อยากแทรกแผ่นดินหนี! 6 เกมน่าอับอายของบาร์เซโลน่าในเเชมเปี้ยนส์ ลีก

 

หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องยากที่ทีมอย่างบาร์เซโลน่าจะเเพ้คู่เเข่งด้วยสกอร์ที่ท่วมท้นเเต่! มันไม่ยากอย่างที่คิด เจ้าบุญทุ่มเคยโดนคู่เเข่งกดยับมาถึง 6 เกม 

 

การเจอกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค เเละ บาร์เซโลน่า ใครก็ต้องคิดว่าเป็นเกมใหญ่ที่สนุกเเน่นอนเเต่ผลลัพธ์กลับเป็นเกมที่ดูจะห่างชั้นเเถมสกอร์ก็ยังห่างสุดๆ เสือใต้เอาชนะไป 8-2 นับเป็นเเรกในรอบ 71 ปีที่บาร์ซ่าเสียประตูให้คู่เเข่งเกิน 7 ลูก

 

อย่างไรก็ตามเเม้ครั้งนี้จะเป็นความพ่ายเเพ้ที่เละที่สุดของบาร์ซ่าเเต่ในอดีตพวเขาก็เคยเเพ้ให้คู่เเข่งเเบบเละเทะมาเเล้วหลายครั้ง 

 

 

เอซี มิลาน 4-0 บาร์เซโลน่า (1994)

 

เกมนัดชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 1993-94 เเข่งกันที่ดินเเดนเทพนิยายกรีซ เป็นการโคจรมาพบกันของสองยอดทีมแห่งยุค บาร์เซโลน่าชุด “ดรีมทีม” ของ โยฮันน์ ครัฟฟ์ พบกับ เอซี มิลาน ของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ยอดทีมจากอิตาลี

 

ทั้ง 2 ทีมเต็มไปด้วยดาวดังระดับโลก บาร์ซ่า เหมือนจะเป็นต่อเล็กน้อย ครัฟฟ์ คาดหวังจะพาทีมเป็นเเชมป์ยุโรป 2 จาก 3 ปีหลังสุด เริ่มเกมบาร์ซ่าบุกเข้าใส่ตามสไตล์ แต่ถูกเกมเพรสซิ่งของมิลานเล่นงานจนทำอะไรไม่ถนัด ก่อนโดนทีเด็ดของ ดานิเอเล่ มาสซาโร่ กองหน้าทีมชาติอิตาลี ซัดคนเดียว 2 ประตู ก่อนที่ครึ่งหลังจะมาโดนอีก 2 ลูกจบเกมเเพ้ไป 0-4 กลายเป็นปีศาจเเดงดำคว้าเเชมป์ยุโรปไปครอง 

 

 

บาร์เซโลน่า 0-2 เรอัล มาดริด (2002)

 

ในปี 2002 สองทีมยักษ์ใหญ่ของสเปนโครจมาพบกันเป็นครั้งเเรกในศึกถ้วยใหญ่ยุโรปนับตั้งเเต่ปี 1960 ศึกเอลกลาซิโก้ เวอร์ชั่นบิ๊กเอียร์ เเละเป็นประสบการณ์ที่เเฟนๆเจ้าบุญทุ่มไม่อยากจะจดจำ เพราะพวกเขาเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ถูกราชันชุดขาวเหยียบย่ำก่อนจะก้าวเป็นเจ้ายุโรปสมัยที่ 9 ในปั้นปลาย

 

สตีฟ แม็คมานามาน เเละ ซีเนอดีน ซีดาน ซัดคนละ 1 ตุงให้ทีมเมืองหลวงสเปนเอาชนะไปได้ เเม้ว่าบาร์ซ่าจะสนุกกับการครองบอลเเบบติกิ-ตาก้าตลอดทั้งเกมเเต่ก็ยังดีไม่พอจะพาทีมคว้าชัยได้

 

 

บาเยิร์น 4-0 บาร์เซโลน่า (2013)

 

เป็นการเจอกันของ 2 ทีมที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดนะเวลานั้น เเม้บาร์เซโลน่าจะเพิ่งเเยกางกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือผู้พาทีมรุ่งเรืองเเต่นักเตะในทีมยังมีทั้ง ลิโอเนล เมสซี่, อันเดรส อิเนียสต้า, ชาบี เอร์นานเดซ และ เปโดร โรดิเกวซ

 

ขณะที่ เสือใต้นำโดย บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ฟรองช์ ริเบรี่, โธมัส มุลเลอร์ , อาร์เยน ร็อบเบน และมาริโอ โกเมซ เกมเริ่มมาทั้ง 2 บุกใส่กันไม่ยั้งเเต่ดูเหมือนเกมรุกของบาเยิร์นจะเดินเครื่องได้ไหลลื่นกว่า มุลเลอร์ ซัดคนเดียว 2 ประตูบวกกับ โกเมซเเละอัลบาอีกคนละลูกพาทีมชนะไปได้อย่างท่วมท้น เเม้ว่าเหตุผลหลายคนจะมองว่าเป็นเพราะ เมสซี่ ไม่ฟิตก็ตาม(ตอนนั้นเพิ่งหายเจ็บกลับมา)

 

 

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 4-0 บาร์เซโลน่า (2017)

 

เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำหรับหลุย เอ็นริเก้ เทรเนอร์เจ้าบุญทุ่มที่เหมือนต้องเเบกรับความกดดันพาทีมไปถึงตำเเหน่งเเชมป์ให้ได้เเต่คู่เเข่งของพวกเขาคือทีมเเกร่งจากฝรั่งเศสอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

 

อังเคล ดิ มาเรีย ซัดคนเดียว 2 ประตูบวกกับ ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ เเละ เอดิสัน คาวานี่ บวกอีกคนละ 1 ประตูพาเปเเอสเชเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 4-0 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ไม่ดีนักสำหรับพวกเขา เเต่เเล้วในเลกที่ 2 ลูกทีมของเอ็นริเก้พลิกนรกกลับมาเอาชนะด้วยสกอร์ 6-1 เรียกว่าเอาคืนทบต้นทบดอกกันเลยทีเดียว 

 

 

ดินาโม เคียฟ 4-0 บาร์เซโลน่า (1997)

 

การเเข่งขันรอบเเบ่งกลุ่มในปี 1997 ดินาโม เคียฟ ทีมรองบ่อน ถูกจับมาให้อยู่กลุ่มเดียวกับยอดทีมอย่าง บาร์เซโลน่า หลายคนมองว่าทีมจากยูเครนมีสิทธิ์โดนถลุงเเละกลับบ้านตั้งเเต่ไก่โห่ แต่ วาเลรี่ โลบานอฟสกี้ ตำนานนักเตะและยอดโค้ชของ ดินาโม เคียฟ บอกว่าต้นสังกัดของเขามีดีพอที่จะเอาชนะได้ทุกทีม พร้อมเเบกตำเเหน่งแชมป์ลีกของดินแดนม่านเหล็กถึง 13 สมัย

 

หลังจากการพบกันนัดแรกที่ โอลิมปิก สเตเดี้ยม ดินาโม เคียฟ เอาชนะไป 3-0 ทำให้การพบกันที่ คัมป์ นู เป็นแมตช์ที่ตึงเครียดมากขึ้นเมื่อเจ้าบ้านหวังคิดบัญชีแบบทบต้นทบดอก แต่ผลที่ออกมากลับกลายเป็นฝันร้ายของแฟนบอลและกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล เมื่อ อังเดร เชฟเชนโก้ ระเบิดฟอร์มทำแฮตทริกได้ตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนที่ ดินาโม เคียฟ จะบุกมาถล่มย้ำแค้น บาร์เซโลน่า เละคารัง 4-0

 

 

ลิเวอร์พูล 4-0 บาร์เซโลน่า (2019)

 

เป็นเกมที่ดูเหมือนจะสบายสำหรับนักเตะบาร์เซโลน่าเพราะในเกมเลกเเรกพวกเขาไล่ถล่มเอาชนะลิเวอร์พูไปด้วยสกอร์ 3-0 หลายฝ่ายคงไม่คิดว่าจะมีทีมไหนที่จะสามารถเอาชนะบาร์เซโลน่าได้ด้วยสกอร์ที่มากกว่า 3 ลูก เเถมหงส์เเดงยังไม่มี 2 เเข้งตัวเก่งอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เเละ โม ซาลาห์ เกมนี้

 

เเต่เหมือนฝันร้ายที่เอซีมิลานเคยโดนในนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2005 จะเข้ามาหาบาร์ซ่าบ้าง เมื่อนักเตะหงส์เเดงเเละเเฟนบอลรวมใจกันร้องเพลง “you will never walk alone” ดังกระหึ่ม ดิว็อก โอริกี้ ยิงประตูจุดประกายตั้งเเต่นาทีที่ 7 ก่อนที่จะมารัว 3 ลูกรวดในครึ่งหลังจาก จินี่ ไวนัลดุม เเละ โอริกี้ อีก 1 ลูก หงส์เเดงเอาชนะไป 4-0 เขี่ยบาร์ซ่าตกรอบชนิดที่เเฟนๆเจ้าบุญทุ่มคงไม่อยากเชื่อ