารตะอยู่ไม่น้อย ทว่าเมื่อเสียงนกหวีดเริ่มต้นขึ้น กลับเป็นทางฝั่ง อินเดีย ที่เล่นได้ดีกว่ามาก และสามารถเอาชนะไปในท้ายที่สุดด้วยสกอร์ 4 – 1 เรียกได้ว่าเป็นผลการแข่งขันที่ทำเอาแฟนบอล “ช้างศึก” หัวเสียไปตามๆ กัน

 

จากความพ่ายแพ้แบบพลิดล็อคของ ทีมชาติไทย ในเกมนี้ส่งผลให้ มิโลวาน ราเยวัช ถูกปลดออกจากตำแหน่งเฮดโค้ชของทีมทันที แม้เจ้าตัวเพิ่งพาทีมลงเล่นใน เอเชียน คัพ ไปได้แค่เพียงเกมเดียวเท่านั้น ก่อนที่ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย จะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทน และสามารถพาทีมพลิกสถานการณ์ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

 

 

ไร้ชัยศึก คิงส์คัพ พ่าย เวียดนาม คาบ้าน

 

แน่นอนว่าสำหรับศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ถือเป็นถ้วยที่มีความสำคัญต่อทั้ง ทีมชาติไทย และแฟนบอลไทย เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป้าหมายเดียวของทัพ “ช้างศึก” สำหรับการลงเล่นในรายการนี้คือการคว้าแชมป์ให้ได้เพียงสถานเดียวเท่านั้น

 

สำหรับศึก คิงส์คัพ ครั้งที่ 47 ในปีที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ซึ่งมี “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย คุมทีม ต้องโคจรมาพบกับคู่ปรับสำคัญอย่าง เวียดนาม ของกุนซือ ปาร์ค ฮัง ซอ ตั้งแต่ในรอบแรก เกมนี้เป็นทางฝั่งทีมชาติไทย ที่เล่นได้ดีกว่า และมีโอกาสจบสกอร์หลายครั้ง แต่ตลอดทั้งเกมไม่สามารถเจาะตาข่ายฝั่งทัพ “ดาวทอง” ได้เลย

 

เกมทำท่าจะจบ 90 นาที ด้วยผลเสมอ 0 – 0 แต่แล้วช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย กลายเป็น เวียดนาม ที่มาได้ประตูชัยจากความผิดพลาดของ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ทำเข้าประตูตัวเอง ทำให้ขุนพลทัพ “มังกรทอง” บุกมาเอาชนะ ทีมชาติไทย ถึงถิ่นในศึก คิงส์คัพ 2019 ได้สำเร็จ

 

หลังจากนั้นในเกมนัดชิงที่ 3 ลูกทีมของ “โค้ชโต่ย” พลาดท่าให้กับคู่แข่งอย่าง อินเดีย เป็นหนที่สองในปีนี้ หลังพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 1 – 0 นั่นทำให้ ทีมชาติไทย ลงเล่นในศึก คิงส์คัพ ครั้งที่ 47 ด้วยการไม่ชนะใครเลย และไม่สามารถยิงประตูคู่แข่งได้แม้แต่ลูกเดียว

 

 

U23 โดน เวียดนาม ถล่มเละ 4 – 0

 

เป็นที่รู้กันดีว่า ทีมชาติไทย เตรียมที่จะเป็นเจ้าภาพศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในช่วงต้นปีหน้า ซึ่งนั่นจะทำให้ทีมของเราได้ตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในรายการดังกล่าวแบบอัตโนมัติทันที อย่างไรก็ตามอดีตกุนซือของทีมชุดนี้อย่าง อเล็กซานเดร กาม่า ยังคงต้องพาทีมลงเล่นในรอบคัดเลือกตามเดิม และต้องเจอศึกหนักพบกับคู่ปรับสำคัญอย่าง เวียดนาม ซึ่งเป็นเจ้าภาพเกมรอบคัดเลือก

 

ในแมตช์นี้ทั้งสองทีมขนผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามครบทุกตำแหน่ง โดยทางฝั่งทัพ “ช้างศึก” มี ชินภัทร ลีเอาะ, วรชิต กนิตศรีบําเพ็ญ, ศุภชัย ใจเด็ด และ สุภโชค สารชาติ นำทีม ส่วนทางฝั่งทัพ “ดาวทอง” นำทีมโดย 2 แกนหลักจากทีมชาติชุดใหญ่อย่าง ดวน วาน เฮา และ เหงียน กวง ไฮ

 

รูปเกมเป็นทางฝั่ง เวียดนาม ที่เล่นได้ดีกว่า และเหนือกว่าอย่างชัดเจน พวกเขาเดินหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่ ทีมชาติไทย อย่างต่อเนื่องตลอด 90 นาที ก่อนท้ายที่สุดลูกทีมของ อเล็กซานเดร กาม่า จะแพ้ไปแบบเละเทะด้วยสกอร์ 4 – 0 พร้อมกับการโดนใบแดงไล่ออกจากสนามของ ศุภชัย ใจเด็ด ในแมตช์นี้ด้วย ซึ่งการแพ้ให้กับคู่รักคู่แค้นแบบขาดลอยครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในเกมที่สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลไทย มากที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้

 

 

U18 แพ้ กัมพูชา ตกรอบแรกศึกชิงแชมป์อาเซียน

 

ศึกชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ถือเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์สำคัญในปีนี้ที่ทัพ “ช้างศึก” ตั้งเป้าจะต้องคว้าแชมป์มาครองให้ได้ ทว่า “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร กลับพาทีมไปไม่ถึงฝั่งฝันที่วาดเอาไว้ พร้อมกับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังสุดๆ

 

โดยในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทย โคจรมาพบกับทั้ง เจ้าภาพ เวียดนาม, มาเลเซีย, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์ และ กัมพูชา ถือเป็นงานที่หนักเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้แฟนบอลชาวไทย ถึงกับช็อค และไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เกิดขึ้นในเกมนัดที่สอง ซึ่งทีมของ “โค้ชหระ” พบกับคู่แข่งที่เป็นรองมากที่สุดในกลุ่มนี้อย่าง กัมพูชา อย่างไรก็ตามหลังเสียงนกหวีดเป่าเริ่มเกม มหกรรมพลิกล็อกถล่มทลายได้เกิดขึ้นทันที

 

แข้งขุนพล “อังกอร์ วอริเออร์” ที่ดูเป็นรองกว่ามากกลับสร้างเซอร์ไพรส์มาได้ประตูออกนำ ทีมชาติไทย ไปก่อนแบบช็อคทั้งแฟนบอล และบรรดาสตาฟโค้ชข้างสนาม และถึงแม้ว่าเราจะมาตามตีเสมอเป็น 1 – 1 ได้สำเร็จ แต่หลักจากนั้น กัมพูชา เดินหน้ากระทุ้งตาข่าย “ช้างศึก” แบบต่อเนื่อง ก่อนท้ายที่สุดพวกเขาพลิกล็อคเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 4 – 3 และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ ทีมชาติไทย ที่โดนคู่แข่งอย่าง กัมพูชา ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ถึง 4 ประตู รวมทุกชุดที่เคยพบกันมา และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งลูกทีมของ อิสสระ ศรีทะโร ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านตั้งแต่รอบแรกในศึกชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ทันที

 

 

U19 ตกรอบคัดเลือก ศึกชิงแชมป์เอเชีย

 

เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไรนักของทัพ “ช้างศึก” ในปีนี้ ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้กับการตกรอบคัดเลือกศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ถึงแม้จะมีเกมที่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ถึง 21 – 0 ก็ตาม

 

โดยในเกมรอบคัดเลือก ศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ทีมชาติไทย ภายใตการทำทีมของ “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร คนเดิม อยู่ร่วมสายกับ มาเลเซีย, กัมพูชา, บรูไน และ นอร์ทเทิร์น มาเรียนา ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นงานที่ไม่ค่อยหนักเท่าไรนัก โดยในสองเกมแรกเราออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่มด้วยการเอาชนะ บรูไน 9 – 0 และไล่ถล่ม นอร์ทเทิร์น มาเรียนา แบบขาดลอย 21 – 0 ดูแล้วโอกาสเข้ารอบต่อไปค่อนข้างสดใสทีเดียว

 

แต่แล้วในเกมนัดที่สาม ทีมชาติไทย ต้องมาเจอกับคู่ปรับเก่าอย่าง กัมพูชา ที่เพิ่งดวลกันมาในศึก ศึกชิงแชมป์อาเซียน และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังลูกทีมของ “โค้ชหระ” แพ้ให้กับขุนพล “อังกอร์” เป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ก่อนที่ในเกมสุดท้ายผลงานของเรายังคงย่ำแย่ต่อเนื่องแพ้ให้กับ มาเลเซีย 1 – 0 ส่งผลให้ ทีมชาติไทย ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 เป็นครั้งแรงในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ เลยทีเดียว

 

 

ร่วงรอบแรก ซีเกมส์ ครั้งแรกในรอบ 8 ปี

 

ส่วนเหตุการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ในศึก ซีเกมส์ 2019 ที่ผ่านมา เมื่อ ทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์ 16 สมัย และแชมป์ 3 สมัยล่าสุดติดต่อกัน ต้องพลาดท่าตกรอบแรกในรายการนี้ไปแบบน่าเจ็บปวดสุดๆ

 

โดยในเกมรอบแบ่งกลุ่ม ทีมแชมป์เก่ารายการนี้ซึ่งนำทีมมาโดยเทรนเนอร์อย่าง อากิระ นิชิโนะ ที่ตั้งเป้าหมายต้องการคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันให้ได้ ถูกจับมาอยู่ในสายเดียวกับทั้งทีมเต็งอย่าง เวียดนาม, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ลาว และ บรูไน ซึ่งในทัวร์นาเมนต์นี้แฟนบอล “ช้างศึก” ต้องผิดหวังกับผลงานของทีมตั้งแต่ในเกมแรกเลยหลังแพ้ให้กับ อินโดนีเซีย ไปแบบเหนือความคาดหมาย 2 – 0 ทั้งที่นักเตะในทีมชุดนี้ถือว่ามีตัวความหวังอยู่หลายคนทั้ง ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ รวมไปถึง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา

 

หลังจากที่พลาดท่าแพ้ให้กับ “อิเหนา” ในเกมแรก ลูกทีมของ นิชิโนะ พยายามเร่งฟอร์มของตัวเองเต็มที่ ก่อนเก็บชัยชนะได้ใน 3 เกมต่อมา ทั้งการชนะ บรูไร 7 – 0, ชนะ สิงคโปร์ 3 – 0 และ ชนะ ลาว 2 – 0 ทว่าผลงานโดยรวมยังไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไรนัก

 

กระทั่งศึก ซีเกมส์ 2019 ดำเนินมาถึงเกมนัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่ง ทีมชาติไทย จะต้องเจอกับคู่รักคู่แค้นอย่าง เวียดนาม และจำเป็นต้องเอาชนะให้ได้ด้วยผลต่างสกอร์ 2 ลูกขึ้นไปเท่านั้น โดยในเกมนี้ทัพ “ช้างศึก” เริ่มเกมได้อย่างยอดเยี่ยมออกนำลูกทีม ปาร์ค ฮัง ซอ อย่างรวดเร็ว 2 – 0 ในเวลาแค่เพียง 10 เท่านั้น

 

แต่แล้วทัพ “ดาวทอง” สามารถตามตีเสมอได้สำเร็จจากการยิง 2 ประตู ของ เหงียน เตียน ลินห์ โดยเฉพาะลูกที่ 2 ซึ่งได้มาจากจังหวะจุดโทษที่น่ากังขา หลังจากที่ในตอนแรก ฮุย ตาน ซินห์ เป็นคนรับหน้าที่สังหารลูกโทษไปติดเซฟ นนท์ ม่วงงาม ทว่าผู้ตัดสินกลับให้ยิงใหม่อีกครั้ง เพราะมองว่านายทวารของไทย เอาเท้าออกจากเส้นประตูก่อน หลังจากนั้นเป็น เหงียน เตียน ลินห์ ที่ซัดจุดโทษครั้งที่สองเข้าไปแบบเฉียบคม จบเกมทั้งสองทีมเสมอกันไป 2 – 2 ทำให้ ทีมชาติไทย แชมป์รายการนี้มากที่สุด 16 สมัย และแชมป์เก่า 3 สมัยซ้อน ต้องกระเด็นตกรอบแรกศึก ซีเกมส์ ครั้งแรกในรอบ 8 ปี ไปในท้ายที่สุด